~ ~★ ~ ~★ ~ ~★ Wall-E มิตรภาพ ความรัก และการต่อสู้ ~ ~★ ~ ~★ ~ ~★
Wall-E
ผู้กำกับ Andrew Stanton
ผู้เขียนบท
Andrew Stanton
นักแสดง
(Fred Willard, Jeff Garlin, Ben Burtt, Sigourney Weaver, John Ratzenberger)
Wall-E
Eve
Mo
เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์ค่ะ)
ในโลกอนาคตข้างหน้า (อีกหลายร้อยปีกระมัง) โลกสีฟ้าของเราหลงเหลืออยู่เพียงกองขยะมหึมากับหุ่นยนตร์ที่ทำหน้าที่เก็บกวาดขยะอยู่เพียงหนึ่งตัว นั่นคือ Wall-E แต่แล้ววันหนึ่ง Wall-E ก็ได้พบกับ Eve หุ่นยนตร์จากดาวดวงอื่นซึ่งมาทำหน้าที่ค้นหาบางสิ่งซึ่งเป็นความลับ ทั้งสองค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์กัน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อ Eve ค้นพบสิ่งที่ถูกมอบหมายให้ค้นหา ชีวิตของทั้งคู่ก็เปลี่ยนแปลงไป
ความรู้สึกที่ได้ดู (น่าจะไม่สปอยล์นะ)
ไม่ได้ดูหนังที่ทำให้รู้สึกสนุกและกระตุ้นต่อมคิดอะไรบางอย่างมานานแล้วค่ะ
กับราวๆ 30 นาทีของหนังที่ไม่มีบทพูดเลย (เจ๋งสุดๆ) แต่กลับไม่ทำให้คนดูเบื่อหน่ายแต่อย่างใด การปูพื้นเรื่องด้วยฉากของความเวิ้งว้างว่างเปล่า ท่ามกลางกองขยะและตึกสูง ซึ่งทำให้การทำงานของ Wall-E ในแต่ละวันนั้น ดูเปลี่ยวเหงามากมาย (ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมนุษย์ในสังคมเมืองใหญ่ ที่แม้จะมีผู้คบล้อมรอบอยู่มากมาย แต่ความรู้สึกที่คล้ายกลับ ไม่มีใคร นั้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน) เป็นการปูพื้นให้คนดูได้รู้จักกับหุ่นยนต์ตัวนี้ ได้เห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในความเป็น Wall-E
นอกจากนั้น ความอ่อนโยนบางอย่างของ Wall-E (กับเจ้าแมลงสาปตัวจ้อย) การเก็บของเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสะสมไว้ส่วนตัว การมีอะไหล่สำรอง การได้รู้จักกับอุปกรณ์บางอย่าง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการปูพื้นเพื่อให้คนดูได้ รู้จัก ได้ เอ็นดู และได้เริ่มที่จะ รัก เจ้าหุ่นตัวจ้อยนี้ รวมทั้งเป็นการปูพื้นเพื่อรองรับกับเรื่องราวในอนาคตที่จะเกิดขึ้นในหนังต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นการเก็บรายละเอียดที่ดีมากๆ เลยค่ะ (แต่ก็มีหลุดๆ บ้างนิดหน่อย ซึ่งจะกล่าวในโอกาสต่อไป)
ซึ่งการปูพื้นรายละเอียดเช่นนี้ ไม่ได้ทำแต่กับ Wall-E เท่านั้น แต่กับ Eve ทั้งในเรื่องของฉากเปิดตัว (ซึ่งถ้าเป็นนิทานสมัยก่อน ก็คงประมาณว่า เธอเป็นเจ้าหญิงผู้ถูกเสกให้สวยเพริดพริ้งลอยละล่องมาเตะตาพระเอกของเราเลยทีเดียว) ความดุเดือดในการทำลายเมื่อเจอกับสิ่งที่น่าจะเป็นอันตราย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการปูพื้นให้คนดูสามารถเชื่อถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น Eve สามารถที่จะช่วยเหลือ Wall-E ได้อย่างไร
เรียกได้ว่า การปูพื้นตัวละคร ทำได้ค่อนข้างแน่น แต่ไม่น่าเบื่อได้เป็นอย่างดี เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ค่อยๆ ถักทอสำหรับการเกิดเรื่องต่อไปในอนาคต ซึ่งทำได้ค่อนข้าง เนียน มากๆ
นอกจากนั้นการสร้างบุคลิกตัวละคร ก็มีความเป็น unique ที่เด่นชัด นอกจากสองตัวที่กล่าวไปแล้ว เจ้าโม (ซึ่งน่าจะเป็นขวัญใจของใครหลายๆ คน) ก็ทำออกมาได้น่ารักน่าชังมากมายค่ะ เป็นตัวละครที่น่ารักและสร้างรอยยิ้มให้กับคนดูได้ค่อนข้างมากทีเดียว (ประมาณกั๊ตจังของอาราเล่เลยนะ สำหรับเรา)
หรือแม้กระทั่ง เจ้าหุ่นเพี้ยนๆ ทั้งหลายที่ท้ายที่สุดกลายเป็นผู้ช่วยพระเอก แต่ละตัวก็สร้างมาได้ ขำ ได้ใจมาก (แถมยังเอาความ เพี้ยน ของแต่ละตัวมา ต่อยอด ว่าได้ใช้ความ เพี้ยน นั้น ช่วย ได้อย่างไรอีกต่างหาก) รวมทั้งกัปตัน ผู้หญิงและผู้ชายในอนาคต (ขออภัย จำชื่อไม่ได้) ซึ่ง Wall-E ได้ประสบระหว่างทาง ก็กลายเป็น 2 คนที่มีส่วนช่วยเล็กๆ ที่ทำให้เรื่องจบลงได้อย่างที่มันควรเป็น เป็นการเฉลี่ยบท และให้น้ำหนักได้ค่อนข้างลงตัวค่ะ
นอกจากนั้น เสียง ในเรื่องก็เลิศมากมาย ค่อนข้างทึ่งกับการสร้างเสียงของหนังเรื่องนี้ค่ะ ทำได้ค่อนข้างเข้ากับภาพที่ปรากฏ เป็นส่วนช่วยที่ทำให้หนังสมบูรณ์และมีเสน่ห์ขึ้นมากมาย (เพราะฉะนั้น ในความเห็นเรา ควรดู soundtrack ค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่า การพากย์ไทย จะทำให้เสียงบางเสียง หรือเสน่ห์บางอย่าง (เช่นสไตล์เสียงการพูดของ Eve กับ Wall-E) จะหายไปบ้างหรือเปล่า) แล้วก็ถ้าดูในโรงใหญ่ ระบบเสียงดีๆ ก็น่าจะมีผลอย่างมากต่อการดูหนังได้เต็มอรรถรสมากขึ้น
นอกจากเรื่องเสียงแล้ว ในส่วนของภาพก็ทำได้ดีนะคะ (แหม้..อะไรจะชมไปหมดขนาดนี้เนี่ย ) การให้โทนสีของภาพ โลกที่ Wall-E อยู่ กับความแห้งแล้งกันดารที่เกิดขึ้น (จนทำให้คนดูอดโอ้โหไม่ได้กับสีเขียวแรกที่ปรากฏในโลกแห่งนั้น-แหม้..สปอยล์นิดหนึ่งนะนี่ หุๆ) อวกาศที่เวิ้งว้างแต่งดงามด้วยดาวพราวแพรวและทางช้างเผือกอันตระการตา กับโลกสมัยใหม่ที่มีแต่สีสดใส หากแต่ก็ดูเนี้ยบจนไร้ชีวิตชีวา ทำได้โอเคมากค่ะ
แต่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งเลยก็คือ ความคิดบางอย่างที่อยู่ในหนังค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยวเหงา การปฏิบัติหน้าที่ของตนเองเพียงเพื่อให้การดำรงอยู่ของตนมีความหมาย และการทุ่มเทสุดใจเมื่อได้รักใครสักคน (จนท้ายที่สุด คนๆ นั้น ก็ยอมที่จะข้ามกฎเกณฑ์บางอย่าง เมื่อเห็น ค่า ความทุ่มเทนั้น) แต่ขณะเดียวกัน หนังก็สอดแทรกประเด็นชวนขบคิดอย่างความสะดวกสบายที่อาจทำให้คนทุกคนรู้สึกว่า การเสพอะไรบางอย่างนั้นง่ายดายเหลือเกิน หากแต่ความสะดวกล้ำยุคนั้น กลับไม่สามารถเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่สิ่งมีชีวิตอย่าง มนุษย์ หรือแม้แต่ หุ่นยนต์ (แต่จขบ.เป็นคนเชื่อว่า ทุกสิ่งมีจิตวิญญาณอยู่แล้วนะคะ แม้กระทั่งสิ่งไม่มีชีวิตก็ตาม) ต้องการได้ นั่นก็คือ การสร้างความสัมพันธ์และความรู้สึก รัก อย่างแท้จริง รวมทั้งโทษภัยของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจทำให้มนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพอย่างมาก (ซึ่งเราคิดว่าเป็นไปได้เลยแหละ เหอๆ) การกลับไปเพื่อกอบกู้และแก้ไขบางสิ่งบางอย่าง แม้ว่าจะเป็นหนทางที่ต้องทำลายความสะดวกสบายที่ตนเองมีอยู่ ทว่า..มนุษย์เราก็ยังเลือกในสิ่งที่ ควร และ ต้อง ทำมากกว่าจะยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ ที่ไม่ได้ประเทืองความเป็นมนุษย์สักเท่าไหร่ (ซึ่งก็เป็นตอนจบที่ดูเหมาะกับหนังแนวนี้อยู่แล้วน่ะนะคะ แม้ว่าจขบ.อดคิดไม่ได้ว่า...เอ่อ..แล้วการตัดสินใจที่ว่า แน่ใจหรือว่าคนอื่นๆ ที่อยู่กับความสะดวกสบายมาตลอดชีวิต จะทำได้ทุกคนและแฮปปี้ทุกคนน่ะ เหอๆ )
อย่างไรก็ตาม มีจุดที่สะกิดใจจขบ.นิดหน่อย (แต่..อะน่ะ..จะมองข้ามๆ ไปก็ได้) คือในส่วนของอุปกรณ์บางอย่างที่มีส่วนช่วย Wall-E ซึ่งแบบ..นะ โลกก้าวล้ำไปขนาดนั้นแล้ว อุปกรณ์ตัวนี้ยังเป็นรูปลักษณ์เดิมอยู่หรือไง (แต่ถ้าเอาสมัยใหม่กว่านี้ เจ้าพระเอกของเราก็คงใช้ไม่เป็นอะนะ)
อย่างไรก็ตามที ก็ถือว่าเป็นการ์ตูนของ Pixar อีกเรื่องหนึ่งที่ดูสนุกและไม่ได้ทำให้สมองว่างเปล่าหลังดูแต่อย่างใดนะคะ (ทำให้ยิ่งรู้สึกว่า หนัง animation ของค่ายนี้นี่ น่าสนใจมากๆ จริงๆ) เป็นหนังอีกเรื่องที่อยากให้ดูกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ (เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี จริงๆ นา) แต่มารีวิวซะป่านนี้แล้ว หนังออกจากโรงไปหรือยังก็ไม่รู้ แหะๆ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการแวะมาอ่านค่ะ
239816/3581/279
Create Date : 15 กันยายน 2551 |
|
41 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2551 10:31:33 น. |
Counter : 1831 Pageviews. |
|
|
|
หนังน่ารักดีครับ
เด็กๆได้ดูคงได้ข้อคิดเรื่อง สิ่งแวดล้อม ติดหัวไปบ้าง เคล้ากับความสนุก
จขบ.เป็นคนเชื่อว่า ทุกสิ่งมีจิตวิญญาณอยู่แล้วนะคะ แม้กระทั่งสิ่งไม่มีชีวิตก็ตาม)
อืมมม...อธิบายให้ฟัง (อ่าน) หน่อยได้ป่าวครับพี่?
ทำไมพี่คิดงี้อ่ะครับ?
ป.ล. 2-1