###### รีวิวหนัง A Monster Calls เราจะผ่านความเจ็บปวดไปด้วยกัน ######
สวัสดีค่ะ
เอนทรี่ล่าสุด
เอนทรี่นี้จะเป็นการรีวิวหนังที่ได้ไปดูในรอบสื่อมวลชนมาเมื่อค่ำวันพุธที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมานะคะ
Director
J.A. Bayona
Writing
Patrick Ness (screenplay)
Patrick Ness (based upon the novel written by)
Siobhan Dowd (from an original idea by)
นำแสดงโดย
Lewis MacDougall เป็น Conor
Sigourney Weaver เป็น ยาย
Felicity Jones เป็น แม่
Toby Kebbell เป็น พ่อ
เนื้อเรื่อง
คอร์เนอร์อาศัยอยู่กับแม่สองคน แม่ซึ่งป่วยเป็นมะเร็ง ขณะที่เมื่อเขาไปร.ร.ก็ถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้น แต่ทุกเวลา 24.07 น.ของทุกวัน เขาจะได้พบกับมอนสเตอร์ ที่บอกเขาว่าจะเล่านิทานให้ฟังสามเรื่อง และเรื่องที่สี่ คอร์เนอร์ต้องเป็นคนเล่า และเล่าความจริง
วันหนึ่งยายมาหาแม่พร้อมกับพูดเรื่องการที่เขาไม่อาจจะอยู่กับแม่ได้อีกต่อไป แม่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการใหม่และคอร์เนอร์ต้องไปอยู่กับยาย เขาได้พบพ่อ และแม้ว่าจะได้ใช้เวลาร่วมกัน ทว่า..พ่อก็ไม่สามารถนำเขาไปอยู่ด้วยได้
ณ วันหนึ่ง คอร์เนอร์ก็ได้ฟังเรื่องที่สาม และเขาต้องเป็นฝ่ายบอกความจริง เรื่องเล่าของความฝันและสิ่งที่เขาคิดอยู่อย่างแท้จริง
ความรู้สึกที่ได้ดู (สปอยล์นะคะ)
มันเศร้ามากนะคะ แต่เป็นความเศร้าที่ไม่จมดิ่งสำหรับเรานะ
หนังเรื่องนี้สร้างมาจากหนังสือชื่อเดียวกัน (ที่เราได้มาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านค่ะ อ่านแล้วจะรีวิวในลำดับต่อไปนะคะ)
ถ้าเอาแค่เนื้อเรื่องก่อน...มันเป็นเรื่องที่ทรมานจริงๆ นะคะ สำหรับคนที่ต้องอยู่กับคนที่ตัวเองรัก และกำลังจะตายไปอย่างช้าๆ ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้จากไป แต่อีกใจก็อยากให้มันสิ้นสุดลงสักที (ซึ่งตรงนี้สำหรับเรา ในหนังไม่ได้สื่อให้เห็นว่าคอร์เนอร์ต้องทุกข์ทรมาน (ในทางกายภาพ) อะไรกับการอยู่กับแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งนะคะ (ไม่ได้ต้องดูแลอะไรมาก ไม่ได้ต้องทนรับมือกับสภาพอารมณ์ที่แปรปรวนของคนป่วยหนัก ฯลฯ) ซึ่งความทุกข์ใจที่ทำให้คอร์เนอร์อยากให้มัน "จบลงสักที" น่าจะเป็นความรู้สึกที่ว่า...รู้อยู่ว่ามันต้องจบ และอยากให้จบเพื่อความรู้สึกทุกข์ใจที่จะรอวันสุดท้ายที่จะมาถึงจะได้จบลงสักทีมากกว่า)
การดำเนินเรื่อง เป็นเส้นเดียวตลอดทั้งเรื่องนะคะ ค่อนข้างเรียบสำหรับใครที่ไม่ใช่สายดราม่า แต่สำหรับสายดราม่าน่าจะดูได้หละค่ะ เพราะมันจะมีบรรยากาศแห่งความอึมครึม หดหู่อยู่ตลอดทั้งเรื่อง (แม้กระทั่งฉากที่คอร์เนอร์ไปเที่ยวกับพ่อ สำหรับเรายังไม่สดใสพอเลยอ้ะ มันหม่นมัวคลุมๆ อยู่ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ) ไม่ได้มีลูกเล่นใดๆ สำหรับการดำเนินเรื่องให้น่าติดตามค่ะ
