++++City of God หนังสอนศีลธรรมฉบับนองเลือด++++
ผู้กำกับ Fernando Meirelles Kátia Lund (กำกับร่วม)
เขียนบทโดย Bráulio Mantovani จากนิยายของ Paulo Lins
ได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ลิโด ตอนแรกลังเลระหว่างเรื่องนี้กับ Somersault แล้วก็เลยตัดสินใจด้วยอะไรก็ไม่รู้เข้าไปดูเรื่องนี้
อืมม์...น่ากลัวจริงๆ
ไม่ได้ดูหนังที่ยิงกันอย่างแทบ "ไม่รู้สึกอะไร" มานานแล้ว (หมายถึงคนในหนังอะนะ)
การยิงกันในหนังเรื่องนี้นี่..เหมือนกับแค่..การเดินไปเตะก้นใครซักคนแค่นั้น
การเขียนบทคล้ายๆ กับหนังอย่าง "Snatch" หรือ "Lock, Stock and two Smoking Barrels" (ดูนานมาแล้วนะนั่น ชื่อหนังสะกดถูกเปล่าก็ไม่รู้) ของ "กาย รีชชี่" (ขวัญใจอีกคนหนึ่งนะเนี่ย)
แต่ไม่เท่และหวือหวาเท่าหรอกนะ
ที่คล้ายกันคือ การเขียนเรื่องได้อย่างซับซ้อน สามารถปะติดปะต่อเรื่องกันได้อย่างเนียน มีตัวละครหลายตัวที่มีเรื่องราวที่บอกเล่าได้อย่างน่าสนใจ
ตอนดูแรกๆ แล้วเวลาพระเอกบอกว่า "ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกเล่าเรื่องของเขาตอนนี้" ทำให้นึกถึงหนังสือเรื่อง "จินตนาการไม่รู้จบ" เชียวหละ
ต่างกันตรงที่ว่า เรื่องนี้เขาไม่ได้ทิ้งไว้ให้เราจินตนาการต่อ แต่มาบอกเล่าให้ฟังในภายหลังจริงๆ
แต่พอดูจนจบ
ก็เลยได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า เรื่องนี้นี่ใครเข้าไปแตะกับความเป็นคนเลวเมื่อไหร่ คนนั้นจบลงอย่างไม่สวยทุกคนเลย
ไม่ว่าจะเป็น "เน็ด" (ดูเน็ดในเรื่องนี้แล้ว คิดถึงคำพูดในหนังเรื่อง 8 mm. เลยง่ะ "ปีศาจไม่มีวันเปลี่ยน แต่มันจะเปลี่ยนคุณ" )
หรือ "เบนนี่" ที่ท้ายที่สุดก็ตั้งใจจะเลิกราอาชีพแย่ๆ นี่ซะที (อันเนื่องมาจากพบรัก)
แต่ปีศาจมันไม่ให้โอกาสใครแก้ตัวจริงๆ นะ
ทว่าอย่างพระเอกของเรา "ร็อคเก็ต" (คนแรกของรูปสี่รูปนี้ค่ะ crop เฉพาะรูปเค้าไม่เป็นง่ะ)
แค่เกือบๆ จะแตะต้องความเป็นคนเลว ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็น
ชีวิตจบของเขาจึงดูมีทีท่าจะสวยงามใช้ได้
ฉากตอนเกือบจบที่นองเลือดกันขนาดนั้นเนี่ย
เรารู้สึกถึงฉากในหนังสงครามเรื่องอื่น เป็นฉากในพื้นที่การทำสงครามแล้วศพนอนเกลื่อนเลยง่ะ
"สงครามมีแต่ความสูญเสีย" จริงๆ นะ
ไม่ว่าจะเป็น "สงคราม" เพื่ออะไรก็ตามทีเถอะ
แต่เรื่องนี้ดูแล้วไม่ได้ตึงเครียดขนาดปวดหัวตึ้บๆ หรอกนะ (หนังเรื่องล่าสุดที่ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นได้คือ "Dancer in the Dark")
เพราะหนังเรื่องนี้แทรก "มุข" ให้ขำๆ ได้เป็นระยะ
อย่างตอนที่รูปของ "ซี" ได้ถูกขโมยไปตีพิมพ์ในนสพ.ที่ ร็อคเก็ตทำอยู่เป็นต้น
อืมม์...ดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างหัวข้อเรื่องน่ะแหละค่ะ
มันเป็นหนังสอนศีลธรรมจริงๆ นะ ข้อที่ว่า
"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วน่ะ"
แต่ที่สำคัญ "ดี" ในที่นี้ต้องเป็น "ดี" แบบไร้มลทินด้วยนะ
ต่อให้คุณเป็นคน "ดี" ในหมู่คนเลวแล้ว
แต่คุณมีส่วนในการทำเลวของพวกเขา
คุณก็ไม่รอดจากเงื้อมมือปีศาจไปได้
แล้วภาพของแก็งค์ใหม่..ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า
เมืองนั้นมันน่ากลัวจริงๆ
City of God เป็นชื่อหนังที่ตั้งได้เสียดสีสุดๆ มากๆ (และมันเป็นชื่อเมืองที่คนตั้งตั้งได้แบบ..เอ่อ..อึ้ง)
ถ้าจำไม่ผิด สัปดาห์นี้สัปดาห์สุดท้ายแล้วค่ะที่หนังจะฉาย
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ป.ล. แต่การดูหนังที่ต้นฉบับไม่ใช่ภาษาอังกฤษ สร้างความอึดอัดให้เราได้พอสมควร เพราะการทำ subtitle ไทยนั้น การทำได้ไม่สมบูรณ์มันเป็นปัญหาค่ะ
อย่างเรื่องนี้ บางช่วง subtitle มันหายไปในช่วงที่นักแสดงกำลังพูด
เราก็เลยไม่รู้ความหมายของการไม่มี subtitle ในช่วงนั้น ไม่รู้ว่าหมายถึงหายไปเลย หรือมันขึ้นมาก่อนหน้า หรือตามหลังหรือฯลฯ
ซึ่งเหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดตอนไปดู Be With You เหมือนกัน
ถ้าหนังเป็นภาษาอังกฤษก็ยังพอเข้าใจความหมาย เมื่อ subtitle หายไป
แต่พอเป็นภาษาอื่นนี่ จนด้วยเกล้าค่ะ
ปล.๒ ชอบอมยิ้มอันใหม่ของ bloggang จังค่ะ
น่ารัก..น่ารัก
Create Date : 01 สิงหาคม 2548 |
|
71 comments |
Last Update : 1 สิงหาคม 2548 17:06:53 น. |
Counter : 2601 Pageviews. |
|
|
|
หวัดดีเช้าวันจันทร์ครับ