วันนั้นที่เราสั่งมาคือ ชุดขนมเส้นโดยเลือกสองน้ำคือ น้ำหมู (หรือน้ำใส) และน้ำพริก รวมทั้งหมูสะเต๊ะด้วยค่ะ
ส่วนที่เหมือนหมวกแหลมๆ ครอบไว้ทางขวามือของภาพ คือ จานนะคะ เอามาใช้ในการแบ่งขนมจีนเพื่อกินกับน้ำยาต่างๆ น่ะแหละค่ะ
ตัวขนมจีน อย่างที่บอกว่าเราสั่งมาแค่สองน้ำนะคะ ก็จะมีเครื่องเคียงมาให้ทั้งหมดตามภาพนี้เลยค่ะ
ตัวน้ำเงี้ยวแพร่ของที่นี่จะเค็มกว่าเจ้าอื่นนะคะ รสชาติจะออกแนวต้มจืดกระดูกหมูของภาคกลางน่ะค่ะ แล้วก็ที่นี่ไม่ได้ใช้หมูสับนะคะ ส่วนน้ำพริกมีบางคนเม้นท์ว่าหวาน แต่วันที่เรากินเราว่าเปรี้ยวนำมากกว่านะคะ
ตัวเนื้อหมูสะเต๊ะหมักดี แต่เค้าเอาส่วนไม่มีมันเลยมาทำค่ะ ซึ่งเราชอบแบบมีมันหน่อยหนึ่งมากกว่าน่ะนะคะ ตัวน้ำจิ้มรสค่อนข้างเข้มและเค็มปลายค่ะ อาจาดรสชาติดี
แต่ถ้ามากันหลายๆ คน เราว่าเซ็ตนี้ก็โอเคนะคะ คุ้มค่าอยู่ค่ะ
เนื่องจากเราไม่ได้สั่งน้ำยาอย่างอื่น เลยเอาภาพจากทางร้านมาให้ดูนะคะว่าน้ำยากอย่างอื่นหน้าตาประมาณไหน ที่ชอบคือมีบอกด้วยว่าน้ำยาอะไรต้องกินแกล้มกับอะไรจึงจะอร่อยค่ะ เก๋ๆ
ผ่านไปสองร้านค่ะ ไปกันที่ร้านที่สาม (ที่จริงยังมีอีกหลายร้านนะคะ แต่ด้วยเวลาจำกัด เราเลยไปร้านขนมเส้นในเมืองได้แค่นี้แหละ เอาไว้ไปใหม่ จะไปเก็บร้านอื่นๆ เพิ่มค่ะ แหะๆ)
ชื่อร้านขนมเส้นดวงเนตร (เก๋ากึ้ก) - บางคนก็จะเรียกว่าร้านเก๋ากึ้กเฉยๆ นะคะ
ร้านนี้เป็นร้านขนมจีนหรือขนมเส้นเก่าแก่สืบต่อกันมาตั้งแต่รุ่นคุณทวดนะคะ สำหรับนักท่องเที่ยวอาจจะไม่รู้จักกันเท่าไหร่ แต่นี่เป็นร้านหนึ่งที่คนท้องถิ่นแนะนำมาค่ะ เส้นทางไป เราใช้กู้เกิ้ลแมพเช่นเคย หาด้วยคำว่าขนมจีนดวงเนตรนะคะ สำหรับที่จอดรถ ถ้าไม่จอดที่หน้าร้านข้างทาง ก็มีที่จอดรถอยู่ติดกับร้านเลยค่ะ แต่ต้องตีวงหน่อยเพื่อจะขึ้นไปจอดนะคะ
ภายในร้านค่ะ ไม่มีห้องแอร์อีกเช่นกันนะคะ
ที่นี่รับทำตัวน้ำเงี้ยวแพร่ด้วยค่ะ แต่ต้องสั่งก่อน แล้วก็น้ำดื่มบริการตัวเองนะฮับ แล้วดูราคาค่ะ..สุดจะเป็นมิตรอ้ะ (แต่ขนมจีนร้านนี้ก็ถ้วยเล็กตามราคานะคะ)
ให้ดูภาพรวมของที่สั่งมาทั้งหมดก่อนนะคะ แฮ่...
