##### รีวิวร้าน FLANN O'BRIEN'S IRISH PUB สาขา Eight ทองหล่อ #####







สวัสดีค่ะ Smiley





เอนทรี่ล่าสุด รีวิวร้าน Rokkasen ชินจูกุ ตึกซันฟลาวเวอร์ บุฟเฟท์ปิ้งย่าง ณ โตเกียว (คลิกเพื่ออ่าน)






สำหรับวันนี้จะพาไปหม่ำอาหารอีกหนึ่งสัญชาติ ซึ่งขอสารภาพก่อนเลยว่าเป็นการไปกินอาหารสัญชาตินี้เป็นครั้งแรกของเจ้าของบล็อกเลยหละค่ะ แฮ่..นั่นก็คืออาหารไอริชกับร้าน FLANN O'BRIEN'S IRISH PUB สาขาเอททองหล่อนั่นเองค่ะ (อ่านแบบเป็นภาษาไทยก็ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับนะคะ) ซึ่งการไปครั้งนี้ก็ไปตามคำชวนของคุณเปิ้ล จากอิมแพ็คท่านเดิมที่เคยชวนเราไปหม่ำและทำรีวิวมาแล้วทั้ง Ito-Kacho และ สีโบฮาจิสาขาธนิยะ รวมทั้งที่เพิ่งรีวิวไปเมื่อไม่นานนี้กับเทศกาลกินปู ณ สีโบฮาจิสาขานิฮอนมาจินะคะ


ท่านใดสนใจจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ลองไปที่เว็ปไซต์และเฟซบุ๊คของเค้านะคะ

//flann-obriens.com

https://www.facebook.com/FlannobriensIrishPub.com

อ้อๆ ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 9.00-01-00 น.นะคะ เรียกว่าอาหารเช้ายันอาหารดึกเลยล่ะค่ะ หุๆ



สำหรับสาขาของร้านฟลานฯ ทั้งหมดจะมีดังนี้ค่ะ
1. สาขาอิมแพ็ค
2. สาขาเอเชียทีค โกดัง 10
3. สาขาสีลม (ตรงข้ามสีลมพลาซ่า)
4. สาขาทองหล่อ



สำหรับการไปวันนั้นเราขับรถไปค่ะ วิ่งเส้นถนนเพชรบุรีแล้วเลี้ยวเข้าซอยทองหล่อเลยค่ะ ไม่วิ่งจากสุขุมวิท ซึ่งคิดถูกมาก เพราะอีกฝั่งนี่ติดอย่างรุนแรง เหอๆ สำหรับการจอดรถ ต้องวิ่งผ่านหน้าอาคาร EIGHT ทองหล่อแล้วค่อยไปเลี้ยวเข้าข้างๆ อาคารนะคะ อย่าเลี้ยวก่อนหละ เพราะข้าพเจ้าขับผิดมาแล้ว แหะๆ แล้วก็ลงไปจอด แต่มันจะมีที่จอดสำหรับฟู้ดแลนด์โดยเฉพาะด้วย ต้องไปจอดตรงที่เสาทาสีดำๆ นะคะ โดยตัวบัตรจอดรถจะจอดได้สามชั่วโมงค่ะ ถ้าเกินก็ชั่วโมงละ 50 บาทนะคะ เราเกินไปชั่วโมงหนึ่ง (ไปถึงเร็วไปหน่อย แฮ่..) เลยจ่ายไปห้าสิบบาทฮับ


รูปแรกนี่จะเป็นรูปหน้าตึกเอทนะคะ ส่วนอีกสองรูปจะเป็นด้านข้างร้านจากในอาคารที่เดินขึ้นมาจากลานจอดรถ (ร้านจะอยู่หน้าอาคาร ติดถนนทองหล่อเลยค่ะ) กับด้านหน้าร้านฝั่งข้างนอกอาคาร จะเห็นว่าจะมีทั้งในห้องแอร์และนอกห้องแอร์ด้วยค่ะ














จะเห็นว่าชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะเลยนะคะ ทั้งด้านนอกและด้านในร้าน (แต่ด้านนอกจะเยอะกว่าค่ะ) ซึ่งด้านในร้านก็จะมีโซนที่อยู่บริเวณหน้าบาร์ กับทางขวามือเข้าไปด้านในค่ะ ซึ่งโซนขวามือนั่นก็จะมีประตูเชื่อมสำหรับเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นลอยด้านบนซึ่งเป็นเอาท์ดอร์ด้วยนะคะ (จะพาชมต่อไปนะฮับ) แต่คนไทยน้อยมากจริงๆ ตอนเราไปเจอแค่อีกโต๊ะค่ะ นอกนั้นชาวต่างชาติล้วนๆ เลย




















พื้นที่ทั้งหมดนี้จะรับลูกค้าได้ทั้งหมดราว 70 ท่านนะคะ

ภาพนี้เป็นโซนฝั่งขวาที่เราบอกค่ะ จะมีพื้นที่มากกว่าฝั่งหน้าบาร์ค่ะ ส่วนข้อความที่อยู่ด้านบนนั่นเป็นภาษาไอริช Ce'ad mile f'ailte (ที่จริงมันไม่ใช่อโพสโตฟี่นะคะแต่เราพิมพ์สัญลักษณ์บนตัวอักษรแบบในแบบไม่ได้ง่ะ ดูตามภาพเอาละกันค่ะ เง่อ) แปลว่า ยินดีต้อนรับ ค่ะ














จะเห็นว่าโซนด้านนี้นี่มีการติดธงชาติของเมืองต่างๆ ในไอร์แลนด์ด้วยนะคะ อันนี้คุณเปิ้ลให้ข้อมูลมา ความรู้ใหม่เราอีกแหละ












เราชอบสโลแกนของร้านเค้านะคะ "ไม่มีคนแปลกหน้าที่ฟลาน โอเบรียนส์ มีแต่เพื่อนที่ยังไม่ได้เคยพบกันเท่านั้น" เก๋อ้ะ














มาดูเมนูกันค่ะ คือ เราว่าถ้าเป็นร้านลักษณะนี้แล้วก็อยู่ทองหล่อ ราคาไม่ได้แพงนะคะ มาตรฐานของร้านลักษณะนี้เลยแหละ















เรามาขึ้นบันไดวนไปชั้นลอยกันค่ะ ตรงนี้ต้องเข้าจากด้านในร้านนะคะ เข้าจากฝั่งเอาท์ดอร์ไม่ได้นะฮับ Smiley














