|
* * = = = = * * ความรักของนักท่องเวลา (The Time Traveler's Wife) * * = = = = * *
สวัสดีค่ะ
เอนทรี่ล่าสุด รีวิวร้านอาหาร กรุงเทพฯ ร้านโค้วจั้วฮวด ขาหมูเจ๊ม่วยใหญ่วังบูรพา (คลิกเพื่ออ่าน)
หายจากบล็อกกลุ่มนี้ไปนานมาก อย่างงานหนังสือเมษาที่ผ่านมา ตั้งใจจะรายงานความเสียหายก็ไม่มีเวลาทำจนเสร็จ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ลงซะงั้น เหอๆ และแน่นอนว่ากองดองยังท่วมท้นห้องเหมือนเดิมค่ะ เง่อ...
วันนี้มารีวิวหนังสืออีกเล่ม ซึ่งบอกก่อนเลยว่า เป็นเรื่องที่เราได้ดูหนังก่อนแล้วประทับใจมาก (เสียน้ำตาไปเยอะ) แล้วก็ไปหาหนังสือเล่มนี้มา (ดอง) ทันที แล้วก็เพิ่งจะมีเวลาได้อ่านมันหลังจากซื้อมาร่วม..น่าจะหลายปีแล้วหละค่ะ แหะๆ
ความรักของนักท่องเวลา (The Time Traveler's Wife)
ผู้เขียน ออเดรย์ นิฟเฟเนกเกอร์
ผู้แปล นันทวัน เติมแสงศิริศักดิ์
จำนวนหน้า 523 หน้า
ราคาปก 385 บาท
สำนักพิมพ์ บลิสพับลิชชิ่ง
เรื่องย่อ (อาจสปอยล์พอควร)
เรื่องราวของแคลร์และเฮนรี่ โดยฝ่ายแรกเป็นหญิงสาวในครอบครัวร่ำรวย ซึ่งเคยพบเฮนรี่ตั้งแต่เธอยังเยาววัย ส่วนฝ่ายหลังเป็น "นักท่องเวลา" บุคคลซึ่งไม่สามารถควบคุมตัวเอง (และได้แต่ตัวเองล้วนๆ เสื้อผ้าข้าวของไม่เกี่ยว) ให้ไม่เดินทางท่องเวลาไปในอดีตและอนาคตได้
เฮนรี่พบแคลร์ในช่วงระยะเวลาต่างๆ กัน โดยครั้งสุดท้ายเขาได้บอกเธอว่าจะได้เจอเธออีกครั้งสองปีข้างหน้า และไม่ต้องแปลกใจหากเขาจะไม่รู้จักเธอ ณ ขณะนั้น เพราะตอนที่เขาเจอแคลร์ (ตอนเด็ก) ครั้งแรกนั้น เขาอายุเลยวัยนั้นไปแล้ว
วันหนึ่งเมื่อทั้งคู่ได้เจอกัน คบหา และได้ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน ในขณะที่เฮนรี่ก็ยังคงมีอาการท่องเวลาอยู่เรื่อยๆ
วันหนึ่งทั้งสองต้องการที่จะมีลูก ทว่าเมื่อแคลร์ตั้งท้องแล้ว แต่ก็กลับผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเฮนรี่ในฐานะนักท่องเวลาได้มาพบกับแคลร์ และมีอะไรกัน ทั้งคู่จึงทำได้สำเร็จ
ความรักระหว่างนักท่องเวลา หญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง และลูกของเขาสองคนจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านได้ในหนังสือค่ะ
ความรู้สึกที่ได้อ่าน
ต้องบอกก่อนว่า ตัวเองประทับใจหนังเรื่องนี้มาก (จนต้องไปหาซื้อหนังสือมาน่ะแหละ) แต่ ณ ขณะที่อ่านหนังสือนี่ก็ดั๊น...จำไม่ได้แล้วว่าในหนังมีรายละเอียดมากมายขนาดในหนังสือหรือเปล่า รวมทั้งจุดจบของเฮนรี่ด้วย (คือ เลาๆ ว่าหนังไม่ได้ให้สาเหตุของจุดจบของเฮนรี่ไว้เหมือนแบบในหนังสือนะ)
นอกจากนั้นหลายๆ รายละเอียดที่ในหนังสือมี เช่น น้องสาวของแคลร์ เรื่องราวอันโหดร้ายระหว่างแคลร์กับคู่เดท เรื่องราวแม่ของแคลร์ เรื่องของแคลร์กับโกเมซ เรื่องของอิงกริดกับเฮนรี่ ฯลฯ เราว่าในหนังเรากลับจำไม่ได้ว่ามีรายละเอียดพวกนี้อยู่ด้วย (ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะถ้าขืนหนังเอาหนังสือมาทำทั้งหมดคงยาวอย่างน้อยๆ ๕ ชั่วโมงหละนะคะ)
