ไปเที่ยวกันนะ
Group Blog
 
 
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
14 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
ไทยแลนด์ - เชนไน - บังกาลอร์

ออกจากหอตอน 4โมงครึ่ง กับรถ 2 คันคันนึงเป็นพ่อกับแม่กิ๊ก อีกคันกิ๊กขับ มีปาล์ม สรวงและก็บิวมาส่งกิ๊กบอกขอบคุณสรวงกับบิวมากที่มาส่ง สรวงกับบิวบอก ไม่เป็นไรเค้าอยากไปเที่ยวสุวรรณภูมิไม่เคยไป….ฮาแตก กูขึ้นดอนเมืองจ้า

เพื่อนเงิบและเซงเลย เราไปแอร์เอเชีย เกือบจะถึงสนามบินกิ๊กลืมกระเป๋าตัง กำลังจะกลับไปเอาที่หอ ให้เรากับบิวขนของลงไปจัดการรอก่อนพอขนของเสร็จมองไปที่พื้นรถ เจอพอดีกระเป๋าตัง โชคดีไป เลยไม่ต้องกลับไปเอาใหม่

ก่อนไปเบนซ์โทรมาถามว่าอยู่ไหน บอกว่ากำลังไปดอนเมือง ถามว่าไปกี่วันเราบอก 33วัน เค้าถามว่า “นี่ไปทำอะไรเนี่ย”

“ไปเรียน” “เคยได้ยินมั้ย แมวไม่อยู่หนูร่าเริง” “ไม่เคยเล๊ยยยไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่รู้เป็นไงด้วย” “นี่กำลังขับรถกลับกรุงเทพฯละว่าจะไปส่งสักหน่อยแต่รถติดคงไปไม่ทัน” “ไม่เป็นไรไม่ต้องมาหรอก” “ก็พูดไปงั้นแหละไม่ไปส่งหรอก”“ว่าแล้วไง”น่าประทับใจจังแฟนฉันหึหึ

ไปถึงจัดการอะไรเสร็จ แทบไม่ได้ร่ำราใครใน social เพราะมือถือโดนตัดซิมเติมเงินก็เน็ตหมด ดอนเมืองไม่มี free wifi อีกได้โทรหาเบนซ์อีกรอบ เบนซ์บอกว่า “หาแฟนใหม่ดีกว่า ไม่อยู่ตั้งเดือน เค้าเฉาตายพอดี”แล้วก็โทรหาแม่ยังคุยไม่จบ ตังก็หมดแล้ว



ก่อนไปแลกเงินรูปีที่สนามบิน กำไป 5 พัน 10บาทแลกมาได้เป็นฟ่อนเลย



ตอนกลางวันกินข้าวผัดน้ำพริกกะปิร้านใจดีมาแอบท้องเสียเลยไม่อยากกินไร แต่สุดท้ายกลัวไม่มีอะไรกินข้างหน้าเลยซื้อsubwayกิน

พอขึ้นเครื่อง แขกทั้งลำ แต่คนข้างหน้าเราดูเหมือนเป็นคนไทย แต่ลูกสาวหน้าอินเดียๆพูดภาษาอังกฤษชัดเชียว แขกที่นั่งแถวหน้าเยื้องๆหันมามองหน้าเราบ๊อยบ่อยจ้องเลยแหละ สงสัยชอบ แต่พอถึงสนามบินเชนไน รีบรีบโทรศัพท์ รีบวิ่งออกก่อนใครสงสัยเมียโทรตาม 555

เตรียมใจเรื่องกลิ่นมา แต่รู้สึกว่าไม่เหม็นอย่างที่คิดแต่รู้สึกหนาวมาก พอตอนจะถึงเชนไน แอร์เริ่มเบา กลิ่นเริ่มมา เข้าใจละทำไมเปิดแอร์แรง เคยอ่านมาว่าคนอินเดียชอบเดินพาเหรดบนเครื่องแล้วก็จริงอย่างที่ว่า สงสารแอร์ เหมือนจับปูใส่กระด้ง พี่แกเดิ๊นเดินบางคนลุกขึ้นมายืดแข้งยืดขา เมาส์มอยกันเสียงดังไม่ต้องนอนกันเลยจ้า