บรรยากาศด้านบนค่ะ เป็นเอาท์ดอร์อย่างที่แจ้ง วิวก็ประมาณในภาพหละนะคะ














มาร้านนี้ไม่ดื่มเบียร์ก็กระไรนะคะ ผิดผีนะนั่น (ตึ่งโป๊ะ!!) ตัวแรกที่ได้ลองดื่มก็คือMagner's Cider ค่ะ คุณเปิ้ลบอกว่าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้หญิงนะคะ ตัวนี้จะทำจากแอปเปิ้ลล้วนๆ เลยค่ะ ไม่มีข้าวมอลต์ (ซึ่งก็คือเมล็ดข้าวอบแห้งหรือคั่ว ของเมล็ดธัญพืชที่แตกหน่อแล้ว โดยปกติใช้เมล็ดข้าวบาร์เลย์ค่ะ)


สำหรับรสชาติ ตัวนี้กลิ่นหอมอ่อนๆ ดีค่ะ ทำให้คิดถึงตัวผลไม้ (ก็แอปเปิ้ลนั่นแล) มีรสเปรี้ยวนิดๆ นำ กินแล้วให้อารมณ์ใกล้เคียงกับการดื่ม sparkling wine นะคะ เราว่าเหมาะกับผู้หญิงที่ไม่ได้ดื่มหนักอะไรมาก (อย่างเรา) หละค่ะ














จานแรกที่มานะคะกับ Caesar Salad with Shrimps (275 บาท) ค่ะ

ซีซ่าร์สลัดกุ้งเข้มข้น เข้มข้นถูกใจคนชอบสลัดด้วยผักคอซ พร้อมพาเมซานชีส ฝานเป็นเส้นเต็มคำ พร้อมกุ้งสด และไข่ต้ม และปลาแองโชวี่เพิ่มความหอมและเข้มข้น และเบคอน ขนมปังกรูตองเพิ่มความกรุบกรอบ














สำหรับเมนูนี้นะคะ ผักสดกรอบมาก น้ำสลัดก็รสชาติดี พามิซานชีสมาแบบเป็นแผ่นตู้มมากกกก สำหรับคนชอบกินสลัด (ข้าพเจ้าก็ด้วย) ไม่ควรพลาดเมนูนี้นะคะ อร่อยแหละ Smiley














ต่อไปค่ะกับ Irish Leek Soup (170 บาท)

ซุปกระเทียม ซุปข้นสไตล์ตะวันตก หอมกรุ่นรสนุ่มด้วยต้นกระเทียมที่นำมาปั่นและกรองจนละเอียดนำไปต้มคู่กับวิปครีมและครีมสด














สำหรับการกินตัวนี้นะคะ ตัวซุปค่อนข้างนุ่มนวลแต่เข้าข้น หวานจางๆ หอมอ่อน แต่ที่เซอร์ไพรซ์สุดคือขนมปังค่ะ มาแบบกรอบนอก เนื้อในแน่น ชอบ texture ของมันมาก เลิศ อร่อยสุดๆ ค่ะ กินเปล่าก็อร่อย พอกินกับซุปก็อร่อยนะคะ แต่ควรกินตอนร้อนค่ะ เพราะพอเย็นแล้ว รสชาติซุปจะหวานขึ้นมาอีกหน่อยค่ะ














ช่วงนี้มีโปรเบียร์ตามภาพเลยนะคะ ถ้าสั่งเบียร์ Guinness ตอนนี้ราคาแก้วละ 200 จาก 280 และถ้าสั่ง KILKENNY 4 แก้วได้ร่มฟรีด้วยค่ะ

นอกจากนั้นสำหรับอาหารเช้า ตอนนี้ถ้าไปกินก็ลด 50% ด้วยนะคะ คือ ถ้าไม่ได้รับเชิญไปนี่ ขอบอกว่าไม่คิดว่าร้านแนวนี้จะมีอาหารเช้าขายด้วยเลยนะพับผ่าเหอะ เซอร์ไพรซ์อ้ะ (ไอริชผับที่อื่นเค้ามีแบบนี้กันหมดปะคะ อยากรู้จังน่อ)
















ให้ดูขนาดแก้วระหว่าง half กับ Pint ค่ะว่าต่างกันประมาณนี้ ถ้าดื่มเก่งๆ เราว่าสั่งเป็น Pint คุ้มกว่าน่อ

สำหรับตัวเบียร์ Kilkenny ฟองนุ่มมากๆ นะคะ ความเป็นเบียร์จะชัดกว่าตัว Magner's หละค่ะ (มารอบนี้ได้ชิมเบียร์สามตัวเลยแหละ)



ตอนทำรีวิวนี้เราก็ไปหาเกร็ดเรื่องของการทำเบียร์มาฝากค่ะ ซึ่งก็ไปได้มาจาก

//guru.google.co.th/guru/thread?tid=2ccf274f3e43632c&table=%2Fguru%2F



ความว่า


องค์ประกอบหลักในการหมักเบียร์คือ น้ำ ข้าวมอลต์(คือเมล็ดข้าวอบแห้งหรือคั่ว ของเมล็ดธัญพืชที่แตกหน่อแล้ว โดยปกติใช้เมล็ดข้าวบาร์เลย์) ฮอปส์ และ ยีสต์ และยังมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่นผลเชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และเมล็ดธัญพืชอื่น เช่น เมล็ดข้าวสาลี (Wheat) เรียกว่า แอดจังท์ (Adjunct) หรือ ส่วนผสมข้างเคียง

น้ำ : เนื่องจากน้ำนั้นเป็นองค์ประกอบหลักของเบียร์ คุณสมบัติของน้ำที่ใช้จึงมีผลต่อรสชาดของเบียร์

มอลต์ : เมล็ดข้าวมอลต์ จากข้าวบาเลย์นั้นเป็นชนิดที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องมาจากมีปริมาณ เอนไซม์อะไมเลส (amylase enzyme) สูง ซึ่งทำให้กระบวนการแตกตัวของแป้งเป็นน้ำตาลนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากข้าวมอลต์จากข้าวบาเลย์แล้ว เมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เช่น ข้าวสาลี (wheat) ข้าวเจ้า (rice) ข้าวโพด (maize) ข้าวโอ๊ต (oat) และ ข้าวไรย์ (rye) ทั้งแบบที่ทำเป็นข้าวมอลต์ และ เมล็ดปกติ ก็ยังใช้เป็นส่วนผสมอีกด้วย

ฮอปส์ : ส่วนผสมซึ่งให้รสขมในเบียร์ เพื่อสมดุลรสหวานจากมอลต์ นอกจากนั้นยังมีผลเป็นยาปฏิชีวนะ ต่อต้านจุลินทรีย์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยีสต์ ส่งผลต่อการหมัก

