~ ~★ ~ ~★ ~ ~★ Penelope คำสาปจะร้ายแรงแค่ไหน อยู่ที่ใจเราเชื่อ ~ ~★ ~ ~★ ~ ~★
เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกได้บัตรดูหนังฟรีเรื่อง Penelope ซึ่งฉายที่สยามดิสคัฟเวอรี่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นหนังที่ดูแล้วสนุกดี ก็เลยเอามาคุยกันให้ฟังนะคะ เผื่อใครอยากดูหนังแนวนี้จะได้ไปดูกันค่ะ
ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อนว่า เจ้าของบล็อกเข้าไปในโรงสายหละ ด้วยความที่คิวตรวจกระเป๋ายาวมากกกกกกกก จนทำให้เข้าโรงช้าไปก็ฉายไปสักพักแล้ว (เข้าไปตอนที่กำลังพูดเรื่องคำสาปแล้ว เลยไม่รู้ว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้โดนสาปค่ะ ใครไปดูมาแล้วก็มาคอมเม้นท์บอกเพิ่มให้หน่อยแล้วกันนะคะ แหะๆ)
อ้อๆ แถมยังได้ดูแถวที่ 4 จากหน้าจอ (คราวที่แล้วแถวที่ 3 จากหน้าจอ ควรจะดีใจใช่มั้ยว่าดีขึ้น?) ก็เลยทำให้บางช่วงอ่าน subtitle ไม่ค่อยทันนะคะ อาจมีหลุดๆ ไปบ้างนะคะ
ทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้วก็เชิญอ่านริวิวได้เลยค่ะ
Penelope
ผู้กำกับ
Mark Palansky
ผู้เขียนบท
Leslie Caveny
นักแสดง
Christina Ricci - Penelope
James McAvoy - Johnny / Max
Peter Dinklage - Lemon
Catherine O'Hara - Jessica Wilhern
Reese Witherspoon - Annie
เรื่องย่อ
เพเนโลปี้ - เด็กสาวคนหนึ่งที่เกิดมาด้วยความผิดปกติ เนื่องด้วยการกระทำของทวด (ไล่ถูกมั้ยหนอ) ของฝ่ายพ่อ และด้วยความอับอายของแม่เธอ ทำให้เธอต้องถูกขังอยู่ภายในบ้าน (เนื่องจากแม่เลือกวิธีปกป้องด้วยการทำเหมือนว่าเธอตายไปแล้ว-แต่ในหนังดูขำมากกว่าดูโหดนะคะ) พร้อมๆ กับพยายามหาชายหนุ่มที่ ทัดเทียมกัน มาแต่งงานกับเธอ ด้วยความหวังที่ว่า จะสามารถลบล้างคำสาปนั้นได้
หากแต่...ทำไมหนอ..ชายหนุ่มที่จะยอมรับใบหน้าอันผิดปกติของเธอได้ ถึงได้ยากหนักหนา และเมื่อพบชายหนุ่มที่ไม่วิ่งหนีเธอเหมือนคนอื่นๆ เขาก็กลับปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเธอเสียนี่...แล้วเพเนโลปี้จะหลุดพ้นจากคำสาปไปได้อย่างไรกัน?
