++++มาบอกเล่าถึงหนังสือ ๓ เรื่อง...ที่ได้จากงานหนังสือฯและอ่านแล้ว++++
สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
หลังจากหมดตัวไปกับหนังสือ และได้ไล่เรียงให้ฟังแล้วว่าได้มาทั้งหมดกี่เล่ม
ตอนนี้กำลังพยายามไล่อ่านอยู่ค่ะ
จะมารีวิวให้ฟังที่อ่านจบไปแล้วดังนี้นะคะ
๑. ดื่มดินกินแดด (เล่มนี้ได้มาจากการไปเยี่ยมเยือนบู๊ทคุณ grappa ที่แอบแว้บจากวันทำงานไปค่ะ)
เขียนโดย จักกาย ศิริบุตร ค่ะ
ส่วนที่ชอบ : อ่านแล้วรื่นรมย์ดีค่ะ อ่านไปๆ อาจเมาไวน์ได้ง่ายๆ เพราะชีวิตผู้เขียนในการเป็นนักเดินทางนี่ เรียกว่าเดินทางไปดื่ม-กิน จริงๆ เลยค่ะ อ่านแล้วก็อยากไปทั้งอิตาลี กรีซและโปรตุเกสเลย
ได้ความรู้ในบางแง่มุมที่การไปเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวคงไม่ได้สัมผัส
แต่เรากับคุณจักกายอาจต่างกันนิดหน่อย ที่เราอยากรู้เรื่องราวต่างๆ และเที่ยวสถานที่ที่เพื่อนญี่ปุ่นของคุณจักกายชอบเที่ยว ขณะที่คุณจักกายอาจจะเบื่อหน่ายได้
ส่วนที่ไม่ชอบ - - เรื่องแรกเลยคือเรื่องการพิสูจน์อักษรค่ะ
เนื่องจากเราเป็นคนอ่อนไหวกับการสะกดคำผิด
จึงหงุดหงิดใจอยู่บ้างกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ ที่มีการสะกดผิดปนอยู่พอสมควร (หลังๆ เจอบ่อยค่ะ แม้กระทั่ง "เจ้าหงิญ" ก็ยังมีเลย)
สำหรับเรื่องต่อมา คือ อารมณ์ของหนังสือค่ะ คือมันเป็นอารมณ์รื่นรมย์แบบเมาๆ ที่พลอยทำให้เราเมาไปด้วย
ซึ่งเราก็เป็นผู้หนึ่งที่ไม่ได้นิยมรสชาติของสุรา แค่ชอบบรรยากาศในการร่ำสุรา เพราะฉะนั้นอาการ "มึน" ที่เกิดขึ้นก็เลยทำให้เราแฮ้งค์นิดหน่อย
และทำให้เรารู้สึกอยากทานเหล้า(โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์) ได้เยอะๆ โดยไม่เมาง่ายๆ บ้าง (อันนี้ทำให้ไม่ชอบอย่างยิ่ง เพราะเห็นอนาคตได้ว่าจะมีเรื่องเสียตังค์เพิ่มขึ้นอีก)
แต่เป็นหนังสือท่องเที่ยวในอีกรสชาติที่เราไม่เคยสัมผัสค่ะ
อ่านแล้วเพลินดีเหมือนกัน
๒. โจนาธาน สเตรนจ์ กับ มิสเตอร์นอร์เรล
ซื้อครบชุดมา ๓ เล่ม แต่เพิ่งอ่านไปได้เล่มครึ่งค่ะ ถ้าอ่านจบ "อาจจะ" รีวิวแบบละเอียดอีกที
สิ่งที่ชอบ - -อารมณ์ขันของหนังสือเล่มนี้ และการสร้างตัวละครเด่นที่มีบุคลิกโดดเด่น และไม่ได้พระเอกจ๋าเอาซะเลยค่ะ และเป็นหนังสือที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุก (แต่ต้องพยายามใช้ความอดทนอ่านให้พ้นครึ่งเล่มแรกไปให้ได้ก่อน)
สิ่งที่ไม่ชอบ - - การแปลในช่วงแรกๆ มีบางช่วงแปลได้ค่อนข้างแย่ค่ะ อ่านแล้วไม่เข้าใจ รวมทั้งการเว้นวรรคผิด ทำให้ต้องกลับมาอ่านซ้ำรอบสองแล้วเว้นวรรคด้วยตัวเองใหม่แล้วจึงจะเข้าใจ
การวางเชิงอรรถซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลวิธีการเขียน แต่เป็นการวางเชิงอรรถในบางอันที่แย่น่ะค่ะ คือ เลขอยู่อีกหน้า คำอธิบายของเลขนั้นไปอยู่อีกหน้า หรือบางคำอธิบายสามารถอยู่ในหน้าเดียวกันได้ แต่ต้องแบ่งไปอีกหน้าหนึ่ง ทำให้ต้องพลิกไปๆ มาๆ (อันนี้ไม่รวมเชิงอรรถบางอันที่ยาวมากๆ อยู่แล้วจนต้องเลยหน้าน่ะนะคะ บางเชิงอรรถนี่เอาไปเขียนเป็นหนังสืออีกเล่มได้เลย)
ความอืดของเรื่องในช่วงแรก ทำให้อาจหมดความอดทนไปได้ง่ายๆ ก่อนที่จะอ่านจบครบ แต่พอดีเราอดทนมากพอ จึงอ่านได้จนถึงตอนที่สนุกจนได้ค่ะ
๓. เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล
คือ อย่างที่บอกเล่าไปแล้วนะคะ
เราได้ดูหนังเรื่องนี้จากรอบสื่อ (สมัยยังทำงานในวงการสื่อ) แล้วก็ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ
พอหนังสือออกก็ซื้อให้เพื่อนไป แต่ก็ไม่ได้ซื้อให้ตัวเองเลย
พองานหนังสือฯ คราวนี้ก็ไปซื้อเล่มนี้มาจากบู๊ทคุณ grappa ค่ะ
ขอบอกว่า เป็นเรื่องที่สองในชีวิตที่เราชอบหนังกับหนังสือพอๆ กัน
ปกติเราจะมี ๒ แบบคือ ชอบหนังมากกว่าหนังสือ อย่าง The Bridge of Madison County หรือชอบหนังสือมากกว่าหนัง(อันนี้มีเยอะค่ะ)
เรื่องแรกที่เราชอบหนังกับหนังสือพอๆ กันก็คือ Like Water for Chocolate
แต่เป็นการชอบที่คนละเหตุผลกับเรื่อง "เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล" ค่ะ
สำหรับเรื่องรักน้อยนิดมหาศาล
หนังสือได้ถ่ายทอดความละเอียดอ่อนบางอย่าง ที่หนังไม่ได้ถ่ายทอดออกมา
เช่น รูปหัว ท้ายทอย ฯลฯ ที่เป็นจุดที่ทำให้เคนจิรู้สึกดีกับสองพี่น้อง
ขณะเดียวกัน หนังกลับตัดบางส่วนที่ออกจะเยิ่นเย้อ และเพิ่มบางช็อตของการถ่ายทอดด้วยภาพ (ที่หนังสือไม่มี แต่หนังมี คือภาพเคนจิกับน้อยบนโซฟา และเปลี่ยนเป็นภาพเคนจิกับนิดบนโซฟา)
ซึ่งทำให้ได้ความลึกซึ้งของอารมณ์ และเพิ่มการตีความได้มากขึ้น
อืมม์...เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ในการถ่ายทอดผ่านสื่อที่ต่างกันได้ต่างกันค่ะ (สื่อต่าง - เสน่ห์ก็ต่างไปด้วย)
แต่บรรยากาศและอารมณ์ของเรื่องใกล้เคียงกันมาก จนแทบไม่น่าเชื่อว่า คนเขียนเรื่องกับคนกำกับ เป็นคนละคนกัน (พันธุ์ของปราบดากับเป็นเอกอาจมีสปีชีส์ที่ใกล้เคียงกันมาก เฉกเช่นเดียวกับทิม เบอร์ตันกับ เดปป์ (แต่อันนี้ในฐานะนักแสดง) น่ะค่ะ)
อ่านแล้วรู้สึกปราบดาเป็นคนรักที่น่าจะอ่อนโยนเอามากๆ (แต่ก็ไม่แน่นะคะ คนบางคนแตกต่างจากเรื่องที่ตัวเองเขียนก็เยอะ แต่อ่านเรื่องนี้แล้วสัมผัสได้อย่างนี้น่ะค่ะ)
ชอบบุคลิกของพระเอกมากๆ
เป็นพระเอกที่ทำให้เราเศร้าและขำได้ด้วย
ว่าแล้วก็ไปซื้อเป็นดีวีดีเก็บดีกว่า (เพื่อนจ๋า แกคงไม่คืนซีดีให้ชั้นแล้วใช่มั้ย? ไม่เป็นไรซื้อเป็นดีวีดีเก็บเอาก็ได้เฟ้ย จำไว้เลย ข้าพกรูไม่ให้ยืมอีกแล้ว)
เป็นเรื่องรักนิ่งๆ แต่ไหวๆ ดีค่ะ
ชอบที่ตอนจบของหนังกับหนังสือไม่เหมือนกันด้วย
ในหนังสือมัน "ฝัน" ดี ในขณะที่หนังดู "จริง" กว่าค่ะ
สำหรับเล่มนี้ ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ชอบค่ะ (ฉันทคติอย่างแรง จนอาจทำให้ลำเอียงไปได้บ้าง)
ท่านใดอ่านเล่มไหนแล้ว มารีวิวให้ฟังบ้างนะคะ จะรออ่านด้วยใจระทึกยิ่ง
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
สำหรับท่านใดที่แวะมาบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก (หรือเคยมาแล้วแต่มีหนังสือกับหนังที่อยากแนะนำเพิ่มเติม)
เรียนเชิญ ที่นี่ค่ะ
Create Date : 17 ตุลาคม 2548 |
|
52 comments |
Last Update : 17 ตุลาคม 2548 12:11:48 น. |
Counter : 1977 Pageviews. |
|
|
|