ผ่านไป 3 ชม.กว่า ถึงสนามบินเชนไน เวลาช้ากว่าประเทศไทย 1 ชม.ครึ่งก็คือเป็นเวลา 21.15 ของอินเดีย ออกจากงวงปั๊ป ก็ถึงตม.เลยระหว่างรอตม. คนที่หน้าเหมือนคนไทยก็มาต่อเรา เขาเห็นพาสปอร์ตเราแล้วพูดว่า “Youcome from Thailand” เราก็งง อ้าวเขาไม่ใช่คนไทยหรอ ปรากฏว่าเป็นฟิลิปปินส์ย้ายมาจากมะนิลา สามีเป็นอินเดียมาทำงานที่นี่เราต้องรอเปลี่ยนเครื่องไปบังกาลอร์ตอน 6โมงเช้า กิ๊กบอกว่า ไม่ไหวไม่ได้นอนเลยหาโรงแรมนอนดีมั้ย เลยปรึกษาพี่ฟิลิปปินส์ แกบอกว่ามันยากที่จะออกไปหาโรงแรมเวลาดึก และคุณจะไม่มีรถเข้ามาเพื่อเช็คอินตอนตี4 เพราะที่เชนไนต้องโทรตามแท็กซี่ถ้าคุณมากลางวันเราจะพาไปโรงแรมเพื่อนซึ่งเป็นคนไทย แต่นี่ดึกแล้วคิดว่ารอที่นี่ปลอดภัยสุด ที่เชนไนไม่ safe เหมือนบังกาลอร์Bangalore is better. เขาถามเราว่าไป Domestic ถูกมั้ย เราบอกว่าต้องทำไงแกบอกว่าเดี๋ยวออกไปรับกระเป๋า แล้วสามีเขารออยู่ เดี๋ยวจะพาไปส่ง พอเราผ่านตม.เสร็จก็รอพี่แก สักพักก็มีคนไทยคนหนึ่งเดินมาถามว่า “คนไทยรึป่าว”แล้วก็คุยกันแบบว่ารู้สึกอุ่นใจมาก มีทั้งพี่ฟิลิปินส์ และพี่ไทย(มาทำงานที่เชนไน)คอยเดินด้วยรอรับกระเป๋าเป็นเพื่อน ตอนเรารอรับกระเป๋า กิ๊กก็ไปหยิบรถเข็น พอเดินมากิ๊กบอกว่า“แกเค้าเจอแล้ว” “เจออะไร”

“มีคนถามเค้าว่าจะเอารถเข็นมั้ย เค้าบอกเอา คนนั้นก็หยิบให้แล้วคิดตังเค้า” “แล้วแกทำไง” “พี่ฟิลิปินส์แกบอกว่าไม่ให้ให้” พอรับกระเป๋าเสร็จเดินออกไปหน้าสนามบิน ชัดเลยว่าเรามาถึงอินเดียแล้ว เสียงแตร “ปี๊ด ป๊าดๆ”แกบอกให้เรารอที่นี่เอากระเป๋าไปเก็บที่รถสามีแปปนึง” เออชอบมาก เราถามพี่แกว่าไปเที่ยวกรุงเทพฯหรอพี่แกบอก ไปกรุงเทพฯกับกาญจนบุรีเพราะกรุงเทพฯhot “but In Chennai is onlyhot,hotter and hottest"

สักพักพี่แกก็กลับมาพาเราเดินไป domestic ใกล้ๆแต่ถ้าไม่มีพี่แกก็งงเหมือนกัน เพราะป้าย domestic ส่วนใหญ่เป็นภาษาอินเดียแถมแยกส่วนด้วย Indigo แยกออกมาจากสายการบินอื่นๆ อยากบอกว่า ทหารถือปืนเต็มไปหมดกิ๊กก็ชวนดู คนนั้นหล่อ คนนี้หล่อ 555 สนามบินอินเดียจะเข้าได้ต้องโชว์ ตั๋วก่อนเข้าเราก็โชว์ตั๋วกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่บอกว่า In the morning ? แกบอกเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้นะกินอะไรเรียบร้อยรึยัง ข้างในไม่มีอะไรกินเลย เราก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวมาใหม่พอเราเดินกลับไปจะหาซื้อของกิน พี่ฟิลิปปินส์แกเดินกลับมา ถามว่ามีปัญหาอะไรรึป่าวเราบอกว่าป่าวแค่จะมาหาอะไรกินก่อน Don’t worry about me พี่แกนี่ใจดีจริงๆLove you