ยีสต์ : ใช้ในกระบวนการหมักเพื่อย่อยสลายน้ำตาล ที่สกัดจากเมล็ดธัญพืช ให้เป็นแอลกอฮอล์ และ คาร์บอนไดออกไซด์ โดยปกติแล้วระดับแอลกอฮอล์ในเบียร์จะอยู่ที่ 4-6เปอร์เซ็นต์ แต่อาจจะต่ำถึง 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ สูงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ ยีสต์ที่ใช้แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ ยีสต์หมักลอยผิว ยีสต์หมักนอนก้น ยีสต์ธรรมชาติ





แต่ถ้าใครอยากอ่านละเอียดๆ ลองไปที่ลิงก์นี้ดูค่ะ เค้าใส่สคริปต์กันก็อปปี้ไว้ เลยเอามาให้อ่านกันที่นี่ไม่ได้นะคะ (ที่จริงมีหนังสือเล่มหนึ่งที่เราเคยอ่าน ที่พูดเรื่อง เบียร ไวน์ แต่จำชื่อหนังสือไม่ได้ อ่านสนุกด้วยนะคะ แต่ลืมชื่อหนังสือซะงั้น เสียดาย)

//www.cocktailthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=210504&Ntype=3











แล้วก็ในเมนูนี่เค้าก็จะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆ ให้อ่านด้วยนะคะ อย่างที่มาของชื่อร้าน ซึ่งนำมาจากชื่อนักประพันธ์ชาวไอริชท่านนี้เป็นต้นค่ะ














นอกจากนั้นก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับตำรับอาหารแบบไอริชด้วยค่ะ ซึ่งจานเด่นๆ ที่เป็นตัวแทนของอาหารไอริชก็เช่น สตูว์ไอริช เบคอนและกะหล่ำปลี ส่วน coddle and colcannon นี่อิชั้นก็พยายามไปสืบเสาะมา ได้ความว่า coddle เป็นวิธีการทำอาหารที่คล้ายๆ กับการลวกหละค่ะ (to cook (as eggs) in liquid slowly and gently just below the boiling point) ส่วน colcannon คือ potatoes and cabbage boiled and mashed together with butter and seasoning นะคะ

แต่สำหรับนอกประเทศไอร์แลนด์แล้ว ส่วนมากจะคิดว่าอาหารไอร์แลนด์ก็จะเป็นแค่มันฝรั่งกับเนื้อแกะเท่านั้นหละค่ะ แต่ที่จริงแล้วอาหารไอร์แลนด์มีความหลากหลายทางวัตถุดิบมากกว่านั้นนะคะ Smiley


ใครอยากลองไปดูเมนูที่ใช้วิธีการทำแบบ coddle ลองไปที่สองลิงก์นี้ดูนะคะ

Dublin Coddle - Irish Sausage, Bacon, Onion and Potato Hotpot (คลิกเพื่ออ่าน)

Irish Coddle (คลิกเพื่ออ่าน)
















นอกนั้นก็จะมีเรื่องของเซนต์แพทริคและเกร็ดเรื่องอื่นๆ อีกค่ะ สนใจก็ลองอ่านเมนูดูนะคะ อิอิ

นอกจากนั้นที่นี่ก็รับจัดปาร์ตี้ด้วยนะคะ ตามภาพเลยฮับ














ตัดฉับเข้าสู่รายการหลักกันค่ะ กับเมนูต่อไปนะคะ Banger and Mash (345 บาท) (ขอบอกว่าแต่ละเมนูนี่มา portion ตู้มๆ ทั้งนั้นนะคะ)

ไส้กรอกหมูสไตล์ไอริช เสริฟพร้อมโปเตโต้แมชมันฝรั่งบด เนื้อเนียนราดด้วยซอสเกรวี่รสชาตินุ่มนวล หวานหอมหัวใหญ่และเครื่องเทศสไตล์ไอริช














สำหรับตัวนี้นะคะ ไส้กรอกไม่มีแป้งเลยค่ะ เนื้อหมูมาเต็ม หอมกลิ่นเครื่องเทศแบบเข้มข้นมากค่ะ แล้วด้วยวิธีการทำ เราว่ารสชาติไส้กรอกของเค้ามันต่างจากรสชาติไส้กรอกทั่วไปอ้ะ ส่วนตัวมันบด จะยังมีตัวเนื้อนิดหน่อยค่ะ ไม่ได้เนียนไปหมดนะคะ น้ำเกรวี่ก็โอในระดับหนึ่งค่ะ อร่อยดีค่ะจานนี้














ต่อไปค่ะกับ Fish and Chips (375 บาท) ตัวปลาเป็นปลาดอลลี่นะคะ มาชิ้นใหญ่ยักษ์เช่นเคยค่ะ
















สำหรับการกินเจ้าตัวนี้นะคะ แป้งกรอบมาเวอร์มากกกกกค่ะ (คุณเปิ้ลเล่าว่าเป็นแป้งผสมกับเบียร์ Kilkenny ค่ะ) ตัวซอสทาทาเชฟก็ตีเองนะคะ (แต่เป็นสูตรของทางอิมแพ็ค) เนื้อปลาด้านในก็ยังชุ่มฉ่ำอยู่ค่ะ อร่อยค่ะ เป็นอีกตัวที่ต้องกินตอนร้อนนะคะ พอคลายร้อนแล้ว ความกรอบจะลดลง จะทำให้อร่อยน้อยลงค่ะตัวนี้

เอาคำบรรยายวิธีการทำมาแปะให้อ่านกันนะคะ ฟิชแอนด์ชิฟ ปลาดอลลี่ชิ้นโตชุปแป้งสูตรเฉพาะที่ผสมผสานด้วยเบียร์ Kilkenny ช่วยเพิ่มความกรอบนานให้กับเนื้อปลาและมีความฟูกรอบ สีเหลืองทอดน่ารับประทาน เสริฟคู่กับซอสทาร์ทาร์ที่ทางร้านตีเอง เป็นเรียลมายองเนส ผสมเม็ดแคปเปอร์เพิ่มความเปรี้ยวกลมกล่อม ทานคู่กับเครื่องเคียงมันฝรั่งทอดเคล้าด้วยผงปาปริก้าเพิ่มความเข้มข้น และถั่วลันเตาแครอทผัดกับเนย














จานต่อไปค่ะ กับอีกหนึ่ง signature ของร้าน Beef and Guinness Pie (425 บาท) ค่ะ

อันนี้มาแบบรูปลักษณ์แรกก่อนนะฮับ
















จากนั้นทางคุณเปิ้ลก็ให้พนักงานเอาไปให้เชฟผ่าให้ค่ะ ก็จะออกมาตามภาพเลยนะคะ

ข้างในนี่จะเป็นเนื้อสันออสเตรเลีย (เซอร์ลอยด์) นำไปตุ๋นด้วยเบียร์กินเนสอย่างน้อยหกชั่วโมงค่ะ โดยเนื้อสันนี่ก็มีการหมักด้วยกินเนสด้วยนะคะ