ข้าวส้มของร้านนี้เท่าที่กินมา จะค่อนข้างมีรสมีชาติกว่าร้านอื่นนะคะ เพราะใช้มะเขือเทศแท้ๆ ในการทำ (พี่คนขายเล่าว่า เอามะเขือเทศสดๆ มานึ่งเกลือ เคี่ยวให้งวดแล้วค่อยเอามาคลุกกับข้าว ไม่ได้ใช้ซอสมะเขือเทศเหมือนบางที่นะคะ) ไม่ได้ใช้ซอสมะเขือเทศในการผัดข้าวค่ะ ถ้าอยากลองกินข้าวส้มอร่อยๆ เราว่าลองมากินที่ร้านนี้ก็ได้ค่ะ
สำหรับขนมเส้นน้ำเงี้ยวแพร่ ร้านนี้จะไม่ได้ใช้หมูสับค่ะ ใช้หมูติดกระดูก ซึ่งให้รสชาติที่อร่อยไปอีกแบบ ตัวน้ำซุปของที่นี่ละมุนและหอมมาก ตัวเส้นจะใหญ่กว่าของป้าดานิดหนึ่งนะคะ ไฮไลท์คือสามารถสั่งตัวกระดูกหมูราคา 50 บาท (ขนมเส้นน้ำหมู กับข้าวส้มราคาอย่างละ 15 บาทค่ะ) มากินได้ด้วย ตัวกระดูกหมูเปื่อยนุ่มกินง่ายมาก แต่รสจะเค็มนำนิดหนึ่ง แล้วกะหล่ำปลีที่ทางร้านให้มาแกล้มก็มาแบบเย็นๆ ค่ะ กินแกล้มแล้วมันฟินมากกกกช่วยส่งรสดีมากเลยอ้ะ (เช่นเดียวกันนะคะ ถ้าใครชอบรสจัดกว่านี้ก็ปรุงเพิ่มได้ค่ะ)
และปิดท้ายด้วยของหวาน ถ้วยละ 20 บาทค่ะ วันนั้นเราลองลอดช่องนะคะ แต่เห็นบางรีวิวแนะนำสาคูแหละ น้ำกะทิหอมดีค่ะ โออยู่ ใช้ล้างปากได้ดีค่ะ
ส่วนนี่ก็คือพี่เก๋ค่ะ คนที่มาดูแลและบอกเล่าให้เราฟังหละ ซึ่งชื่อร้านดวงเนตรเป็นชื่อของทายาทรุ่นล่าสุด เป็นคุณป้าดวงเนตรนั่นเองหละค่ะ
จบกันไปสำหรับร้านขนมจีน (ขนมเส้น) ในเมืองทั้งสามร้านนะคะ คราวนี้จะพาไปที่อำเภอลองกันบ้างค่ะ เพื่อจะไปลองขนมจีนน้ำย้อยกันบ้าง (คือที่จริงมีขนมจีนน้ำย้อยเปิดที่ในเมืองแพร่แล้วค่ะ แต่เราเห็นว่ามันเป็นทางผ่านระหว่างแพร่กับลำปางได้ - คือระหว่างแพร่กับลำปางนี่จะวิ่งเส้นที่ผ่านอ.ลองก็ได้ หรือจะวิ่งทางเส้นเด่นชัยที่ผ่านวัดพระธาตุสุโทนฯ ก็ได้น่ะนะคะ - ก็เลยไปกินที่ต้นตำรับดีกว่า) โดยตอนแรกเราจะไปที่ร้านขนมจีนน้ำย้อยอาหวัง ตามที่ททท.แพร่แนะนำมา ก็โทร.ไปถามทางร้าน ร้านบอกให้ไปที่ ซอย เทศบาล 3 ซอย 4 ตำบล ห้วยอ้อ อำเภอ ลอง แพร่ 54150 ประเทศไทย (ลองเซิร์ชหาด้วยที่อยู่นี้แล้วกันค่ะ) หรือจะไปที่เว็บ Wongnai หาด้วยร้านขนมจีนน้ำย้อยอาหวัง เจอร้านแล้วก็ไปตรงแผนที่แล้วคลิก Get Direction แล้วก็เลือกว่าใช้ Google Map ก็พาไปได้เหมือนกันค่ะ (หาร้านไหนไม่เจอ เราก็ใช้แบบนี้ ส่วนร้านนี้เราปักหมุดไว้ให้แล้วค่ะ) ก็ขับไปจากวัดสุโทนฯ ก็ใช้เวลาราวๆ 45 นาทีค่ะ
พอวิ่งไปถึงใกล้ๆ ก็จะมีวัดดอนมูนอยู่ที่ปากซอยเทศบาล 3 นะคะ เราก็วิ่งเข้าไปจนเจอเทศบาล 3 ซอย 4 ตามภาพก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปค่ะ
เราก็จะวิ่งผ่านร้านขนมจีนน้ำย้อยป้ารัตน์ที่อยู่ทางขวามือแบบนี้ไปก่อนนะฮับ
กรี๊ดดดดด พอไปถึงร้านอาหวัง ป้ายแขวนเลยค่ะว่าหมดแล้ว แงงงงงงงงง เสียใจจจจจจจ (แต่มีน้ำพริกน้ำย้อยขาย ให้เบอร์ไว้เผื่อใครจะโทร.ไปถามทางนะคะ)
เลยจากป้ายที่แขวนไว้ทำร้ายหัวใจอันบอบบางของเราแล้ว (ป้าคะ กลับมาค่ะกลับมา) ทางจะบังคับเลี้ยวขวาค่ะ แล้วก็จะเจอทางเข้าร้านอาหวังอีกทางหนึ่ง ซึ่งตรงนี้จะมีที่จอดรถได้สักสองสามคันนะคะ ที่นั่งภายในร้านก็แบบนี้เลยฮับ
เดินไปถามให้เธอตอกย้ำความเสียใจ (ป้าาาา บอกให้กลับม้าาาา) สรุปว่าหมดแล้วจริงๆ ค่ะ เศร้ามากๆ แต่ก็ซื้อน้ำพริกน้ำย้อยกลับมานะคะ แต่พอมากินกับเส้นที่กรุงเทพฯ แล้วเครื่องไม่ครบด้วย เลยไม่ค่อยนัวเท่าไหร่ค่ะ เอาไว้จะไปแก้มือให้ได้ ฮี้ยยยยย
พลาดจากร้านอาหวัง เราก็กลับมายังร้านป้ารัตน์ที่ผ่านไปเมื่อกี๊ค่ะ โดยต้องไปจอดรถสามารถจอดรถในวัดดอนมูลแล้วเดินเอาค่ะ ร้านป้ารัตน์จะอยู่ห่างจากวัดประมาณสี่ร้อยเมตรได้นะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Fanclub Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น