ความรู้สึกที่ได้ดู (สปอยล์นิโหน่ย)
ดูเรื่องนี้ด้วยความว่างเปล่าในหัว นั่นคือแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากว่า แสดงโดยรีส วิทเทอร์สปูนและคริสติน่า ริชชี่ค่ะ ดังนั้นก็เลยไม่มีความคาดหวังอะไรมากมายนักด้วย (ซึ่งคิดว่าดีมากค่ะ เพราะทำให้เราดูหนังเรื่องนี้ด้วยความว่างเปล่า ถ้ามีความคาดหวัง อาจจะไม่รู้สึกดีขนาดนี้ก็เป็นได้ )
หนังทำออกมาคล้ายๆ สไตล์เหนือจริงเชิงนิทานเรื่องเล่า (อารมณ์ประมาณอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย แต่ว่าไม่หม่นมืดขนาดนั้น) กระทั่งเว็บไซต์ก็ทำภาพและสีออกมาโทนนั้นเหมือนกันค่ะ
เพราะฉะนั้น การที่หนังทำออกมาแนวนี้ (กึ่งนิทานเหนือจริง) ทำให้คนดูดูด้วยอารมณ์ที่เตรียมสนุก และไม่ได้คาดหวังกับความเหมือนจริงมากนักน่ะนะคะ (หรือเป็นที่ข้าพเจ้าคนเดียวหว่า?) แล้วตลอดเวลาหนังก็มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาแบบ เฮ้ย อยู่บ่อยครั้ง เช่น การเอ่ยปากขอแต่งงานซะดื้อๆ การลงทุนเอาเครื่องดนตรีเต็มวงพร้อมคนเล่นเข้ามาในบ้าน (เอ่อ..บ้านรวยขนาดนั้นเลยนะแม่หนู) การกลับใจแบบฉับพลันของนักข่าว (แต่เหตุผลที่โปะลงมาก็พอรับได้อยู่อะนะ แม้ว่าตอนท้ายจะทำให้สงสัยว่า...เอ่อ..ตกลงกลับใจจริงๆ หรือยังฟระนี่) ฯลฯ
ในส่วนขององค์ประกอบของหนัง ว่ากันเป็นทีละเรื่องเลยนะคะ
การดำเนินเรื่อง กระชับฉับไว จาก ปูพื้น เปิดตัวละครหลัก เจอกัน ต้องแยกกัน นางเอกเกิดความเปลี่ยนแปลง เกิดจุดหักเห คลี่คลาย จบ สั้นกระชับฉับไว ไม่มีเยิ่นเย้อเลยค่ะ จนทำให้บางช่วงอารมณ์อาจจะไม่เต็มอิ่มไปบ้างอะนะคะ
สิ่งที่ชอบมากๆ อีกอย่างในหนังเรื่องนี้ก็คืออารมณ์ขันของเรื่องค่ะ ที่แม้จะไม่ได้ทำให้เราหัวเราะกร๊าก แต่ทำให้เราหัวเราะเบาๆ หรืออมยิ้มกับบางเรื่องบางราวได้ตลอดเวลาของการดูหนัง เป็นหนังที่ดูแล้วอารมณ์ดีค่ะ
แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่แค่หนังที่ทำแล้วดูสนุกอย่างเดียวนะคะ แต่มีอะไรให้ขบคิดด้วย ประเด็นสำคัญเลยก็คือ การรักใครที่ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกนี่แหละค่ะ (นึกถึงหนังเรื่องหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้เลยค่ะ ที่นางเอกอ้วนมากๆ แต่ก็เป็นคนดีมากๆ น่ะค่ะ แล้วพระเอกก็อีท่าไหนไม่ทราบ (จำไม่ได้) ที่ดันไปเห็นความดีในตัวบรรดาคนอ้วนๆ เหล่านี้ ดังนั้นจึงเห็นพวกเธอสวยได้น่ะค่ะ จำชื่อหนังไม่ได้อีกแล้วตรู) แต่จะมีกี่คนกันที่ทำได้ ปากน่ะพูดได้หรอกค่ะ หึๆ
