* + * + * + *+ * วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดประจำรัชกาลที่ ๕ * + * + * + *+ *
สวัสดีค่า
เจ้าของบล็อกเข้าร่วมประกวด Thai Travel Blog อยู่นะคะ
ถ้าท่านใดอยากเป็นกำลังใจให้ ก็คลิกโหวตหน่อยนะคะ อิอิ
และวันนี้จขบ.จะพาไปเที่ยวในกรุงเต้บกันบ้างนะคะ
ซึ่งขอบอกว่า วัดนี้นั้นเป็นวัดที่เราได้ไปก็เมื่ออายุอานามยี่สิบกว่าๆ แล้ว (ก็นานแล้วนิ 555+) ซึ่งก่อนหน้านั้น ขอสารภาพว่า ไม่เคยได้ยินชื่อวัดนี้มาก่อนเลยค่ะ จนกระทั่งได้ไปอบรมบัตรไกด์ แล้วอาจารย์พาไปที่วัดนี้ ซึ่งพอได้ไปเห็นปุ๊บก็หลงรักทันทีเลยค่ะ รู้สึกว่าเป็นวัดที่สวยมากกกกก งามมากกกก และประทับใจเรามากๆ เลยหละค่ะ
มาเริ่มต้นกันด้วยการเดินทางก่อนเลยนะคะ ซึ่งวันนั้นที่เราไป เรานั่งรถแท็กซี่ไปค่ะ (อ้าว) ซึ่งกว่าจะหาเจอก็วนอยู่หน่อยหนึ่งเหมือนกัน เพราะแท็กซี่ก็ไม่รู้จัก แต่ในที่สุดก็เจอค่ะ แต่ตอนก่อนจะกลับ เห็นว่ามีอู่รถสายสองอยู่อีกฝั่งของคลองหลังวัด (ฝั่งสุสานหลวง) นะคะ เพราะฉะนั้น โดยสารรถเมล์สายนี้ก็น่าจะมาถึงอยู่น่อ
วัดนี้ถูกสร้างในปีพ.ศ. 2412 นะคะ ซึ่งวัดนี้ อาจารย์ที่อบรมบัตรไกด์เราบอกว่า เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๕ ค่ะ ซึ่งทำเอาเราเหวอพอสมควร เพราะคิดมาตลอดว่าเป็นวัดเบญจมบพิตร แต่นอกจากอาจารย์แล้ว ป้ายที่นี่ก็ตอกย้ำอย่างเด่นชัดว่าใช่แท้แน่นอนค่ะ
สำหรับในส่วนของชื่อวัดนะคะ "สถิตมหาสีมาราม" แปลว่า เป็นที่สถิตของมหาสีมาหรือมหาเสมา เพราะฉะนั้นอุโบสถที่นี่จะไม่มีใบเสมาปักอยู่โดยรอบอุโบสถเหมือนวัดอื่นๆ นะคะ แต่จะตั้งอยู่ที่กำแพงวัดโดยรอบ 8 จุดเลย ดังนั้นวัดทั้งวัดจึงเป็นพัทธสีมาทั้งหมด จึงสามารถจะบวชตรงไหนก็ได้ค่ะ (ความพิเศษอยู่ตรงนี้นี่แหละ)
ซึ่งอาจารย์ก็บอกว่า ข้อดีคือบวชที่ไหนก็ได้ แต่ข้อควรระวังคือ เราก็ต้องสำรวมมากกว่าปกติ เพราะในเขตพัทธสีมา ทำอะไรไป บาปจะเพิ่มหรือทวีความรุนแรงมากขึ้นค่ะ (เหงื่อตกกันเลยทีเดียว)
ซึ่งวัดที่มีมหาสีมาแบบนี้มีทั้งหมด 3 วัดคือ
1. วัดราชประดิษฐ (วัดประจำรัชกาลที่ ๔) 2. วัดราชบพิธแห่งนี้ 3. วัดบรมนิวาศ
สำหรับวัดนี้ใช้เวลาการสร้างนานมากเลยค่ะ เพราะผนังและเสาประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสี ซึ่งส่งไปทำตัวลายที่เมืองจีนทั้งหมดค่ะ
อย่างผนังก็จะเป็นลายเทพพนมกระเบื้องเคลือบทั้งหมดนะคะ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ให้เจดีย์เป็นสิ่งสำคัญของวัด จึงได้สร้างระเบียงคดรอบเจดีย์ เป็นระเบียงคดทรงกลม ล้อกับฐานเจดีย์ แต่ก็มีวิธีให้เจดีย์ไม่จมกับระเบียงคด โดยช่างทำฐานให้สูงมากน่ะค่ะ