แต่อย่างไรก็ตาม...สำหรับเราแล้วเรายังคงประทับใจทั้งตัวหนังและหนังสือค่ะ มันเป็นความประทับใจคนละแบบ (ซึ่งเราว่าหนังก็ทำได้ดีนะคะ อย่างน้อยก็ทำเราเสียน้ำตาได้ตอนจบแหละน่า) ส่วนหนังสือก็มีรายละเอียดต่างๆ เยอะกว่า ซึ่ง...จากความทรงจำเลาๆ ของการได้ดูหนัง เราว่าในหนังจะเน้นไปที่การท่องเวลาและความผูกพันระหว่างแคลร์กับเฮนรี่มากกว่า แล้วสองคนก็ดูเป็น "คนดี" กว่าในหนังสือ (ฮา  ) แต่ขณะที่ในหนังสือ รายละเอียดต่างๆ ทำให้สองคนดูเป็น "คนธรรมดา" ที่มีทั้งดีและชั่วอยู่ในตัวทั้งคู่น่ะค่ะ (แต่อันนี้ไม่เฟิร์มนะคะ เพราะอย่างที่บอก ดูหนังมานานมากแล้วแล้วก็จำรายละเอียดของหนังไม่ได้ทั้งหมดค่ะ)
คำเตือน ย่อหน้าต่อไปนี้สปอยล์อย่างแรงนะคะ
แต่ขณะเดียวกันการที่หนังสือมีรายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่าในหนัง ทำให้การตายของแฮรี่ด้วยการโดนยิงจากพี่ชายของแคลร์นั้น ดูเป็นกรรมสนองดีอะค่ะ (แบบว่า..เนื่องจากสิ่งที่เค้าทำกับอิงกริด ถึงแม้ว่า...โอเคแหละ มันเกิดจากความไม่มั่นคงทางจิตใจจากเรื่องแม่ตายก็ตามแต่ แต่มันก็โหดร้ายสำหรับอิงกริดไปนะ กับสิ่งที่เฮนรี่ทำเมื่อเจอแคลร์น่ะ) ซึ่งทำให้เรารู้สึกไม่โหดร้ายในชะตากรรมของเฮนรี่เท่ากับในหนัง
หรืออย่างกรณีของแคลร์ การมีอะไรกับโกเมซ ก็ทำให้เรารู้สึกว่า..เอ่อ..เธอก็..นะ สมควรแล้วหละ อยู่เป็นแม่ม่ายต่อไปเหอะ อะไรงี้ (ใครที่อ่านบล็อกนี้บ่อยๆ จะทราบว่า เจ้าของบล็อกเกลียดเรื่องการนอกใจ การแย่งแฟนคนอื่น หรือไปมีอะไรกับแฟนชาวบ้านเป็นที่สุดน่ะนะคะ)
แต่ในขณะที่ในหนัง (เท่าที่จำได้ - ย้ำอีกครั้ง  ) เราว่าไม่มีรายละเอียดเหล่านี้อยู่ ทำให้เรารู้สึกว่า ชะตากรรมที่ทั้งสองพบอยู่นี่ช่าง..โหดร้ายชะมัด จนเราเสียน้ำตาแบบว่า...ห้ามกันไม่อยู่น่ะ แหะๆ 
หมดสปอยล์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในหนังสือจะมีรายละเอียดต่างๆ ที่ทำให้เรารู้สึกสงสารตัวเอกสองคนนี้น้อยลง แต่ความรักระหว่างคนทั้งคู่ก็ยังคงประทับใจเราอยู่มากๆ นะคะ
คนๆ หนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ว่าจู่ๆ จะต้องไปโผล่ที่ไหน เวลาใด กับเหตุการณ์ร้ายในวัยเยาว์ที่เป็นเหมือนแผลลึกของตัวเองจนทำให้ตัวเองแหว่งวิ่น ครั้นมาเจอคนที่ตัวเองรักและรักตัวเอง ก็กลับมีปัญหาต่างๆ นานา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของลูก กับคนอีกคนที่มีคนรักที่ไม่มีวันรู้เลยว่า จู่ๆ ตัวเขาเองจะหายไปเมื่อไหร่ หายไปไหน แล้วจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยมั้ย แค่โดยทั้งหมดที่เล่ามานี่ก็ทำให้โอกาสที่ความรักจะยังคงอยู่นั้นยากไปกว่าปกติอยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังสามารถทำให้คนอ่านรู้สึกว่า...เออ...เอ็งสองคนรักกันจริงๆ รักทั้งที่มันมีความเป็นไปได้ที่จะยังคงสถานะความรักให้ราบรื่นและมั่นคงไปได้ตลอดนี่แหละ (แต่ถ้าเราเป็นแคลร์ เราเองก็น่าจะยังรักเฮนรี่ได้นะคะ แต่จะทรมานหน่อยเวลาเค้าหายไปแล้วต้องเป็นห่วงว่าปลอดภัยดีมั้ยนี่แหละค่ะ เหอๆ)