พอเดินมาร้านนึง สั่ง Burgur พี่คนขายแกบอกว่าร้านปิดแล้ว sell onlydrinks เลยได้ มินิเมทพัลพิ มาคนละขวด 2 ขวด 100rupee ตกขวดละ30บาท

แล้วก็กลับไปเข้า domestic ใหม่ ตำรวจที่นี่ดูใจดี๊ใจดีเข้าไปปรากฏว่าก็มีร้านขายอาหารนะ แต่ปิดแล้ว สภาพก็แย่กว่าดอนเมือง แอร์ไม่มีมีแต่พัดลมเก่าๆ ตัวเดียว แต่ขอบอก ลมแรงมาก ไม่น่าเชื่อ


อ่านในเน็ตรู้มาว่าสนามบินเชนไนกำลังทำใหม่เพราะเชนไนนี่เป็นเมืองหลวงของอินเดียใต้เชียวนะ แต่พี่ฟิลิปินส์แกบอกว่ายังไม่เสร็จ

กิ๊กปวดฉี่จะไปเข้าห้องน้ำ เราก็เฝ้าของ สักพักกิ๊กเดินกลับมาเราถามว่าห้องน้ำเป็นไงบ้าง กิ๊กบอกไม่กล้าเข้าคนเดียวยังกะบ้านผีสิงสักพักกิ๊กก็รอให้มีคนเดินไปจะได้ไปเข้าด้วย กิ๊กก็กลับมาบอกว่า โอเคมีพี่ยามผู้หญิงแกอยู่พอดี

สักพักเราก็ไปเข้าห้องน้ำบ้างแต่อีกที่ ก็มียามผู้หญิงนั่งเฝ้าอยู่ในห้องน้ำห้องน้ำเป็นแบบ เหมือนคอห่าน แต่ดูจะเป็นท่อฝังลึกลงไปข้างใต้เลย รูใหญ่มากมีก๊อกน้ำนะ แต่ไม่มีถังเหมือนบ้านเรา ให้แต่ขัน ตลกดี ไม่มีสายชำระ แต่มีชักโครกแรงมาก แรงจนกลัวจะทำของตกลงไป


แล้วก็กลับมานอนที่เดิม นอนไม่ค่อยหลับ นอนครึ่งชม. ตื่น 40นาทีตื่น มีตื่นนึงตื่นมากำลังจะนอนต่อเจอผู้ชายอินเดียมานั่งเก้าอี้ถัดไปถ้าฉันนอนหัวจะไปจุ้มกับนายนั่นพอดีแต่นอนไปนอนมาสักพัก ช่างมันเหอะ กูง่วง พอสักตี 3 ไม่มีที่จะเหยียดแล้วจ้าคนมาเพียบ ยิ่งแถวเรามีพัดลมคนมาแออัดเชียว ฝรั่งก็นั่งบนกระเป๋าเดินทาง


พอตี 4 เราลุกไปเช็คอิน แล้วไปเกท ดีนะที่เราไปแต่เนิ่นๆ เกทกับที่เช็คอินที่รอขึ้นเครื่องไม่ไกลเลย แต่ที่อินเดียตรวจเข้มมาก ใครมาใกล้เวลาเครื่องออกฝันไปเถอะ แม้ว่าสายการบินเขาจะประกาศตามเป็นรายคนก็ตาม


พอเดินจากที่เช็คอินมาจะมีจนท.ตรวจตั๋วเรา แล้วให้เราไปผ่านช่องแสกนเราต้องเอาโน้ตบุค มือถือ แท๊บเลทออกใส่ตระกร้าส่วนกระเป๋าก็ส่งให้เขาแบบไม่ต้องใส่ตระกร้า แต่ต้องมี tag ของสายการบินติดกระเป๋าตอนแรกกิ๊กก็ไม่มีแท๊ก ก็ผ่านไปได้ ผ่านเข้าเครื่องแสกนร่างกายไปอีกฝั่งส่วนเราต่อกิ๊ก อยู่ดีๆเจ้าหน้าที่ก็เปลี่ยนคนซะงั้น เจ้าหน้าที่เราถามหา tag สำเนียงอินเดียอะนะ งง แต่พอดีมีแอร์ spicejetมาแทรกพอดีเขาเลยยื่น tagให้เรา 1 อัน เราก็ออกจากแถวไปผูกแล้วไปต่อใหม่ พอต่อใหม่ จนท.ถามหา tagกระเป๋าอีกใบอ้าวเอาไงดี ฉันเลยถามเจ้าหน้าที่ที่ตรวจตั๋ว เขาบอกว่ารับได้ที่ที่เช็คอินฉันเลยต้องมุดออกไปเอา tag ที่เคาท์เตอร์แล้วขอปากกา แต่มีคนอินเดียบอกว่า “no need to write”



แล้วฉันก็ต้องผ่านขั้นตรวจตั๋วใหม่ มาหาเจ้าหน้าที่คนเดิมเขาก็เชิญให้ฉันเข้าไปตรวจร่างกายได้สักที

คือช่องตรวจร่างกายเป็นของผ้ชาย 5-6 ช่อง หญิง1ช่องพอผ่านเข้าไป เรามีกระเป๋าตังน้อยติดตัว มันก็แสกนดังเราเลยเปิดกระเป๋าให้ดูบอกว่ามี money, key แกก็ทำหน้าเซงพูดไรไม่รู้เรื่อง สักพักบอก take off ฉันอะเซงที่มันทำหน้าเซงใส่ฉันนี่แหละก็รู้ว่าพี่แกเหนื่อย แต่กูก็เหนื่อยค่ะ ที่นี่พนักงานหญิงชอบไม่สนใจเรา เซงเราไม่เหมือนพนักงานชาย ฉันหนิได้สิทธิพิเศษก่อนใครเลย

แล้วก็มานั่งรอเรียกไปขึ้นรถบัสเพื่อไปขึ้นเครื่องก่อนจะขึ้นรถบัสมีตรวจอีกจ้า ตรวจกระเป๋าว่ามี tag ป่าวกิ๊กไม่มี แต่เขามีให้ แต่ให้กลับไปตรงที่แสกนให้เขาปั๊มให้สรุปคือสัมภาระก็ต้องเอาเข้าเครื่องแสกนใหม่

รถบัสมาถึงจอดที่เครื่อง แอบตกใจเป็นเครื่องลำเล็กจ้าไม่เคยนั่งมาก่อน ที่นั่งแบบ 2,2 แบบว่าที่วางสัมภาระก็เตี้ยแอร์เป็นผู้ชาย 2คน หน้าแนวอิหร่าน หล่อค่า หัวเกือบชนเพดานละ




พอขึ้นถึงเครื่องยังไม่ทัน landing ฉันก็หลับเลยรุ้สึกว่าแอร์จะเดินเสิร์ฟน้ำด้วยนะ


ตื่นอีกทีเขาบอกให้รัดเข็มขัดเครื่องจะลงละ งงเลย 1ชม.เร็วจังคุณแอร์ยังเดินแจกน้ำไม่เสร็จเลยค่า บางคนสั่งอาหาร ได้อาหารตอนเครื่อง กำลังจะลง 55

มาถึงสนามบินบังกาลอร์ สวยและดูทันสมัยมากคาดว่าทำใหม่เพราะยังไม่เสร็จบางส่วน ห้องน้ำดี มี Himalaya baby care zoneในห้องน้ำ



อากาศคิดว่าเปิดแอร์ ออกมาถึงหาชื่อคนมารับ ไม่เจอค่า Mr.Prakash เลยโทรหาแกตอนแรกฟังไม่รู้เรื่อง สุดท้ายแกบอกให้รอ ประตู 9 แล้วแกก็เดินมารับป้ายชื่อก็ไม่มี ถ้าไม่ได้เปิดมือถือมาจากประเทศไทยทำไงเนี่ย


แต่จะบอก ข้ามคืนเดียว กิ๊กบอกโทรกลับไทย หาแม่ เปิดอินเตอร์เน็ตรวมแล้ว 2000บาท โคตรแพง มันคือ AIS



แล้ว Mr.Prakashก็พาเรานั่งแท็กซี่มาที่ที่พักแกติดกับสำนักงานใหญ่ของ valuepoint แถวMekhri circle แถวนั้นดูดีมากๆน่าอยู่ ต้นไม้ที่นี่ใหญ่เพราะอินเดียมีกฎหมายห้ามตัดต้นไม้แต่เราไม่ได้ลงสาขานี้เพราะเวลาไม่ได้

Mr.Prakash ขี่มอไซนำแท็กซี่พาเราไปสาขาBanashankari เราตื่นเต้นมากเพราะเดี๋ยวผ่านย่านแบบว่า มีวัวตัวเบอเร่อนอนจมกองขี้ คนดูไม่ค่อยดีนักบางย่านก็ดี มันก็ลุ้นอะนะว่าจะได้อยู่แบบไหน












นั่งรถแท็กซี่อินเดียแนะนำว่าอย่า concentrate อาจอ๊วกได้พยายามปล่อยตัวตามสบาย คิดว่าเป็นเล่นเครื่องเล่นอันปลอดภัย กิ๊กนี่ขอถุงฉันเลยขับแบบไม่มีเลน ถนนก็วนไปวนมา แตรก็ดัง เรื่องแตรนี่เตรียมใจมาแล้วเคยเปิดดูคลิปแต่บังกาลอร์ก็ไม่ถึงขนาดนั้น อยู่ได้ 2 วัน อยากบอกว่า อยากเป็นสก๊อยอินเดียจ้า อยากลองท่าทางจะมันส์

Mr.Prakash มาส่งเราที่ที่พัก ห้องเราอยู่กัน 3คน เรา กิ๊กแล้วก็เมทชื่อชาลินี(ตั้งเอง ชื่อเขาเรียกยาก)








เรามาถึง9โมง เมทกำลังออกไปเรียน Mr.Prakash บอกว่าเดี๋ยวบ่าย1 มารับ พอเที่ยงเรารีบตื่นอาบน้ำเพราะหิวเต็มทนไม่ได้กินอะไรมาแต่เมื่อวาน ออกมารอ Mr.Prakash แกไม่มาสักทีเลยโทรหา แกบอกว่า เราอะเรียน 5โมง เดี๋ยว 4โมงแกมารับดีกว่าแต่ฉันบอกว่า “I am very hungry” “Ok, You wait , I will come” 5555

แกมาถึงแกพาเราเดินไป แกบอกว่า It has Mcdonal very near. Yourschool Valuepoint is very near too.

เดินผ่านไป 1 แยกยังไม่ถึงค่ะ ข้ามถนนไปอีกแยกก็ยังไม่ถึงเลี้ยวไปเลี้ยวมาแม่ง near ตรงไหนเนี่ย แต่ก็นะเคยอ่านมาอยู่ว่าคนที่นี่กับบ้านเรา near ต่างกัน Mr.Prakashไปส่งเราหน้าMcแล้วบอกว่าจะรอถ้าเสร็จแล้วให้โทรตาม

คนอินเดียส่วนใหญ่เป็น vegetable เมนูในMcจะมีแต่chicken and vegetarian แล้วก็เบอร์เกอร์ท้องถิ่นเรียกว่า Masala ไม่รู้เหมือนกันรสชาติเป็นไงยังไม่ได้ชิมเรากินเสร็จก็โทรเรียก Mr.Prakash แกก็พาเราไปขึ้นออโต้ ออโต้คือตุ๊กๆอินเดียมิเตอร์ขึ้น 20rp แต่เถียงอะไรกันไม่รู้โหวกเหวกโวยวาย สรุปได้จ่ายเพิ่มเป็น 30rp




Create Date : 14 เมษายน 2556
Last Update : 6 มีนาคม 2557 1:01:16 น. 0 comments
Counter : 2010 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PalmVss
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สงสัยอะไรอยากรู้อะไร ถามมาทาง E-mail นะคะ
เพราะไม่ได้เช็คกล่องข้อความทุกวัน
เข้ามาเห็นคนทิ้งคำถามไว้ทีไร ตอบสายเกินไปทุกที
ขอให้มีความสุขกับการท่องเที่ยวค่ะ
Friends' blogs
[Add PalmVss's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.