Bloggang.com : สาวไกด์ใจซื่อ : * = * * = * * = * การถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติ ตอนที่ 1 * = * * = * * = *

* = * * = * * = * การถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติ ตอนที่ 1 * = * * = * * = *

สวัสดีค่ะ

วันนี้มีความรู้เกี่ยวกับการถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติมาฝากนะคะ ซึ่งข้าพเจ้าได้อ่านมาจากลิงก์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน) (ซึ่งก็มาจากห้องศาสนา ณ พันทิปอีกทีแหละค่ะ) ก็เลยเห็นว่า เออ..ที่จริงแล้วมีอะไรหลายอย่างเหลือเกินที่คนที่บอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ (อย่างน้อยก็เราคนหนึ่ง) ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาซะเล้ยยยย ไม่ใช่แค่หลังเที่ยงห้ามถวายอาหารทุกชนิดเท่านั้นนะคะ ก็เลยคิดว่า เอามาแบ่งปันเพื่อนๆ ดีกว่าเนาะ

ซึ่งจะเห็นจากลิงก์นะคะว่า เป็นข้อมูลจากอาจารย์พระเปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญวิเวก (บ้านปง) จ.เชียงใหม่

ที่จริงจะง่ายกว่านี้มากเลยค่ะ ถ้าจะก็อปมาวางเลย ทว่าปรากฏว่า พอเอามาวาง มันกลายเป็นตัวอะไรยึกยือไม่รู้ค่ะ เลยต้องพิมพ์เองใหม่ทั้งหมด หวังว่าคงจะไม่ขาดตกบกพร่องนะคะ

(ถ้าเพื่อความชัวร์จะไปคลิกที่ลิงก์โดยตรงแล้วปริ๊นท์เอาก็ได้นะคะ) ก็ขอเอามาแต่สาระสำคัญ (ที่อาจจะไม่ละเอียดลออเท่าในลิงก์โดยตรงอะนะคะ) ดังนี้ค่ะ

พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ในเรื่องกาลิกทั้ง 4 อย่างได้แก่ ยาวะกาลิก ยามะกาลิก สัตตาหะกาลิก และยาวะชีวิก ดังนี้

1. ยาวะกาลิก หมายถึง อาหารทุกชนิดที่พระภิกษุสามารถฉันได้ เช่น ข้าว ข้าวต้ม ขนม ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ รวมทั้งซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำผลไม้ ฯลฯ ที่เราสงเคราะห์เป็นอาหารนั้น เรียกว่า โภชนะทั้ง 5 อย่าง เป็นสิ่งที่พระภิกษุสามารถฉันได้เฉพาะตอนเช้า (เวลาตั้งแต่อรุณสว่างจนเห็นลายมือชัดเจน เห็นใบไม้อ่อนใบไม้แก่ได้ในระยะ 3 เมตร) ไปจนถึงเที่ยงวันเท่านั้น ไม่ว่าจะฉันมื้อเดียวก็ดีหรือสองมื้อก็ดี ถ้าไม่เกินเที่ยงก็ไม่ผิดศีล ไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่ถ้าเลยเที่ยงไปแล้ว จะผิดศีลผิดพระธรรมวินัย

สำหรับพระภิกษุที่เดินทางไปต่างประเทศนั้น เมื่อไปอยู่ประเทศไหนๆ ก็ให้นับเวลาตั้งแต่อรุณสว่างขึ้นมาจนเห็นลายมือชัดเจน เห็นใบไม้อ่อนและใบไม้แก่แล้ว จึงจะฉันภัตตาหารได้ ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหนก็ตาม ให้ถือเอาเวลาตามประเทศนั้นๆ ก็ไม่ผิดศีลของพระภิกษุ

สำหรับผู้ที่รักษาศีล 8 นั้นศีลข้อที่หกก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับพระภิกษุ

สาวไกด์ฯ เพิ่มเติมว่า

เพราะฉะนั้น หลังเที่ยงแล้ว ห้ามถวายอะไรที่เป็นในหมวดอาหารนี้เด็ดขาดค่ะ เพราะท่านจะฉันไม่ได้ (ถ้าตามพระวินัย ไม่สามารถเก็บอาหารหมวดนี้เอาไว้ฉันข้ามวันได้นะคะ) แต่ก็มีวิธีนำมาถวายทานแต่ไม่ประเคน ซึ่งจะเก็บไว้ให้แม่ครัวประเคนวันอื่นได้ ซึ่งจะมีในตอนที่สองให้อ่านนะคะ

แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นวัดป่า ต้องถวายก่อนเวลาที่ท่านฉันมื้อเดียวด้วยค่ะ (ไม่ใช่เพลเหมือนวัดทั่วไป) ปกติเห็นฉันกันราวๆ 7 หรือ 8 โมงเช้านะคะ เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบให้ดี เพื่อที่ท่านจะได้ฉันอาหารที่เราถวายได้ตามที่เราต้องการค่ะ

ภาพจาก //my.inlovephoto.com/07/nandw/thaiwedding/0131.jpg.html

2.ยามะกาลิก หมายถึง น้ำปานะ หรือเรียกว่า น้ำอัฏฐะบาน พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเอาไว้ว่า ผลไม้ต่างๆ ที่จะนำมาทำน้ำปานะได้นั้น จะต้องเป็นผลไม้ที่มีขนาดเล็ก คือ มีขนาดไม่ใหญ่เกินขนาดผลส้มเขียวหวานและให้มีเมล็ด เช่น ลูกหว้า ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง กล้วยมีเมล็ด มะนาว องุ่น มะปราง ลิ้นจี่ ลำไย ฯลฯ เป็นต้น

ผลไม้ที่ได้ยกตัวอย่างมานั้น เมื่อจะนำมาทำเป็นน้ำปานะ จะต้องคั้นและผสมน้ำแล้วใช้ผ้ากรองอย่างน้อยเจ็ดชั้น กรองเอาเนื้อผลไม้ออกจนหมด ให้เหลือแต่น้ำลอดผ้ากรองลงไปในภาชนะเท่านั้น

เมื่อพระภิกษุฉัน อาจจะผสมเกลือ พริก น้ำตาล หรือจะผสมสมุนไพรต่างๆ หรือไม่ผสมก็ฉันได้ แต่ยกเว้นสำหรับ "ผลมะปรางสุก" พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้นำมาทำน้ำปานะ เพราะเนื้อมะปรางสุกนิ่ม สามารถลอดผ้ากรองไปได้ ก็จะกลายเป็นอาหาร แต่ถ้าเป็นผลมะปรางดิบ มีเนื้อแข็งจับเป็นยางมีน้ำใส ก็ทรงอนุญาตให้นำมาทำเป็นน้ำปานะได้

ส่วนผลไม้ต่างๆ ที่ใหญ่กว่าผลส้มเขียวหวาน เรียกว่า มหาผล เช่น ส้มโอ สับปะรด มะพร้าว แตงโม ฯลฯ ห้ามไม่ให้นำมาทำน้ำปานะ เพราะจะจัดว่าเป็นอาหาร

และเมื่อทำน้ำปานะเสร็จแล้ว ก็ถวายได้ให้ฉันได้ตั้งแต่ 13.00-24.00 น. เท่านั้น ถ้าเลยเที่ยงคืนไปแล้วห้ามไม่ให้ฉัน เพราะน้ำปานะจะกลายเป็นเมรัย

ภาพจาก //www.dhammada.net/2011/02/22/7762/

3. สัตตาหะกาลิก หมายถึง สิ่งที่จะถวายให้พระภิกษุและท่านสามารถเก็บไว้ฉันได้ 7 วัน เช่น น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล เนยใส เนยแข็ง ช็อกโกแลตที่ไม่ผสมนม ฯลฯ เมื่อภิกษุรับประเคนแล้ว พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้เก็บไว้ฉันได้ 7 วัน ถ้าครบกำหนด 7 วันแล้ว พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้ฉัน ให้เสียสละให้สามเณรหรือญาติโยมไป

เมื่อกล่าวถึงน้ำผึ้ง หลังจากที่พระภิกษุรับประเคนและฉันน้ำผึ้งไปในตอนเช้าแล้ว จะห้ามไม่ให้นำส่วนที่เหลือมาฉันอีกหลังเที่ยงวัน เพราะถือว่าหมดอายุ แต่ถ้าพระภิกษุรับประเคนไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ฉัน ก็สามารถเก็บไว้แล้วนำมาฉันในตอนบ่ายได้ และเก็บไว้ฉันต่อได้ถึง 7 วัน ถ้าหลังจาก 7 วันไปแล้วห้ามฉัน ถือว่าผิดพระธรรมวินัย

แต่ถ้าพระภิกษุต้องการจะฉันน้ำผึ้่งในตอนเช้าแล้วอยากเก็บไว้ฉันในตอนเย็นอีก ก็ให้ญาติโยมแบ่งถวายไปส่วนหนึ่งก่อน และเก็บส่วนที่เหลือไว้ถวายหลังเที่ยงวันก็จะเก็บไว้ฉันได้ถึง 7 วัน

ภาพจาก //www.meeboard.com/view.asp?user=mittaharn&groupid=1&rid=30&qid=30

เหตุที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้เก็บน้ำผึ้งไว้ได้เพียง 7 วัน เพราะถ้าพระภิกษุมีบารมีและมีญาติโยมน้ำน้ำผึ้งมาถวายไว้มาก จนเก็บไว้บนกุฏิเต็ม ใต้ถุนกุฏิเต็ม บังเอิญญาติโยมมาเที่ยวในวัดเห็นหม้อน้ำผึ้งอยู่ใต้กุฏิมากก็อยากได้น้ำผึ้งไปกิน แต่ภิกษุไม่ยอมแบ่งให้ โยมก็จะปล้นเอาน้ำผึ้งและทำร้ายพระภิกษุจนมรณภาพ

เหตุฉะนี้แล พระพุทธองค์จึงทรงตรัสห้ามไม่ให้เก็บสะสมน้ำผึ้งหรือสัตตาหะกาลิกทั้งหลายไว้มาก และไม่ให้เก็บไว้เกิน 7 วัน สามารถสรุปได้ดังนี้

สำหรับน้ำอ้อย น้ำตาลและน้ำตาลก้อน ถ้าพระภิกษุไปบิณฑบาตแล้วมีญาติโยมนำน้ำอ้อย น้ำตาลหรือน้ำตาลก้อนที่ห่อในถุงพลาสติกหรือห่อในกระดาษอย่างดีแล้วมาใส่บาตร เมื่อพระภิกษุนำมาเปิดดูเห็นว่าเป็นน้ำอ้อย น้ำตาล หรือน้ำตาลก้อน ก็สามารถเก็บไว้ฉันในตอนบ่ายได้ และเก็บไว้ได้อีก 7 วัน

แต่ถ้าน้ำอ้อย น้ำตาล หรือน้ำตาลก้อนที่ญาติโยมนำมาใส่บาตรนั้นไม่ได้ห่อในถุงพลาสติกหรือในกระดาษ ก็ไม่สามารถเก็บไว้ฉันในตอนบ่ายได้ เนื่องจากได้เปื้อนโดนอาหารในบาตรไปแล้ว ถือว่าเป็นอาหารที่จะฉันได้ก่อนเที่ยงเท่านั้น สรุปได้ดังนี้

สาวไกด์ฯ เพิ่มเติมว่า

เพราะฉะนั้นถ้าเราจะถวายสามอย่างนี้ควรห่อให้เรียบร้อยก่อนใส่บาตรค่ะ เผื่อท่านจะเก็บไว้ฉัน ก็จะได้เก็บไว้ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับมัดมือชกท่านว่า ให้ฉันภายในวันนั้นก่อนเที่ยง

4. ยาวะชีวิก หมายถึง ยาทุกชนิดที่ปรุงเป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าหากยานั้นไม่ได้ผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล ฯลฯ ที่เป็นสัตตาหะกาลิก พระภิกษุสามารถรับประเคนและเก็บไว้ฉันได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า สาย บ่าย เย็น หรือกลางคืน สามารถฉันได้ทุกเวลา

ยาวะชีวิกหรือยารักษาโรคทั่วไปนี้ ทั้งที่เป็นยาผง ยาเม็ด และยาน้ำ เราได้มาจากต้นไม้ บางต้นใช้ใบเป็นยา บางต้นใช้เปลือกเป็นยา บางต้นใช้แก่นเป็นยา บางต้นใช้รากเป็นยา ฯลฯ

ส่วนผลไม้ที่จัดเป็นยา ได้แก่ มะขามป้อม ลูกโค้ก สมอไทย สมอจีน สมอดิน สมอดีงู สมอพิเภก ขิง ข่า กระเทียม กระชาย กานพลู ดีปลี พริกไทย ตะไคร้ โสม ว่านไพล ลูกฝ้าย ดอกฝ้าย ใบฝ้ายหรือรากบัวหลวงที่เรานำดอกมาบูชาแล้ว อนุโลมให้จัดเป็นยาได้หมด รวมทั้งวัตถุที่เป็นแร่ธาตุต่างๆ เช่น หิน แร่ทองคำ ตะกั่ว ดีบุก แร่เหล็กต่างๆ หรือกระดูกสัตว์บางชนิดก็จัดเป็นยาได้ เช่น กระดูกหมาดำ กระดูกไก่ดำ กระดูกกา กระดูชะนี กระดูกหัวงูจงอาง กระดูกหัวงูเห่า กระดูกอีแร้ง เปลือกหอยที่ตายแล้วทุกชนิด นำมาฝนจัดเป็นยาได้หมด ฉันได้ทั้งวันทั้งคืน แต่ถ้าญาติโยมนำยาวะชีวิกมาถวายและพระภิกษุรับประเคนแล้ว หากมีญาติโยมหรือสามเณรมาจับก็ต้องประเคนใหม่อีก ถ้าไม่มีใครมาจับพระภิกษุก็สามารถเก็บยาวะชีวิกนั้นไว้ฉันได้ตลอด

สาวไกด์ฯ เพิ่มเติมว่า

สรุปแล้วสำหรับในข้อนี้ สำหรับที่เราควรระวังก็คือ อย่าไปจับยาวะชีวิกที่ถวายท่านแล้วค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวต้องถวายใหม่ ฮา

แต่ที่เรายังไม่เข้าใจคือ ไอ้สมอที่เราชอบๆ กิน (ที่ซื้อมาจากใต้) นี่ตกลงมันสมอไทยหรือจีน? หรือมันเป็นหนำเลียบ? หรือยังไง? จะได้ซื้อถวายถูก แหะๆ

ภาพจาก //www.taklong.com/macro/show-macro.php?No=334877

ส่วนกาลิกระคนกัน คือการนำกาลิกทั้ง 4 อย่างไปผสมระคนกัน อายุของกาลิกก็จะอนุโลมไปตามกาลิกที่ต่ำกว่า เช่น ถ้าพระภิกษุนำยาวะชีวิกทุกชนิด เช่น กระเทียม ขิง ข่า ตะไคร้ พริก เกลือ ชะเอม ฯลฯ มาฉันระคนกับยาวะกาลิก หรืออาหารต่างๆ กาลิกนั้นก็จะมีอายุต่ำ คือ อนุโลมให้เก็บไว้ฉันได้ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงวัน (ก่อนเพล) เท่านั้น ยาวะชีวิกก็จะหมดอายุ

ถ้านำยาวะชีวิกมาผสมกับยามะกาลิก หรือน้ำปานะ กาลิกนั้นก็จะมีอายุต่ำ (ตามอายุของน้ำปานะ) คือพระภิกษุสามารถเก็บไว้ฉันได้ตั้งแต่ 13.00-24.00 น. ก็หมดอายุ

แต่ถ้านำยาวะชีวิก มาคลุกปนกับ สัตตาหะกาลิก หรือจำพวก น้ำผึ้ง น้ำอ้อย หรือน้ำตาล เช่น นำน้ำผึ้งมาดองสมอหรือมะขามป้อม เมื่อพระภิกษุนำมาฉันยานั้น ก็จะอนุโลมตามอายุต่ำ คือ มีอายุเก็บไว้ได้แค่ 7 วันเท่านั้น เหตุฉะนั้นจึงเรียกว่า กาลิกระคนกัน

สำหรับตอนนี้ก็เป็นการทำความเข้าใจเบื้องต้นในกาลิก 4 อย่างก่อนนะคะ

คราวหน้าจะมาพูดเรื่องการถวายอาหารค่ะ ว่าควรถวายอย่างไร ต้องระวังอะไรบ้างนะคะ

ปฏิทินธรรม

วันจันทร์ (ทุกวันจันทร์)

เรียนอภิธรรมเบื้องต้น บรรยายโดยพระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม
ณ บ้านอารีย์ เวลา ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐ น.

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2554

1. ฟังธรรมโดยพระอาจารย์มานพ อุปสโม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ เขาดินหนองแสง จ. จันทบุรี

เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอาีรีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน 2554

1. ฟังธรรมโดยพระครูโอภาสวุฒิกร (พระอาจารย์โสภณ โอภาโส) วัดบึงลัฏฐิวัน จ. พระนครศรีอยุธยา

เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอาีรีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2554

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร และฟังการแสดงธรรมโดย พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร) วัดศรีอภัยวัน จ. เลย

เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอาีรีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2554

1. (ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ร่วมปฏิบัติธรรมบูชา ณ โลหะปราสาท กับยุวพุทธิกสมาคมฯ
สวดมนตร์ถวายพระพร ปฏิบัติธรรมและสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
วัดราชนัดดารามวรวิหาร เวลา 13.30-16.30 น.

สอบถามเพิ่มเติมที่คุณมนัสวิน, คุณอดุล 02-4554525 ต่อ 2208, 4214

เว็บไซต์ยุวพุทธิกสมาคม
//www.ybat.org/v4/index.asp

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554

1. ฟังธรรมโดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

เวลา ๑๘.๓๐-๒๑.๐๐ น.

ณ หอประชุมพุทธคยา ตึกอมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

เฟซบุ๊คชมรมคนรู้ใจ / เรือนธรรม
//www.facebook.com/konrujai

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,001,621+112328+3530=1,117,479/6850/638

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554

Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 7:24:00 น.

36 comments

Counter : 16117 Pageviews.

มีคนนำหนังสือเล่มนี้ของพระอาจารย์มาวางที่ร้าน
ผมเลยได้อ่านไปด้วยเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:48:51 น.

จิตฺเต อสงฺกิลิฎเฐ สุคติ ปาฎิกงฺขา
เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้

มีความสุขกับจิตที่ไม่เศร้าหมอง ตลอดไป...นะคะ

เป็นบทความที่ให้ความรู้ดีมากเลย...ค่ะ

โดย: พรหมญาณี

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:17:55 น.

ตามมาอ่านรับความรู้ค่ะ ^^

ปล. ว่าจะเอาลิ้งค์ในยูตุ๊บมาแปะให้ฟังไปด้วยนั่นแหละค่ะ แต่ลืมใส่ซะงั้น - -" เดี๋ยวจะกลับไปใส่ไว้ให้ค่ะ แหะๆ

โดย: keigo IP: 172.30.1.246, 110.168.192.60 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:52:00 น.

ถ้ามีคนมาวางไว้อีก
ผมจะเก็บไว้ให้นะครับคุณเต้ย
ตอนนี้ไปดู
ก็ไม่เห็นแล้วครับ
ไม่รู้ใครหยิบไปอ่านต่อ
ส่วนตัวผมซื้อหนังสือธรรมะวางไว้แจกหน้าร้านเป็นประจำครับ

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:42:24 น.

ดูๆ ไปแล้วมีลายละเอียดปลีกย่อยมากทีเดียว แต่บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่พอทราบมาบ้าง บางอันไม่เคยทราบมาก่อนเลย แต่ก็ไม่เคยทำผิดนะ

โดย: คุณต่อ (toor36

) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:51:34 น.

แวะมาทักทายกันจ้าคุณเต้ยผู้ใจบุญ

โดย: หอมกร

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:29:58 น.

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลยครับ

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:16:23 น.

เรื่องแบบนี้ปรัซซี่ไม่ทราบเลย จริง ๆ ควรจะทราบบ้างนะคะ มากกว่า 95% ของคนไทยเป็นชาวพุทธ

เวลาไปไหนต่อไหนจะได้รู้เรื่อง บางทีไปงานศพ หรืองานแต่งที่มีพิธีทางศาสนา ปรัซซี่จะไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย

เพื่อน ๆ เค้าก็ไม่ว่าไรนะค่ะ เพราะปรัซซี่เป็นคริสต์

รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย

วันนี้ปรัซซี่ยก "หมูทอดทงคัตสึ" มาฝากคุณสาวไกด์นะคะ

โดย: ปรัซซี่

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:16:24 น.

ได้ความรู้เรื่องอาหารที่ถวายพระอย่างละเอียดเลย ขอบคุณคุณเต้ยมากที่สรรหาเรื่องน่ารู้(ที่จำเป็น)มาฝากกัน

เราว่าคนไทยไม่มากที่จะรู้เรื่องนี้ อย่างเราก็รู้แค่ว่า พระท่านฉันเกินเที่ยงไม่ได้ (เป็นชาวพุทธที่ไม่ได้เรื่องเลยเนาะ

)

ลป. เรากินเจแบบเคร่งค่ะ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ นม เนย อะไรที่มาจากสัตว์ละก็ วิรัติหมดค่ะ

โดย: haiku

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:19:43 น.

♥ Have a nice day ♥ ⋱ ⋮ ⋰ ⋯ ◯ ⋯Good night ~♥~

โดย: Lika ka

วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:26:03 น.

มาทักทายจ้า

โดย: backhold

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:2:03:44 น.

อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย

เมื่อวานผมรับไปดูหนังสือบนโต๊ะ
หนังสือเล่มนี้อยุ่บนโต๊ะพอดีครับ

โชคดีมากเลย อิอิอิ

รบกวนส่งที่อยู่ให้ผมที่หลังไมค์ด้วยนะครับ
เดี๋ยวผมส่งหนังสือไปให้ครับ

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:12:08 น.

ความรัก
เป็นสิ่งสุดท้าย
ที่มนุษย์จะเข้าใจได้ครับคุณเต้ย 555

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:06:24 น.

♥ ส วั ส ดี ตอนสายๆ ค่ะ คุ ณ ส า ว ไ ก ด์ ♥
สายๆ อย่างนี้ดื่มกาแฟเป็นเพื่อนกันหน่อย ...

ค่ะฟู่หายไปเพราะยุ่งค่ะ
ยุ่งกับสุขภาพของลูก
ยุ่งกับการทำหนังสือของคุณฝาละมี
ยุ่งกับการเตรียมตัวเตรียมใจให้รอคอย... แล้วตอนนี้จึงต้องคอยแหงกอยู่อย่างนี้

มาส่งความสุขวันศุกร์ค่ะอันที่จริงว่าจะมาตั้งกะเมื่อวาน แต่น้องเนต เล่นตัวไม่ยอมให้เข้าซะงั้น

โดย: PhueJa

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:45:19 น.

วิชฺชา อุปฺปตตํ เสฎฺฐา
บรรดาสิ่งทีงอกงามขึ้นมา วิชชาประเสริฐสุด

สุขกับความงอกงามแห่งวิชชา ตลอดไป...นะคะ

โดย: พรหมญาณี

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:06:08 น.

ขอบคุณความรู้ดีๆ จ้ะเต้ย บางทีเราๆ ก็สักแต่ทำบุญ ถวายภัตตาหารเนาะ พระัท่านจะอธิบายขยายความว่าฉันได้ ไม่ได้ก็กระไรอยู่ ใครถวายอะไรคงรับหมด...

ศุกร์...สุขหรรษาจ้ะเต้ย

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:42:23 น.

วันนี้...วันพระแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒‏

“อาหารที่เห็นด้วยตาเนื้อบำรุงกาย...ส่วนอาหารของใจ ต้องใช้ธรรม...”

โดย: คนป่าหาธรรม

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:05:42 น.

นานๆไปทำบุญทีแบบก้อยก็ขอมาอนุโมทนากับคุณสาวไกด์ฯด้วยคนนะคะ

ร้านเจณซิว ข้าวมันไก่แกก็โอเคนะคะ แต่ก้อยกินรสจัดจะขอพริกกะกระเทียมเพิ่มเสมอค่ะ

โดย: Just a life

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:15:57 น.

ปรัซซี่เป็นคาทอลิกค่ะ คุณสาวไกด์

วันนี้มาแบบ version ตัวเปล่า ไม่มีของฝากนะคะ พอดีวันนี้มีเรื่องเครียด ๆ ที่ทำงานเยอะ เลยเหนื่อย ๆ ตอนแรกว่าจะไม่เข้ามาแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้ค่ะ

โดย: ปรัซซี่

วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:40:35 น.

กลับบ้านมกรานี้ว่าจะไปเข้าวัดถวายสัฆฑานน่ะค่ะ

โดย: koijai (บันทึก....ไซเบอร์

) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:24:54 น.

อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:09:08 น.

Happy Day Ka

โดย: โสมรัศมี

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:43:00 น.

สวัสดีค่ะ...ทักทายวันล่ะนิดจิตแจ่มใส...

โดย: Lika ka

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:48:59 น.

เอ็นทรี่นี้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากค่ะ
ขอเซฟไว้นะคะ
โหวตธรรมะค่ะ

โดย: ร่มไม้เย็น

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:14:12 น.

อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลยค่ะ

สุขสันต์วันหยุดค่ะ

โดย: ข้ามขอบฟ้า

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:14:23 น.

ไม่เคยรู้เรื่องน้ำผึ้งเลย ขขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีค่ะพี่เต้ย ขออนุโมทนาบุญด้วย

โดย: sawkitty

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:26:47 น.

โดย: sawkitty

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:26:47 น.

ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้อีกมากเลยนะคะ

แสดงว่าช่วงนี้เจ้าของบล็อกสนใจแนวปฏิบัติธรรมหรือเปล่าคะ

โดย: รัชชี่ (รัชชี่

) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:48:33 น.

ได้ความรู้หลายเรื่องเลยค่ะ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:43:00 น.

สวัสดีค่ะคุณเต้ย
มาหาความรู้
สุขสันต์วันหยุดนะคะ

[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]

โดย: pantawan

วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:48:45 น.

ตะกี้ปรัซซี่เพิ่ง up blog ใหม่เสร็จเลยยกมาฝากคุณสาวไกด์ค่ะ

โดย: ปรัซซี่

วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:1:27:25 น.

ได้ความรู้มากเลยค๊ะ โดยเฉพาะเรื่องน้ำปานะ ขอบคุณมากค๊ะ

โดย: อิ๋ว (aiwap999

) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:1:36:22 น.

อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:29:50 น.

เป็นความรู้ที่ดีมากเลยค่ะ
เคยได้ยินแค่ข้องหนึ่งกับข้อ2
เพิ่งมาทราบวันนี้แหละค่ะ
ว่ามีรายละเอียดมากกว่านี้
ขอบคุณค่ะ

โดย: hellojaae (hellojaae

) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:18:24 น.

อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:14:32 น.

ขอขอบคุณธรรมะทานเรื่อง กาลิกครับ

โดย: ธัมมะธัมโม IP: 49.230.224.209 วันที่: 19 ตุลาคม 2558 เวลา:14:21:10 น.