สำหรับคนอ่านทั่วไปที่ไม่ชอบอ่านอะไรซับซ้อน ต้องตามติดมากๆ อาจจะงงนะคะ เพราะเฮนรี่เองมาพบแคลร์ในเวลาที่อายุตัวเองต่างกัน สลับไปมา อย่างในหน้า 50 จะบอกไว้ว่า
วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 1977 (เฮนรี่อายุ 36 ปี แคลร์อายุ 6 ปี)
วันพฤหัสที่ 29 กันยายน 1977 (แคลร์อายุ 6 ปี เฮนรี่อายุ 35 ปี)
ตอนเราอ่านครั้งแรกยังสะดุดหน่อย ก่อนจะเก็ท ฮา... แต่ถ้าใครที่ชอบอ่านอะไรที่ซับซ้อนสลับเวลาไปมาได้ เราว่านี่เป็นหนังสือนิยายรักอีกเล่มที่น่าอ่านค่ะ และถ้าใครจะดูทั้งหนังและอ่านหนังสือ เราแนะนำให้ดูหนังก่อนนะคะ เป็นหนังที่ฉายเมื่อหลายปีพอสมควรแล้วล่ะค่ะ นำแสดงโดยอิริค บาน่า (กรี๊ดดดดดด  ) ซึ่งขอรับรองว่าน่าประทับใจจริงๆ นะคะ แฮ่...
สิ่งที่ชอบอีกอย่างของหนังสือคือ คนแปลมีการใช้คำแปลที่ค่อนข้างสวยงามและแปลกไปจากการแปลของนิยายของท่านอื่นๆ ค่ะ (แต่จะเห็นเยอะช่วงแรกๆ แต่พอช่วงหลังๆ ของหนังสือ สำนวนการแปลไม่เด่นเท่าไหร่นะคะ)
ขอยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพแล้วกันเนาะ
หน้า 85 ท้องฟ้าเป็นสีเหลืองระยาบ
เอ่อ..แม่เจ้า สีเหลืองระยาบ เป็นอย่างไร โต (แก่) จนป่านนี้ยังไม่เคยอ่านเจอสำนวนแบบนี้เลยค่ะ แต่เหมือนจะเคยได้ยินคนแก่ๆ เค้าพูดกันอะนะคะ
หน้า 86 ทิวไม้ลู่สะบัดตวัดค้อม
แบบว่า..เป็นกลอนกันมาเลยทีเดียวหละค่ะ อิอิ
สรุปแล้วสำหรับหนังสือเล่มนี้ เชียร์สำหรับคนชอบเรื่องรัก สะเทือนใจ แต่ต้องอ่านอะไรที่ซับซ้อน สลับเวลาไปมาได้นะคะ และอย่างที่บอกค่ะ ถ้าจะทั้งดูหนังและอ่านหนังสือ แนะนำให้ดูหนังก่อนค่ะ 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1,469,696+909767=2379463/9494/784
| Create Date : 11 กรกฎาคม 2556 |
|
28 comments |
| Last Update : 11 กรกฎาคม 2556 8:24:25 น. |
| Counter : 9561 Pageviews. |
|
 |
|
) แต่ขณะที่ในหนังสือ รายละเอียดต่างๆ ทำให้สองคนดูเป็น "คนธรรมดา" ที่มีทั้งดีและชั่วอยู่ในตัวทั้งคู่น่ะค่ะ (แต่อันนี้ไม่เฟิร์มนะคะ เพราะอย่างที่บอก ดูหนังมานานมากแล้วแล้วก็จำรายละเอียดของหนังไม่ได้ทั้งหมดค่ะ) 
) เราว่าไม่มีรายละเอียดเหล่านี้อยู่ ทำให้เรารู้สึกว่า ชะตากรรมที่ทั้งสองพบอยู่นี่ช่าง..โหดร้ายชะมัด จนเราเสียน้ำตาแบบว่า...ห้ามกันไม่อยู่น่ะ แหะๆ 
) ซึ่งขอรับรองว่าน่าประทับใจจริงๆ นะคะ แฮ่...
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [