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีช็อตหรือซีนที่สร้างความแปลกใจและช็อคคนดูอยู่นะคะ (สปอยล์ - กับฉากที่คอร์เนอร์คุยกับมอนสเตอร์ถึงนิทานเรื่องที่สอง แล้วก็ทำลายบ้านของบาทหลวง แล้วฉากก็ตัดกลับมาที่ห้องนั่งเล่นของยายนี่...เราเองแบบ...หืออออออออเหยยยยยยยย เลยอ้ะหรืออย่างฉากตอนจบเรื่องนั่นก็...หูยยยยยยยย ) ซึ่งคิดว่าหลายๆ คนก็น่าจะคาดเดาไม่ได้ในทั้งสองฉากหละค่ะ (ยกเว้นคนที่อ่านหนังสือมาแล้วน่ะนะ)
และส่วนที่ควรชมอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแคสติ้งและการแสดงค่ะ แสดงได้ดีหมดเลย โดยเฉพาะ Lewis MacDougall ที่แสดงเป็นคอร์เนอร์นี่แบบ..แสดงได้แบบเวลาคับแค้นใจก็คับแค้นใจมาก อารมณ์ชัดมากค่ะ ช็อตที่เราชอบที่สุดสองช็อตคือ ช็อตตอนที่มารู้ตัวในห้องนั่งเล่น แล้วยายเข้ามา มันกึ่งเสียใจกึ่งกลัวแบบ..แววตา ริมฝีปาก เสียง...มันสื่อได้ชัดจริงๆ ค่ะ รวมทั้งช็อตตอนที่บอกความจริงด้วย มันแบบ...ฉันอยากให้มันจบจริงๆ มันพลุ่งพล่านมากๆ เหมือนระเบิดที่ถูกกดไว้นานแล้วระเบิดตูมจริงๆ ค่ะ
อีกคนที่ต้องชมคือ Sigourney Weaver ค่ะ ชอบช็อตในห้องนั่งเล่นมาก มันมีทั้งความรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง และจบลงด้วยความโกรธ (แต่เก่งจังที่ไม่โดดถีบ เอ๊ย ตี คอร์เนอร์อ้ะ แต่กฎหมายบ้านเค้าก็โหดน่ะนะ หากทำร้ายเด็ก) เป็นอีกคนที่แสดงดีค่ะ
สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือการสื่อด้วยภาพสีน้ำของเรื่องนี้ค่ะ มันสวยและงามมากเลย และชวนให้ใช้จินตนาการต่อมากๆ ซึ่งตอนเล่านิทานเรื่องแรกแล้วมอนสเตอร์ให้คอร์เนอร์หัดใช้จินตนาการนี่...มันสอดคล้องกับการสื่อด้วยการใช้ภาพเป็นภาพวาดได้ดีเลยนะคะ
สำหรับนิทานทั้งสามเรื่อง เรื่องแรก..บอกยังไงดี เรารู้ตั้งแต่ตอนที่มอนสเตอร์พูดประโยคที่ว่า เจ้าชายบอกว่าแฟนถูกฆ่าแล้วน่ะว่าความจริงคืออะไร แต่ชอบการที่มอนสเตอร์บอกว่า ที่ช่วยเพราะแม่มดไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ฆ่าพระราชา ไม่ได้ฆ่าหญิงสาวชาวนา แต่ถ้าปล่อยไว้ นางก็อาจจะทำเรื่องเลวร้ายได้ (..อดเหรอในใจไม่ได้เหมือนกันนะ คิดอย่างนั้นเพียงเพราะมีสถานะ "แม่มด" ประทับไว้หรือเปล่าฟระ) และการที่เจ้าชายทำเรื่องเลวร้าย แต่เป็นพระราชาที่ดี...ถามว่าทดแทนกันได้หรือเปล่า...บางทีมันก็ยากที่จะตอบนะคะ
ซึ่งสำหรับเรานะคะ มันเป็นการปูพื้นว่า...มันไม่มีอะไรที่เลวสุดหรือดีเลิศหรอกนะ และบางครั้งการคิด/ทำผิด อาจจะส่งผลดีก็ได้ (แต่ตรูก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี สำหรับเราทั้งผลและวิถีต้องถูกต้องค่ะ) มันอาจจะทำให้ความรู้สึกของคอร์เนอร์ที่แม้ลึกๆ ในใจแล้วอยากจะให้มันจบ = อยากให้แม่ตาย ไม่ได้เลวร้ายแบบที่จิตสำนึกทางศีลธรรมจะส่งผลก็ได้น่ะค่ะ