สำหรับนางเอกและพระเอกเอง (นี่คือจุดหนึ่งที่ชอบ) สิ่งที่ทำให้เค้าเริ่มรู้สึกสนอกสนใจกันก็คือ หนังสือ (โอ้..เป็นเรื่องโรแมนติกเรื่องหนึ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในชีวิต มีหนังสือเป็นสื่อที่ทำให้ใครสักคนรักเราเนี่ยยยยย แต่...นะ ชีวิตจริงมันยากเหลือแสนน่ะ) เอาหละ..ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเพเนโลปี้เองก็เข้าใจผิดด้วยว่า เขาคนนี้เป็นคนแรกที่เห็นเธอแล้วไม่วิ่งหนีไป แต่พอได้พูดได้คุยกัน เธอก็รู้สึกสะดุดใจเขา และอยากที่จะเจอเขาอีกน่ะ อืมม์...ชอบที่ให้หนังสือเป็นสื่อที่สำคัญค่ะ เพราะมัน ลึก ดีจริงๆ นะคะ
ส่วนที่ชอบอีกอย่างก็คือ วิธีการแก้คำสาป ที่แท้จริง และจุดเฉลยว่าทำไมถึงไม่แต่งงานกันน่ะ ถือว่า โอเคเลยค่ะ แม้จะไม่ได้เกินความคาดหมายแบบหลังหักนัก แต่ก็เป็นทริกที่ดี ถือว่ารับได้ และเป็นวิธีการที่ดีค่ะ
ที่สำคัญ พระเอกหล่อขาดใจ (หล่อแบบโทรมๆ นี่แหละ) เรียกว่าทำเอาเราเขินทุกครั้งที่ปรากฏตัว (เอ่อ...เป็นเอามาก ทำไมหลังๆ เรากรี๊ดพระเอกของหนังแต่ละเรื่องง้าย..ง่ายจังหว่า 555) ชอบตาสีฟ้าของเขามากๆ ค่ะ มีเสน่ห์บอกไม่ถูกจริงๆ พับเผื่อย แหะๆ
ช่วงที่เขาทำให้เราตกหลุมรักดังโครม (นอกจากตาสีฟ้าที่มาจ้องติดกระจกแล้ว แอร๊ยยยยส์ส์ส์ส์ ) ก็คือตอนที่เค้าเล่นเครื่องดนตรีแต่ละประเภทกับเพลง You Are My Sunshine เพื่อให้นางเอกเดาว่า พ่อเจ้าประคุณรุนช่องเล่นดนตรีอะไรเป็นนี่แหละ ที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเค้าน่ารักอ้ะ แบบ...กวน แต่น่ารัก ขำ กรี๊ดดดด (บอกแล้วเป็นเอามากค่ะ)
ตัวซับฯ ทำออกมาให้คนไทยเก็ทง่ายดีค่ะ (บางช่วงอาจจะประมาณเกือบๆ แนวพากย์ไทยของทีมงานเจ้าหนึ่งที่เน้นฮาเป็นหลักด้วยซ้ำ ) จนบางช่วงเราว่า ออกจะละเลยความหมายสำคัญของบทพูดไปบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรค่ะ (แต่ข้าพเจ้าไม่คุ้นชื่อคนทำซับคนนี้นักนะคะ แต่ก็...นะ เราก็ห่างการดูหนังในโรงไปนานโคตรแล้วเหมือนกัน แหะๆ)
โดยรวมแล้วก็เหมาะสำหรับคนที่อยากหาหนังรักเบาๆ สนุกๆ ดูสบายๆ
แต่ไม่ได้ไร้สาระไปซะทีเดียวน่ะนะคะ
ก็รีวิวให้เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้แล้วกันค่ะ (เอ่อ..แต่จะดีกว่านี้ ถ้าไม่ได้ให้หนูไปนั่งแถวที่ 4 จากด้านหน้านะคะ ปวดคอเลยค่ะ พอดูหนังจบ)
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการแวะมาอ่านค่ะ
192941/3335/258
Create Date : 20 พฤษภาคม 2551 |
|
41 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2551 8:13:34 น. |
Counter : 4085 Pageviews. |
|
|
|
ดี.แวะมาส่งความสุขยามเช้าค่ะ
พูดเรื่องบัตรฟรี
ที่จริงมีโอกาสได้เหมือนกันค่ะ
แต่ว่าสถานที่ไปดูกับสถานที่ที่อยู่ไม่เอื้อกันเลย
ก็เลยต้องปล่อยโอกาส
แต่เอ...
ถ้าไปแล้วได้แถวที่ 4 จากด้านหน้า
ก็ไม่เอาอีกเหมือนกัน
สรุปว่าคงต้องซื้อตั๋วดูล่ะค่ะ สะดวกที่สุด