ถ้าเอาวิธีการทำแบบเต็มๆ ตามเอกสารก็จะบรรยายไว้ว่า เป็นสตูว์เนื้อตุ๋นด้วยเบียร์ดำกินเนสตุ๋นนานกว่า 4ชั่วโมงใช้เนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ โปะด้านบนเป็นลูกกลมด้วยแป้งพัสเพสตรี้ ที่หอมนุ่มเนย แล้วนำไปอบต่อจนพองโต เมนูมีความนุ่มหอม ด้วยเครื่องเทศสไตล์ไอริชอาทิ ใบไทม์
















การกินควรกินพร้อมกับแป้งพายนะคะ เพราะถ้ากินตัวเนื้อตุ๋นเปล่าๆ รสชาติจะเข้มไปค่ะ ไม่ค่อยบาลานซ์เท่าไหร่

สำหรับรสชาตินะคะ มัน...อร่อยมากกกกกกกกกที่สุดในสามโลก เนื้อหอมเข้มข้นมากๆๆ ตัวเนื้อก็นิ่มแต่ไม่เสียความเป็นเนื้อค่ะ สำหรับตัวมันฝรั่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรากินทีหลังตัวเนื้อตุ๋นกับแป้งพายหรือเปล่า ทำให้รู้สึกว่ารสมันจางๆ ไม่โดนแม้แต่น้อยค่ะ














สำหรับมื้อนี้ได้น้องตี๋ (เหมือนจะเป็นผู้ช่วยผู้จัดการของร้านนะคะ ผู้จัดการร้านคนใหม่ที่เพิ่งมาเป็นชาวสวีเดนค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปผจก.มา แหะๆ) มาช่วยดูแลและให้ความรู้ค่ะ อัธยาศัยดี ดูแลดีมากค่ะ น่ารักแหละ




อย่างตัวเบียร์ดำน้องตี๋ก็เล่าให้ฟังว่า จะหมักนานกว่า lager ทั่วไป lager จะใช้เวลาหมักประมาณ 1-2 ปีและตีฟองขึ้นขณะที่เบียร์ดำจะหมักราว 3-5 ปีและใช้ยีสต์ที่ทำให้ฟองตกลง (รวมทั้งการหมักและกลั่นด้วยนะคะ) และจะใช้ไม้ชนิดหนึ่งที่มีเฉพาะในไอร์แลนด์เท่านั้นด้วยค่ะ

นอกจากนั้น Kilkenny ก็จะมีการกลั่นน้อยกว่า บางคนก็จะเรียกว่า brown beer ค่ะ แต่ที่จริงแล้วก็เป็นเบียร์ดำนะคะ


ซึ่งข้าพเจ้าก็ไปพึ่งพากุเกิ้ลอีกเช่นกัน แล้วก็ได้ประเภทของเบียร์ต่างๆ มาจากลิงก์นี้นะคะ ซึ่งอ่านแล้วคิดว่า เจ้ากินเนสนี่น่าจะเป็นเบียร์ประเภทเอล ( Ales) แบบ stout ค่ะ เพราะเค้าบอกไว้ดังนี้นะคะ

เอลเป็นเบียร์ที่มีสีเข้ม รสชาติเข้มข้น รสขมกว่าและดีกรีสูงกว่าลาเกอร์เบียร์โดยทั่วไปคือมีดีกรีประมาณ 5.5 -6.5 % โดยน้ำหนัก ที่นิยมมี 2 ชนิดคือ

1) Porter

เบียร์สีดำ รสขมอมหวาน ปัจจุบันนิยมน้อยมาก แต่บางประเทศยังผลิตอยู่เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา

2) Stout

ได้รับความนิยมมากกว่า Porter เพราะมีรสชาติดีกว่า ลักษณะเด่นของ Stout คือ มีกลิ่นและรสชาติมาก รสหวานมาก ขมเล็กน้อย Guinness stout ของประเทศไอร์แลนด์ ปัจจุบันผลิตในประเทศอื่นๆด้วย นิยมนำไปผสมเป็นค็อกเทลที่มีชื่อเสียง โดยผสมกับแชมเปญในอัตราส่วนอย่างละครี่งเรียกว่า Black Velvet





นอกจากนั้นคุณเปิ้ลก็บอกด้วยว่า มีคนบอกด้วยว่า ผู้หญิงที่ดื่มเบียร์ดำจะช่วยบำรุงน้ำนมด้วยค่ะ อารมณ์ประมาณหญิงไทยกินแกงเลียงกันเลยทีเดียว...ความรู้ใหม่เอี่ยมของข้าพเจ้าอีกเช่นกันค่ะ


ข้าพเจ้าก็เลยไปค้นหาข้อมูลมาเพิ่ม (ค่ะ..ป้าจขบ.นี้มันบ้า..คงไม่ใช่เพิ่งรู้ใช่มั้ยคะ?) ก็เลยได้รู้ว่า โอ้ว มันมีประโยชน์เกี่ยวกับเลือดไม่ให้เป็นลิ่มและเรื่องของหัวใจตีบด้วยนะคะ


จาก ลิงก์นี้ ซึ่งบอกไว้ว่า

คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยวิสคอนซินแห่งสหรัฐฯ กล่าวยอมรับว่าเบียร์กินเนสส์ อาจจะดีจริง สมตามคำโฆษณาอวดอ้างไว้แต่ดั้งเดิม

คณะผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัย กล่าวในการให้สัมภาษณ์ที่อเมริกาว่า หากดื่มเบียร์ดำวันละ 473 ซีซี อาจจะมีสรรพคุณในการป้องกันเส้นเลือดหัวใจอุดตัน เท่าๆกับที่กินยาแอสไพริน ในปริมาณต่ำ โดยที่การกินเบียร์อย่างอ่อนธรรมดา ไม่มีสรรพคุณในเรื่องนี้แต่อย่างใด

บริษัทเบียร์กินเนสส์ เคยโดนถูกห้ามการโฆษณาอวดอ้างนี้ มาก่อนตั้งหลายสิบปีมาแล้ว แม้จนปัจจุบัน บริษัทก็ไม่เคยอวดอ้างสรรพคุณ ในด้านบำรุงร่างกายอีก

ทีมของมหาวิทยาลัยได้เล่าว่า ได้ทดสอบคุณสมบัติในด้านบำรุงสุขภาพ ของเบียร์ดำ เปรียบเทียบกับเบียร์อย่างอ่อนกับสุนัขที่เป็นโรคหลอดเลือดตีบแบบเดียวกับที่เป็นโรคหัวใจ ก็ได้พบว่าเส้นเลือดน้องหมาตัวที่ได้กินเบียร์เสต้าห์ ตีบน้อยลง โดยตัวที่กินเบียร์ธรรมดา อาการไม่ดีขึ้น

อาการเส้นเลือดตีบ เป็นอาการที่อาจก่อให้หัวใจวายได้ เนื่องจากมันทำให้เส้นเลือดแข็ง

คณะนักวิจัยยังได้รายงานต่อที่ประชุมแพทย์สมาคมโรคหัวใจอเมริกัน การดื่มเบียร์ดำ ที่จะให้ประโยชน์มากที่สุด คือการดื่มมากสัก 473 ซีซี ระหว่างรับประทานอาหาร



และเพิ่มเติมจาก ลิงก์นี้


ถ้าถามคน Irish ก็็ต้องตอบว่าจริง ดีแท้แน่นอน เพราะเขาเพิ่งฉลองครบรอบ 250 ปีไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาให้กับ Arthur Guinness ผู้ก่อตั้งโรงงานต้มเบียร์ดำ

และถ้าอ้างผลการศึกษาของบุคคลท่านนี้คือProfessor John Folts ( University of Wisconsin School of Medicine and Public Health division of cardiovascular medicine)ก็น่าจะจริง และเป็นที่เชื่อถือได้นะ
โดยได้ทดลองกับ สุนัข 8 ตัวให้ิกินเบียร์ดำ(stout) และกินเบียร์ธรรมดา(lager) ผลคือสุนัขที่กินเบียร์ดำมีเลือดไม่ข้นเป็นลิ่ม(thin blood) จะแปลว่าเลือดบางก็ใช่ที่ เลยลองไปทดลองกับคน ผลที่ได้ก็เหมือนกัน เพราะในเบียร์ดำมีFlavonoids มาก ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถหยุดปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดจากการรวมตัวของอ๊อกซิเจน(oxidation) กับ cholesterolได้ ตามที่รู้กัน

ยังมีการศึกษาเปรียบเทียบต่อไปว่า เบียร์ดำ กับ ไวน์แดงป้องกันเลือดจับตัวป็นลิ่ม(clotting) ได้ดีกว่า ไวน์ขาว เบียร์ เหล้า แต่การที่จะดื่มอะไรต้องยึดหลักพอประมาณเท่านั้น สายกลางๆ ถ้ามากไปอาจอ้วนได้ง่ายๆ เพราะใน 1 pint( 1 ขวด 1 แก้ว หรือ 1 กระป๋อง) มีแคลอรี่ถึง 198 เชียวนะ

ผลิตภัณฑ์มีให้เลือก 3 แบบ และปริมาณ alcohol บรรจุ
Draught Guinness 4.2%
Extra Stout 4.2%
Foreign Extra Stout 7.5%

แต่ถ้าจะแจงให้ละเอียดอีก Guinness Draught Beer 1 pint ประกอบด้วย196 calories , 49 mg sodium ,18 g carbohydrate และ 1.6 g protein

ดูจากข้อมูลก็น่าจะคำนาณได้ว่าควรดื่มยังไงถึงเรียกว่าพอดีเนอะ ลืมบอกไปว่า Prof.John ก็เพิ่ม flavonoids ให้กับตัวเองด้วย น้ำองุ่นแดงเฉยๆ หรือไม่ก็ ไวน์แดง 1-2 แก้ว แต่เขาบอกว่า Guinness 1 ขวดเยอะไปสำหรับเขา ดูเอาเถอะ จะสรุปซะหน่อยคนทำวิจัยยังไม่ดื่มเลย

*ปริมาตร 1 pint ในอังกฤษ ยุโรป USA ไม่เท่ากัน



อิชั้นก็เลยต้องลองสั่งมาดื่มค่ะ (แต่จิบไปนิดเดียวพอให้รู้รสชาติมารีวิวได้ค่ะ เพราะตัวเองต้องขับรถกลับง่ะนะ Smiley ) ขอบอกว่าเข้มที่สุดในบรรดาสามตัวที่ได้ชิมเลยหละค่ะ กลิ่นชัด รสชัด ขมสุดและแรงใช้ได้เลยหละค่ะ

ภาพนี้พยายามถ่ายให้เห็นฟองเบียร์ที่มันตกลงมา...แต่..ไม่สามารถค่ะ ใครอยากเห็นก็ลองไปสั่งดื่มเองละกันนะ ฮา














ลำดับต่อไปกับของหวานค่ะ (ที่จริงของคาวมีอยู่อีกหนึ่ง แต่จากรสชาติแล้วคิดว่ากินแบบฝาหรั่งให้หมดสิ้นก่อนน่าจะดีกว่าน่ะนะคะ แหะๆ) นั่นก็คือ Irish Bread Pudding (135 บาท) นั่นเอง

พุดดิ้งโฮมเมดสไตล์ไอริช เข้มข้นด้วยไข่ไก่ นม ขนมปังชิ้นเล็กและลูกเกด โรยด้วยผงชินนาม่อนทานคู่กับซอสคัสตาร์ดอร่อยลงตัว
















สำหรับผลของการกินนะคะ ตัวเนื้อนุ่มหยุ่น อารมณ์ประมาณหม้อแกงผสมขนมปังผสมไข่ตุ๋นน่ะค่ะ แต่เนื่องด้วยกลิ่นซินนาม่อนมันเด้งออกมามาก เลยไม่ค่อยโปรดเท่าไหร่สำหรับเราค่ะ (เราไม่ชอบกลิ่นซินนาม่อนง่าา) แต่คุณเปิ้ลบอกว่า ส่วนใหญ่สาวๆ จะชอบกันค่ะ (หรือเพราะเราไม่สาวแล้ว?? ตึ่งโป๊ะ )





แถมท้ายด้วยสูตรการทำเมนูนี้ที่ได้รับมาจากคุณเปิ้ลนะคะ แฮ่..



ไอริช เบรด พุดดิ้ง “IRISH BREAD PUDDING”

ส่วนผสม

ไข่ไก่ – EGG 2 ฟอง
นมสด – 1ถ้วยครึ่ง (ถ้วยตวง)
เหล้า daileys (เหล้าไอริช) -1 ช้อนชา
ขนมปัง (ปอนด์) – 2 แผ่น
ผงชินม่อน 1/2ช้อนชา
เนยสด 1 ช้อนชา
กลิ่นวนิลา ½ ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง (1ช้อนโต๊ะ)

วิธีการทำ – นำไข่ไก่มาตีกับนมสด เนย และ น้ำตาลทรายแดงให้เข้ากัน เป็นเนื้อเดียวกันจากนั้นหยดเหล้าลงไป เติมกลิ่นวานิลา เล็กน้อย พักไว้ จากนั้นเตรียมภาชนะเป็นถ้วยขนาดย่อม หั่นขนมปังใส่ลงไปในถ้วย (1แผ่น) พร้อมเทส่วนผสมที่ตีไว้ลงไป เข้าเตาอบใช้ไฟ(170-175 ฟาเรนไฮต์) โรยหน้าเพิ่มความหอมด้วยผงชินนาม่อน