ส่วนเรื่องที่สอง นอกจากการแซมให้เห็นเรื่องไอ้คนดีอาจจะไม่ดีจริง คนเลวอาจจะไม่เลวสุดแล้ว แก่นอีกอย่างของเรื่องนี้คือ ความศรัทธาค่ะ ความเชื่อในบางสิ่ง ที่หากสูญสลายไปแล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีอะไรที่จะช่วย/รักษาได้ สำหรับเราเอง...ทั้งตัวคอร์นเนอร์ที่ลึกๆ อยากให้มันจบ (นั่นเท่ากับว่าจริงๆ เค้า "เชื่อ" ว่ายังไงแม่ก็ตาย และไม่มีทางรักษาหาย...มันจึงไม่มีวันหาย) และตัวแม่ของคอร์เนอร์เอง สำหรับเราเธอก็ไม่ได้มีความหวังและการฮึดสู้ โอเค การดิ้นรนอาจจะมีแต่ความหวังความศรัทธาที่จะหาย...สำหรับเราในหนังไม่ปรากฏช็อตหรือซีนเหล่านั้นเลยนะคะ เรื่องมันถึงได้จบแบบนี้ด้วย
ส่วนนิทานเรื่องที่สาม...ทำไมเนื้อเรื่องของนิทานเรื่องนี้ถึงไม่เป็นที่จดจำสำหรับเราเลยหว่า แต่รู้แต่ว่าตอนท้ายของเรื่องที่สามทำให้คนดูช็อคกับการที่ได้รู้ว่า ทำไมคอร์เนอร์ถึงได้ปล่อยให้เพื่อนทำร้าย การอยากมีตัวตน (มอนสเตอร์ถามก็น่าคิดนะคะ ทำไมเมื่อมีตัวตนแล้วกลับยิ่งโดดเดี่ยว?) และการอยากถูกลงโทษ (เพราะลึกๆ ตัวเองก็รู้สึกผิดที่คิดอยากให้มันจบๆ ไปซักที) มันมีสาเหตุมาจากอะไรที่จะเฉลยในนิทานเรื่องที่สี่นั่นเองหละค่ะ
ซีนจบนี่เป็นอะไรที่...ค่อนข้างช็อคคนดูเลยนะคะ ที่จริงคนดูน่าจะเอ๊ะตั้งแต่ฉากร่ำลาในโรงพยาบาลแล้วแหละ แต่พอมาเฉลยตอนท้ายนี่...เราว่าต้องมีอึ้งกันบ้าง (เพื่อนที่ไปดูด้วยมีบอกว่า มิน่ายายถึงบอกว่าไม่เป็นไร เพราะน่าจะผ่านเด็กเวรที่ทำอะไรอย่างนี้มาแล้วสองครั้ง อารมณ์ประมาณว่าตอนแม่คอร์เนอร์เสียพ่อไป ก็น่าจะมีอะไรแบบนี้บ้างเหมือนกันนะคะ)
สำหรับเรา เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งค่ะ เราเองดูไปก็ร้องไห้หลายช็อต คิดเปรียบเทียบกับตัวเองอยู่เหมือนกัน คิดถึงแม่ด้วย (ถึงแม่จะไม่ได้ป่วยด้วยโรคร้ายก็ตาม) คือ คิดไปว่าถ้าวันหนึ่งที่เราต้องสูญเสียแม่ไป เราจะเหลือใครอีกหละนั่น (คอร์เนอร์ยังดีที่เหลือยายนะคะ) แล้วเราจะยอมรับได้ไหม มันเป็นสิ่งที่...หลายคนก็น่าจะถามตัวเองนะคะ
และแม้หนังเรื่องนี้จะโทนหม่น แต่โดยรวมมันก็ไม่ได้ทำให้คนดูจมดิ่งไปกับความเศร้าและหมดหวัง แต่เป็นการบอกให้ตัวเราเองจัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้ได้ ตัวคอร์นเนอร์เองกำลังอยู่ในสภาวะ "โตเกินกว่าจะเป็นเด็ก และเยาว์เกินกว่าจะเป็นผู้ใหญ่" ซึ่งจะให้ร้องไห้หาที่พึ่งพิงหรือซุกตัวหลบซ่อนจากความเจ็บปวดก็ไม่ได้ จะจัดการความรู้สึกอย่างที่ผู้ใหญ่น่าจะทำได้ก็ยังทำได้ไม่ถึงเนี่ย มันเป็นสภาวะที่หากไม่มีทางออกอย่างใดอย่างหนึ่ง มันเสี่ยงต่อการทำลายอนาคตของคนๆ หนึ่งได้เลยนะคะ (กระทั่งผู้ใหญ่ๆ อย่างเราๆ นี่ก็เถอะ ถึงภาวะต้องสูญเสียจริงๆ จะจัดการความรู้สึกของตัวเองได้อย่างเหมาะสมกันได้สักกี่คนเชียว)