สำหรับในส่วนของพระอุโบสถนะคะ นอกจากจะก่อสร้างตามแบบไทยประเพณีคือมีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์แล้ว ก็ยังมีพระเกี้ยว (จุลมงกุฏ) ประดับหน้าบัน ส่วนที่มุขเด็จขนาดเล็ก ก็มีหน้าบันเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดหลวงด้วยค่ะ
แม้ว่าภายนอกจะเป็นไทยประเพณีนะคะ แต่ภายในนี่ประดับลายปูนปั้นลายใบเฟิร์น ใบไม้แบบตะวันตก เลียนแบบจากห้องๆ หนึ่งในวังแวร์ซายค่ะ (อาจารย์ไม่ได้ระบุว่าห้องไหนยังไงน่ะนะคะ)
จากรูปข้างบน ด้านหน้าพระประธานคือพระนิรันตราย พระที่สำคัญองค์หนึ่งของวัดนี้นะคะ
สำหรับพระประธานนั้น ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงให้เครื่องราชูปโภคครั้งยังเป็นเจ้าฟ้ามาหลอมเป็นพระพุทธประธานค่ะ นั่นก็คือ พระพุทธอังคีรส แล้วก็ใต้ฐานนี่มีการบรรจุพระอัฐิของท่านด้วยนะคะ ซึ่งวัดนี้ก็จะเป็นวัดที่หากคนในราชสกุลของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ เวลาจะบำเพ็ญพิธี ก็จะมาทำที่วัดนี้ค่ะ
ภายในนี่สวยงามมากจริงๆ นะคะ ลองชมภาพได้ค่ะ
จากนั้นเราก็เดินไปยังอาคารอีกฝั่งค่ะ ซึ่งน่าจะเป็นวิหารนะคะ ภายในก็สวยงามมากเช่นกันค่ะ
แต่เอิ่ม...เราหามีข้อมูลไม่ว่ามีอะไรสำคัญอยู่ในนี้หรือว่าอย่างไร
เอาหละค่ะ ไปชมตัวองค์เจดีย์กันดีกว่าค่ะ ขอบอกว่า ของจริงงามกว่าในรูปมากนัก (ที่จริงพยายามย่อรูปและคงความละเอียดไว้นะคะ แต่ว่า บล็อกแกงค์มีระบบห้ามรูปที่มีความจำเกิน 150 kb ก็เลยทำให้ต้องเซฟรูปด้วยความละเอียดต่ำๆ น่ะค่ะ ทำให้รูปออกมาดร็อปลงน่ะนะคะ)
นอกจากนั้น ในบริเวณระเบียงคด ก็ยังมีภาพที่หาดูได้ยากด้วยนะคะ อย่างเช่น รูปของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ในขณะที่ทรงผนวชอยู่ด้วยค่ะ
ที่จริงแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจค่ะไม่ว่าจะเป็นพระที่นั่งสีตลาภิรมย์ พระตำหนักอรุณ เกยและพลับพลาเปลื้องเครื่อง แต่วันนั้นที่ไปไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ เลยขออนุญาตพาทุกท่านไปดูอีกจุดที่สำคัญนะคะ นั่นก็คือ สุสานหลวงนั่นเองค่ะ
เราต้องออกทางประตูทิศตะวันตกของวัดนะคะ
จะเห็นว่า ที่ประตูมีรูปปั้นนูนต่ำรูปทหารด้วยนะคะ แหะๆ
ซึ่งพอเห็นอย่างนั้นก็เลยลองส่องไปที่ประตูอื่น ปรากฏว่ามีเหมือนกันแฮะ แถมทำไม่เหมือนกันอีกต่างหาก
สำหรับสุสานหลวง ก็จะเป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้านายที่สืบสายโดยตรงจากรัชกาลที่ ๕ นะคะ ซึ่งจะมีกลุ่มอาคารประธาน ๔ กลุ่ม (ที่มียอดเจดีย์สีทอง) ซึ่งได้แก่
1. สุนันทานุสาวรีย์ - เป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระนางเจ้าสุนันทาฯ และพระราชธิดาค่ะ
2. รังษีวัฒนา - เป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระศรีสวรินทรา พระพันวษาอัยยิกาเจ้า ซึ่งพระอัฐิของสมเด็จย่า และราชสกุลมหิดล ก็บรรจุไว้ที่นี่เช่นกันค่ะ
3. เสาวภาประดิษฐาน - เป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้ก็รวมถึงสายราชสกุลจักรพงษ์และจุฑาธุชด้วยค่ะ
4. สุขุมาลนฤมิตร์ - เป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระปิตุฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี อัครราชเทวี และรวมทั้งสายสกุลบริพัตรด้วยนะคะ
นอกจากนั้นเป็นชั้นรอง ระดับราชเทวี เป็นปรางค์ 3 ยอดค่ะ (แต่กล้องเราไม่กว้างพอ ถ่ายได้แค่เนี้ย เง่อ..)
แต่ในตัวป้ายบอกข้อมูล บอกข้อมูลไว้อย่างนี้ค่ะ
ของอีกองค์ที่อาจารย์กล่าวถึงก็มีของเจ้าดารารัศมีค่ะ อาจารย์บอกว่าเป็นแบบฝรั่ง แต่เราถ่ายรูปมานี่ ถ่ายเจาะเฉพาะที่มีป้ายจารึกบอกรายละเอียด เลยไม่แน่ใจว่ารูปที่สามนี่ใช่ตัวองค์เต็มๆ ที่บรรจุพระอัฐิของท่านหรือเปล่านะคะ
ที่ไม่แน่ใจเพราะว่า ในตัวป้ายข้อมูลบอกว่าหมายเลข 21 แต่จำได้เลาๆ (เพราะไปนานแล้ว) ว่าตัวที่บอกในป้าย กับที่ติดอยู่ที่ฐาน หมายเลขไม่ตรงกันค่ะ แต่ถ้าเป็นหมายเลข 21 จริงๆ ก็จะเป็นองค์นี้ค่ะ
นอกจากนั้นก็ยังมีที่บรรจุพระอัฐิของหลายๆ ท่านที่คงจะคุ้นหูคุ้นตาพวกเราดีนะคะ
อย่างพระบิดาของกฎหมายไทยท่านนี้เป็นต้น
ที่จริงเราถ่ายมาอีกหลายองค์ค่ะ แต่แค่นี้ก็น่าจะโหลดกันแย่แล้ว แหะๆ
เอาเป็นว่า ถือว่าเป็นวัดหนึ่งที่สวยงามมากๆ นะคะ เป็นวัดหนึ่งในกรุงเทพมหานครที่เราชอบและประทับใจมากค่ะ ทั้งในความพิเศษของตัววัด เรื่องราว ความสวยงามของการก่อสร้าง และความสำคัญในการเป็นสุสานหลวงด้วยค่ะ
ถ้าท่านใดมีโอกาส ก็อยากให้ลองแวะไปที่วัดนี้ดูนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่า
722287/5930/492
Create Date : 22 กันยายน 2553 |
|
26 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2553 17:21:57 น. |
Counter : 5364 Pageviews. |
|
|
|
เพราะเดี๊ยวต้องออกไปตรวจสุขภาพเฉพาะที่แว้ว อิอิ
กลับมาแล้วจะมาชมและอ่านอย่างละเอียดอีกครั้งนะค้า
xoxo ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตนะคะ
ยุ้ยมาบวกให้อีก 1 แล้วค่ะ เช้านี้