ครีมราด
ผงวนิลา 1/2ช้อนชา
นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม
น้ำตาล
(ตีให้เข้ากัน) อุ่นจนร้อน นำมาราด เพิ่มความอร่อย














และปิดท้ายกันด้วยอาหารสไตล์ไทยบ้าง (จากเมนูจะเห็นว่ามีเมนูแบบไทยๆ กึ่งฟิวชั่นด้วยนิดหน่อยนะคะ) กับแซลม่อนแซ่บ (215 บาท)

แซลม่อนแซ่บ เมนูฟิวชั่นรสจัดจ้านถูกใจ ด้วยสโมคแซลม่อนอย่างดีราดด้วยน้ำยำรสจัด รองด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย เพิ่มคุณค่า














สำหรับรสชาตินะคะ แซลมอนสดในระดับหนึ่งค่ะ แต่ไม่ถึงกับว้าวง่ะ แต่รสชาติจัดจ้านดีมากๆ แก้เลี่ยนได้ดีเลยค่ะ ใครชอบกินกับแกล้มแบบรสจัดๆ แกล้มเบียร์น่าจะชอบตัวนี้นะคะ














จากนั้นก่อนกลับเราก็ไปเก็บภาพส่วนอื่นๆ ของทางร้านค่ะ รูปซ้ายนี่คือเชฟขวัญ ไชยกรค่ะ ซึ่งเรียนเรื่องการทำอาหารมาจากกระทรวงแรงงานและสวนดุสิต ซึ่งผ่านงานการทำอาหารมาตั้งแต่ อมารีวอเตอร์เกท เดอะโดม สเตททาวเวอร์ เซนทาราแกรนด์ มีทแอนสวีท (เปลี่ยนเป็นร้านอื่นไปแล้ว) เรือซีทีไอ ก่อนจะมาทำที่นี่ก็ทำที่สวิสลอร์ดคอนแวนต์มาก่อนค่ะ ส่วนรูปทางขวานี้คือนักประพันธ์ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้านนะคะ รูปจะอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์บาร์ค่ะ














เก็บภาพแถวเคาน์เตอร์บาร์มาค่ะ จะเห็นว่ามีหัวจ่ายเบียร์แยกเป็นยี่ห้อๆ ไปเลยอ้ะ














เก็บภาพหนุ่มๆ แถวเคาน์เตอร์บาร์มาฝากค่ะ ส่วนรูปขวาบนนี่เป็นบัตรจอดรถนะคะ ต้องเอามาสแกนที่บาร์นี่แหละค่ะ จอดได้สามชั่วโมงนะคะ เกินก็ชั่วโมงละห้าสิบบาทนะฮับ














เอาหละค่ะ มาสรุปกันสำหรับการรับประทานอาหารมื้อนี้นะคะ

สำหรับการกิน เราถือว่าค่อนข้างเซอร์ไพรซ์ในเรื่องของรสชาติอาหารหละค่ะ เพราะเป็นอาหารชาติตะวันตกที่รสชาติค่อนข้างเข้มข้นมากๆ หลายเมนูนี่เครื่องเทศไม่แพ้อาหารทางฝั่งเอเชียเลยนะคะ เรียกว่าเป็นอาหารฝั่งตะวันตกที่ค่อนข้างมีรสมีชาติและไม่เลี่ยน (หรือถ้าเลี่ยน กินเบียร์แกล้มไปก็แก้เลี่ยนและเข้ากั๊นเข้ากันค่ะ) เรียกว่าเป็นการรู้จักกับอาหารไอริชที่ค่อนข้างน่าประทับใจเลยทีเดียวหละค่ะ ซึ่งไปรอบนั้นเรายังไม่ได้ลองซิกเนเจอร์อีกสองตัวคือ นิวซีแลนด์แลมพ์ช็อปกับเซ็ตอาหารเช้า ซึ่งก็คิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปลองชิมอีกครั้งหละค่ะ


แล้วก็ที่นี่ปกติมีวงดนตรีฟิลิปปินส์เล่นด้วยนะคะ แต่ตอนนี้กำลังอยู่ช่วงเปลี่ยนล่ะค่ะ เลยไม่มีเล่น ส่วนสาขาอื่นก็มีที่สีลมทุกวันศุกร์ตอนสามทุ่มกับวงบางกอกบีทเทิลส์ค่ะ ส่วนสาขาที่อิมแพ็คจะมีเฉพาะช่วงเทศกาลแล้วก็ที่เอเชียทีคก็มีเฉพาะศุกร์กับเสาร์เหมือนที่สาขาทองหล่อนะคะ



การให้คะแนน (ความคิดเห็นส่วนตัวสุดๆ นะคะ)


รสชาติ
Beef and Guinness Pie B++ / Caesar Salad with Shrimps B++ / Irish Leek Soup B+ /
Banger and Mash (sausage B++) B+ / Fish and Chips B+ / เบียร์ Kilkenny B+ / เบียร์ Magner's B+ / Guinness B+
วัตถุดิบ B+
การบริการ B+
บรรยากาศ B+
ราคา B+
ความสะอาด B+
ความคุ้มค่า B+











ปฏิทินธรรม








วันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2558

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)

เวลา 06.30-10.30 น.




วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม 2558 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447

ป.ล. สำหรับช่วงปีใหม่ พระเถระจะรับนิมนต์มาในวันที่ 1 มกราคมแทนนะคะ ส่วนเดือนอื่นๆ จะเป็นวันอาทิตย์แรกตามปกติค่ะ



วันอังคารที่ 6 มกราคม 2558 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)


1. ฟังพระธรรมเทศนา โดยพระครูสถิตศีลวัฒน์ (พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม) วัดบุปผารามวรวิหาร กรุงเทพฯ เวลา 12.00-13.00 น.
ณ ห้องประชุมชั้น 5 ตึกอำนวยการ องค์การเภสัชกรรม (ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี)



วันพุธและพฤหัสที่ 7-8 มกราคม 2558 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)


1. กราบนมัสการและทอดผ้าป่าสามีคคี ถวายหลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม ณ บริษัท COTTO ดอนเมือง



วันเสาร์ที่ 10 มกราคม 2558

1. ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี
เวลา 6.30-10.00 น.
ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ถ.รามอินทรา กม.10 เขตคันนายาว กทม.

https://www.facebook.com/websitebaanruenthai/posts/1517564818497523



วันวันเสาร์ที่ 10 มกราคม และอาทิตย์ที่ 11 มกราคม 2558

1. งานหล่อพระรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พุทธมหาเจดีย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (ภูผาแดง) และพิพิธภัณฑ์หลวงตาพระมหาบัวญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด
งานจัดที่สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3



วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม 2558 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของเดือน)


1. ทำบุญกับพระกรรมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊คศาลาลุงชิน
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts


2. ตักบาตรพ่อแม่ครูอาจารย์พระกัมมัฏฐาน
ณ ห้องประชุมชั้น 22 อาคารศูนย์การแพทย์ (ตึกใหม่) โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
เวลา 7.00 น.



วันอาทิตย์ที่ 11 และวันอังคารที่ 13 มกราคม 2558

1. เชิญญาติธรรมใส่บาตรและถวายภัตตาหารเช้าแด่คณะสงฆ์จากจังหวัดเลย 30 รูป ที่มากราบมุฑิตาจิตพระคุณเจ้าหลวงปู่คำพอง ขันติโก และงานมุฑิตาจิตพระคุณเจ้าหลวงปู่คำพอง ขันติโก

ณ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10202972395742787&set=o.335629013147408&type=1&theater





วันพุธที่ 21 มกราคม 2558

1. ฟังการแสดงธรรม โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม แห่งวัดนายโรง และศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ เขาดินหนองแสง จันทบุรี รูปท่านเป็นพระวิปัสสนาจารย์-นักพัฒนา จบการศึกษาพระอภิธรรม จากอภิธรรมโชติกวิทยาลัย ม.จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ทำงานเผยแผ่ธรรม ทั้งภาคปริยัติและปฏิบัติ อาทิ อภิธรรมโชติกวิทยาลัย ม.จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย เป็นต้น

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

ณ หอประชุมพุทธคยา อมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22

รายละเอียดเพิ่มเติม
เฟซบุ๊ค ชมรมคนรู้ใจ/เรือนธรรม




วันศุกร์ที่ 23 มกราคม 2558

1. เรือนธรรม (พิเศษ): พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
เวลา 18:30 - 21:00

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือรู้จักกันดีในนามปากกา ว.วชิรเมธี พระนักวิชาการ นักคิดนักเขียน และนักบรรยายธรรม รูปท่านบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2530 ณ พัทธสีมาวัดครึ่งใต้ ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยมีพระครูโสภณจริยกิจ เจ้าคณะอำเภอเชียงของ เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมา ได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ณ พัทธสีมาวัดครึ่งใต้ โดยมี พระเทพสิทธินายก (ชื่น ปญฺญาธโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันพระมหาวุฒิชัยจำพรรษาอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร





วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2558

1. ตักบาตรพระกรรมฐาน (นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น) ที่วัดบรมนิวาส (ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นค่ะ)

(กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน)


2. ฟังการแสดงธรรม โดย พระครูเกษมวรกิจ (หลวงพ่อวิชัย เขมิโย) แสดงธรรมและนำปฏิบัติกรรมฐาน ที่บ้านจิตสบาย

ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 15.30 น.
ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2


เว็บไซต์บ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/





วันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2558 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม เมตตารับบาตร โดย


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net
















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+2108700=3578396/11207/925





Create Date : 19 มกราคม 2558
Last Update : 19 มกราคม 2558 0:05:47 น. 26 comments
Counter : 6231 Pageviews.

 
โหวต food blog ให้กับรีวิวคุณภาพแน่นปึ๊กชิ้นนี้ครับคุณเต้ย

ร้านอาหารไอริชก็ไม่เคยทานเหมือนกันครับ
แต่เค้าทำออกมาได้น่าทานมากๆในหลายเมนูเลย

ถ้าผมไปก็คงไม่ผิดผีแน่ๆ
เพราะไม่ทานเบียร์ครับ 5555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:6:07:16 น.  

 
เคยเห็นร้านนี้ที่เอเชียทีคค่า ว่าจะลองหลายรอบแล้ว ยังไม่ได้ลองเลย


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:8:25:37 น.  

 
พี่ไม่ดื่มเหมือนกันค่ะคุณเต้ย
แต่เรื่องอาหารสู้ตายค่ะ
เห็นแล้วหิวเลย ไปกินข้าวไข่เจียวก่อนนะ ^__^


โดย: เนินน้ำ วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:9:52:05 น.  

 

Like ให้ระดับน้องเต้ยให้บีบวกก็โอเน๊าะ
ไว้ตามรอยไปมั่งว่างๆ อิอิอิ


โดย: อุ้มสี วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:12:53:02 น.  

 
มาคุยต่อ เรื่องเมนูกะการใช้ห้องน้ำนี่เข้าใจได้ แต่ที่ผมรู้สึกคือ ป้ายภาษาไทยกับคนขายที่พยายามพูดภาษาไทยกับนักท่องเที่ยว นี่ล่ะที่ผมว่าทำให้มนต์เสน่ห่ของญี่ปุ่นในความรู้สึกของผมถูกลดทอนลงไป


โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:22:11:42 น.  

 
ไส้กรอกหมูสไตล์ไอริชดูเนื้อ ๆ น่าทานมากครับ แต่จริง ๆ สนใจเบียร์มากกว่าอาหารครับ


โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:22:14:02 น.  

 
น่ากินทั้งอาหารทั้งเบียร์เลยครับพี่เต้ย อิอิ รีบกดโหวตให้ทันทีเลย


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:22:24:10 น.  

 
สโลแกนร้าน พี่ก็ชอบนะ เก๋ดีเนอะ

พุดดิ้งน่ากิน


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 มกราคม 2558 เวลา:6:45:44 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2558 เวลา:9:48:20 น.  

 
ดูมาทั้งหมดคงจะถูกใจคอเบียร์มากนะคะ
อาหารแต่ละจานเห็นแล้วปะป้าว่าจุกมากกว่าอิ่มค่ะ อิอิ
น่าสนใจมากที่สุดของปะป้าก็จานสุดท้าย
เซลมอนนั่นเอ๊งงง...น่าทานมากเลยค่ะ

ชมเสร็จ โหวตไลค์เสร็จก็บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 มกราคม 2558 เวลา:15:36:11 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:6:12:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณเต้ย

มาชมอีกรอบ กระตุ้นต่อมอยาก 5555



โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:11:31:39 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตนะครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:13:05:44 น.  

 
ขอเปลี่ยนเป็น cottage pie ได้ป่าวคราบ อิอิ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:13:43:19 น.  

 
ขอบคุณครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:13:50:18 น.  

 
หนึ่งชอบไอริชผับนะคะ เพราะบรรยากาสมันดูสนุก
แต่หนึ่งไม่ดื่มเบียร์ค่ะ ถ้าไวน์พอไหว อิอิ
ซีซาร์สลัดหนึ่งชอบกินมากกก แต่ข้อแม้คือ ผักที่ใช้ต้องเป็นโรเมน ถ้าเป็นผักอื่นๆหนึ่งไม่ค่อยกินเท่าไหร่ เมนู่ซิกเนเจอร์เค้าน่าสนใจนะคะ ราคาแรงแต่ถ้าอร่อยที่สุดในโลกก็น่าลองจ่จริง สัตว์กินเนื้อแบบหนึ่งอยากลองค่ะ

เอาเรื่องแยมส้มมาฝากนะค้า ตามนี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/popchocolatier/photos/a.267516183407685.1073741829.267482563411047/382739701885332/?type=1&fref=nf&pnref=story


โดย: AdrenalineRush วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:14:33:55 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสาวไกด์ฯร้านนี้ถ้าไม่บอกว่าอยู่เมืองไทย
นึกว่าร้านใน ตปท.เลยนะค่ะ
อาหารฝรั่งเราชอบซุป+ขนมปังและสลัดมากๆคร้า

พร้อมขอมาขอบคุณด้วยนะค่ะที่ช่วยให้กำลังใจ
และยินดีกับบล๊อกของเราในการได้รับรางวัลปีนี้ด้วยค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:15:03:52 น.  

 
บอยไม่ดื่มมมมฮ่ะ (อุ่ย.. นานไป)
ชอบสโลแกนร้านจริงๆ ที่นี่ไม่คนแปลกหน้า ฯ จริงๆเนอะเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้เลยค่า

ซีซาร์สลัด ชีสตู้มมาก
แต่เมนู Beef and Guinness Pie โห เห็นแล้วแทบละลายตุ๋น 4 ชั่วโมง น่ากินมาก

ขอบคุณพี่เต้ยสำหรับคะแนนโหวตที่ผ่านมาด้วยค่ะ น่าจะเป็นเจ้าแรกๆที่โหวตให้ด้วยเนอะ ^^

พรุ่งนี้มาอีกรอบค่า


โดย: กาบริเอล (ลืมเข้า log-in) IP: 171.99.2.67 วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:15:24:55 น.  

 
รีวิวเสร็จแล้วค่ะพี่เต้ย เปิดมาเห็นทู้นี้แทบตายคาคอมพ์ หิวเลย น่ากินไปหมดเบยยยค่ะ


โดย: touch the sky วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:15:25:19 น.  

 
น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะพี่เต้ย มาตอนหิวพอดี


โดย: sawkitty วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:16:33:47 น.  

 
พี่ฮาเต้ยวุ้ย

วังพญาไท พี่ไปสองรอบ ยังไม่ได้เข้าชมวังจริงๆ จังๆ เลย คงต้องมีรอบสามแหง วันนั้นเสียดาย ฟ้าไม่สวยด้วย

พี่อ่านดู เค้าบอกว่า เจ้าหน้าที่ ที่นำชม + บรรยาย อยู่ในชมรมคนรักวังฯ เอ ตกลงว่าข้างในถ่ายภาพได้มั้ย ทำไมบางคนถ่ายมา บางคนบอกว่าห้ามถ่ายฮึเต้ย

ตุ๊กตา ตัวใหญ่มาก เจ้าของใจดีนะ เห็นพี่กับเพื่อนอยากถ่าย เค้าช่วยจัดหน้าทำผม จัดท่าทางให้อย่างดีเลย เค้าชวนพี่ไปถ่ายรูปที่ CTW ด้วย บอกว่ามีงานมีตติ้้งพวกที่เล่นโมเดลแบบนี้ล่ะ เฉพาะกิจ รับรองเยอะกว่านี้ สวยๆ ทั้งนั้น ฟังแล้วอยากไปก็อยากไปนะ มารู้เอาตอนนั้นวันนั้นสิ พี่กับเพื่อนไม่ว่าง อดเลย

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

....ขอบคุณเต้ยจ้ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:20:03:06 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาตามชมรีวิวร้านอาหารไอริชครับ ยังว่าทำไมชื่อคุ้น ๆ มากเลย มาเห็นในตอนท้ายว่ามีสาขาที่สีลมด้วย สาขาที่สีลมผมผ่านบ่อยครับ แต่ผมไม่เคยเข้าไปกินอาหารไอริชเลยสักครั้ง

บาร์(ร้านอาหาร)ไอริชจะขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศการเชียร์กีฬาครับ เป็นที่รวมตัวของคอกีฬาเลยครับ เวลาที่มีการแข่งขันฟุตบอลหรือรักบี้ เขาว่าถ้ามีการชมการแข่งขันกีฬาบรรยากาศในร้านจะเสียงดังเฮฮามากครับ

เห็นอาหารในบล็อกนี้ก็ยังไม่เท่าไหร่ เพราะว่าผมไม่เคยกินอาหารสไตล์นี้ แต่พอเห็นภาพเบียร์แล้วรู้สึกขมคออยากกินขึ้นมาทันทีเลยครับ ผมเคยดื่มเบียร์ดำกินเนสต์แล้วชอบมาก ๆ เลยครับ แถมยังมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับเบียร์เพิ่มเติมให้อีกด้วย สุดยอดมากเลยครับ ผมชอบครับ

ว่าแล้วก็โหวตให้แก่บล็อกนี้ครับ

+++++

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

+++++

อิอิ



โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:20:05:34 น.  

 
แวะมาทักทายยามดึกอีกรอบครับพี่เต้ย


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:22:41:18 น.  

 
วันนี้ยาวกว่าทุกทีนะครับ เนื้อหาแน่ด้วย เบียร์ กินเนสสมัยก่อนตามซุปเปอร์ในห้างยังพอหาซื้อได้ เดี๋ยวนี้หาไม่ค่อยได้เลย เบียร์ดำด้วยมั้ง เฉพาะทางเกิน

ดูจากรายการเบียร์ ไฮ กับสิงห์ราคาแทบไม่ต่างเลย แล้วใครจะสั่งสิงห์ล่ะเนี่ยะ (ฮา)

อาหารหลายๆ อย่างร้อนรสหนึ่งเย็นรสหนึ่ง จะว่าไปของไทยเราอย่างต้มยำก็เป็นนะ พอเย็นแล้วจะเค็ม

ขอบคุณที่แวะมาร่วมยินดีครับ ผมแปลกใจนิดหน่อยที่บ้านนี้ไม่ได้ แต่จะว่าไปสายสะพายคงไม่สำคัญมากไปกว่ามีคนอยากติดตามผลงานของเราหรอก ผมคิดแบบนั้นนะ

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:0:29:56 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:5:56:10 น.  

 
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog

ฮือๆๆ มาไม่ทันจริงๆ
ย้อนมาเพื่อหิวก่อนนะฮาฟ


โดย: กาบริเอล วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:9:38:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.