โดยรวมเป็นหนังที่ถ้าไปดูแล้วคิดตาม เราว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนค่ะ หนังค่อนข้างดราม่านะ แต่เป็นดราม่าที่ดีค่ะ เราเองได้หนังสือมาแล้ว เดี๋ยวอ่านจบแล้วจะมารีวิวหนังสือเป็นอีกเอนทรี่หนึ่งนะคะ
แจกหนังสือ A Monster Call 1 เล่ม (อีกเล่มเดี๋ยวไปแจกตอนรีวิวหนังสือเล่มนี้ค่ะ)
กติกา
1. ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ในเอนทรี่นี้ค่ะ
2. ทางเจ้าของบล็อกจะเอารายชื่อคนที่คอมเม้นท์ทุกคน (หนึ่งคนหนึ่งสิทธิ์) ไปสุ่มจับค่ะ
3. หมดเขตการร่วมสนุก เที่ยงคืนของวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 ค่ะ
ปฏิทินธรรม
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2559
1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2559
1. สวดมนต์ถวายพระราชินี จัดสวดตลอดปี 2558 รวม 12 ครั้ง
ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเวลา 16.00น. ทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.572181122825528.1073741826.335629013147408/924827967560840/
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2559
1. ทอดกฐินวัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
2. ทอดกฐินวัดป่าสันติพุทธาราม จ.ราชบุรี
วันอาทิตย์ที่ 13 และ 27 พฤศจิกายน 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย ณ ลานเปรมปรีดิ์ มูลนิธิบ้านอารีย์
เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.net
วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม 2559
1. ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบทุนสร้างพระเจดีย์ 101 ปี ปัณฑิโต พระคุณเจ้า หลวงปู่บุญฤทธิ์
ณ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ หลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต ปากเกร็ด นนทบุรี เวลา 11.00 น.
https://www.facebook.com/422886951105483/photos/a.422887751105403.103630.422886951105483/1171722426221928/?type=3&theater
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 29-30 ตุลาคม 2559
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด
ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.479376905439284.105742.335629013147408/701496553227317/?type=1&theater
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+ 3893610=5363306 /12505/1291
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2559
23 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2559 5:37:16 น.
Counter : 4879 Pageviews.
อ่านเนื้อหาแล้วน่าจะเครียดอยู่นะคะ
แต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน