* + * + *+ * เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 - อาจเพราะมีบางสิ่งที่สำคัญกว่าความสุขของเรา * + * + *+ *
เด็กชายเลขที่ 34 เขียนโดย ENZO แปลโดย อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี สำนักพิมพ์ a book จำนวนหน้า 223 หน้า ราคา 320 บาท (พิมพ์สี่สีทุกหน้า)
ผ ม แ ค่ อ ย า ก จ ะ มี ค ว า ม สุ ข
ประโยคที่ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่ในชีวิตจริง เราอาจจะแค่ฟัง และไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันนัก
หากเมื่อมันมาอยู่ในหนังสือเล่มนี้
มันทำให้คนอ่านอย่างฉัน รู้สึกเจ็บปวดไปกับเด็กชายเลยที่ 34 คนนี้ด้วย
...
ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ด้วยความรู้สึกหลากประการด้วยกัน
นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของชีวิต ว่าในชีวิตของฉัน เคยมีเด็กชายเลขที่ 34 เข้ามาในชีวิตบ้างหรือไม่ มีเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องบ้างหรือไม่ และในวันนั้น ฉันมองเขาด้วยสายตาอย่างไร เข้าใจเขาบ้างไหมนะ?
ฉั น ถ า ม ตั ว เ อ ง
ฉันอาจเป็นเด็กหญิงที่โชคดีกว่าเด็กชายเลขที่ 34 มากนัก ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีแม่เป็นครู อิสระกับชีวิตในขวบวัยที่ต้องเรียนอนุบาล ที่ไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบ (เพราะเป็นร.ร.ที่แม่สอน) ขณะที่เพื่อนๆ ทุกคนทำตามตารางที่ครูอนุบาลบอก แปรงฟัน กินนม นอน เีรียน เต้น ร้องเพลง ฉันกลับเป็นนักเรียนชั้นอนุบาลที่เที่ยวเดินท่อมๆ ไปตามห้องเรียนของพี่ชั้นโตๆ ตั้งแต่ปอหนึ่งถึงปอสาม เพื่อจะดูว่าเขาเรียนอะไรกัน เขาทำอะไรกัน
ดังนั้น...ฉันจึงรักโรงเรียน และเรียนรู้ที่จะรู้ว่า..การใช้ชีวิตในโรงเรียนคือ "อะไร" และเป็น "อย่างไร"
และฉันสามารถยอมรับความคาดหวัง บรรทัดฐานว่า ต้องทำเช่นไร พ่อกับแม่ถึงจะรู้สึกดี ถึงจะมีความสุข
ฉันเรียนรู้ที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนได้ โดยไม่ได้โหยหาความสุขของตนเอง
โดยไม่ต้องแลกความสุขของตนเอง เพื่อความสุขของคนอื่น
เพราะมันต่างก็เป็นความสุขของฉันและคนอื่นได้เท่า-เท่ากัน
ฉั น โ ช ค ดี ก ว่ า เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 ม า ก นั ก
เวลาไปโรงเรียน ฉันสามารถที่จะมีความสุขกับการเรียน สนุกเวลาพักเบรคเช้า พักเที่ยง เบรคบ่าย
สนุกกับการได้เล่นกับเพื่อนๆ
หากจะรู้สึกย่ำแย่อยู่บ้าง ก็ในยามตอนเข้าประถมหนึ่งที่โรงเรียนแห่งใหม่ในระยะเวลาแรกๆ ที่ต้องพยายามทำตัวให้มีเพื่อนเนื่องจากเพื่อนๆ ส่วนใหญ่เค้ารู้จักกันอยู่แล้ว เป็นกลุ่มก้อนกันอยู่แล้วตั้งแต่อนุบาล - เท่านั้น
แต่..ก็ใช้เวลาไม่นานนัก ที่ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า..ทำอย่างไรจึงจะเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้
บางครั้งเราก็อาจจะต้องยอมหงายท้องอย่างหมายอมแพ้...แค่นั้น
แต่..ชีวิตก็อย่างนี้ ไม่มีใครได้อะไรมา โดยไม่เสียอะไรไปเลยหรอก...ใช่ไหม?
ฉันไม่ใช่เด็กเรียนเก่งในตอนเด็ก แค่เรียนพอไปได้ ชีวิตการเล่นในวัยนั้นสำคัญกว่าการเรียนไม่น้อย
ในยามเย็นเมื่อฉันกลับมาบ้าน (สมัยประถมหนึ่งและสอง) ฉันมีความสุขกับการไปตระเวนเที่ยวเขื่อนที่อยู่ใกล้บ้านพักครู ไปลงเล่นน้ำคลอง
เมื่อต้องย้ายบ้านตอนประถมสามจนถึงประถมสี่ ฉันก็ยังมีความสุขกับการไปป่ายปีนต้นคูณต้นขี้เหล็กที่เรียงรายอยู่หน้าที่ทำการเทศบาล ไปจับแมลงปอทั้งด้วยมือเปล่าและทำที่จับด้วยไม้กับถุงพลาสติกและยาง ไปปั่นจักรยานเล่นทั่วนาทาทิศ เล่นหมากบ้าน เล่นกระโดดยาง สร้างบ้านด้วยลังกระดาษ
และแน่นอน...เวลาที่ฉันไม่อยากเล่น เวลาที่เพื่อนๆ เล่นอะไรที่ฉันไม่ประสงค์จะร่วมวงด้วย หรือในวันที่โกรธกับเพื่อน ฉันก็ยังมี "หนังสือ" เป็นเพื่อน
ฉั น โ ช ค ดี ก ว่ า เ ด็ ก ช า ย เ ล ข ที่ 3 4 ม า ก นั ก จ ริ ง - จ ริ ง
ฉันอาจจะเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเด็กชายเลขที่ 34 มากกว่าเด็กชายเลขที่ 34 เอง
ถ้าฉันเป็นพ่อแม่ เป็นครูของเด็กชายเลขที่ 34 ฉันจะทำอย่างไรนะ
ฉันจะเข้าใจเขาไหม? ฉันจะทำอย่างไรให้เขายังคงมีความสุข แต่ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตได้นะ
ฉันจะทำอย่างไรกัน?
ฉันถามตัวเอง
ฉันถามตัวเองว่า...ความสุขของคนคนหนึ่งสำคัญมากแค่ไหน
เมื่อเทียบกับความสุขของคนที่เขารักเรา และให้อะไรกับเรามาทั้งชีวิต
เมื่อเทียบกับความสุขของคนที่เราควรต้องใส่ใจในความสุขของเขาไม่น้อยไปกว่ากัน
เหมือนกันกับที่ฉันเคยอ่าน "คิดถึงทุกปี" ของบินหลา สันกาลาคีรี
หนังสือเล่มนั้นบอกฉันว่า "มีบางสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรัก"
ฉันก็อยากจะบอกเหลือเกินว่า...มันมีบางสิ่งเช่นกันที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความสุขของตัวเราเอง
เพียงแต่...แต่ละคนจะยอมรับมันได้ไหม
เพียงแต่...แต่ละคนจะเข้าใจมันหรือไม่
เพียงแต่...มันจะต้องใช้เวลานานมากน้อยแค่ไหน
และ...ต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง
หรือ...เราต้องสูญเสียเ็ด็กเกเรอีกกี่คน ที่หายตัวไปในป่า และไม่มีใครได้พบเจอเขาเลย...อีกกี่คนกัน?
หรือเป็นเพราะความสุขเป็นเพียงของแสลง เป็นเพียงของชั่วครั้งคราวที่ไม่ได้มีอยู่จริง
ความทุกข์ต่างหากที่เป็นของจริง
มนุษย์เรา...จึงไม่สามารถมีความสุขเป็นของตัวเองได้...
กั น แ น่ น ะ ?
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
709489/5865/484
ป.ล. 1 สงสัยเรื่องที่ตอนไปอ่านในบล็อกคนแปล มีเรื่องที่คุณ ENZO พูดถึงเรื่องเส้นทางการวิ่งของเด็กชายฯ ที่ยังคงไว้ แสดงว่าต้นฉบับน่าจะพิมพ์แบบอ่านจากขวาไปซ้ายหรือเปล่า? แล้วถ้าอย่างนั้น ตอนพิมพ์แบบซ้ายไปขวา ทำยังไงภาพยังเหมือนเดิม นึกไม่ออกง่ะ (หรือภาพต้นฉบับเป็นแบบไม่เย็บกลาง?)
ป.ล. 2 มีเรื่องการแปลนิดหนึ่งที่ติดใจ คือตอนท้ายๆ เรื่องที่มีถ้อยคำต่างๆ ที่ล้อมรอบเด็กชายฯ เราคิดว่าบางอันน่าจะเป็นถ้อยคำที่พ่อแม่คุยกับเด็กชายฯ เพราะงั้นคำสรรพนามมันน่าจะเปลี่ยนด้วยหรือเปล่านา? แต่นอกนั้นแปลอ่านได้ลื่นค่ะ
Create Date : 02 กันยายน 2553 |
|
36 comments |
Last Update : 2 กันยายน 2553 8:13:04 น. |
Counter : 1751 Pageviews. |
|
|
|
ต้องไปซื้อมาอ่านบ้างแล้ว
ผมเด็กชายเลขที่ 17