ร้านอาหารสไตล์กุ๊กช็อปที่เปิดบริการมานานกว่า 60 ปี ร้านวิเศษไก่ย่าง ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พุทธศักราช 2497 ดังนั้นเราจึงเชี่ยวชาญในเรื่อง อาหารไม่ว่าอาหารไทย-จีน-อีสาน การันตีความอร่อยจากรางวัลที่ได้รับ ขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองความอร่อยที่ตกทอดกันมาจาก รุ่นสู่รุ่นได้ที่นี่ !!
เริ่มแรกร้านจะเป็นห้องแถวคูหาเดียว ลงทุนไปจนมีเงินเหลือไปจ่ายตลาดเพียง 80 บาท แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยเงินเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถยืนหยัดจนเป็นวิเศษไก่ย่างมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยฝีมือที่สั่งสมมานาน เมนูอาหารในช่วงแรกเป็นจำพวกอาหารจานเดียวเช่น ก๋วยเตี๋ยวผัด ข้าวผัด ข้าวราดหน้า กินง่ายขายคล่องจนคนติดใจในรสมือจนค่อยๆ เพิ่มอาหารหลักทีละอย่างทำให้ขายเพิ่มยิ่งขึ้น
ประกอบกับย่านบางโพ เป็นย่านของคนไหหลำที่ประกอบธุรกิจโรงเลื่อยริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายโรงด้วยกัน ล้วนแต่เป็นลูกค้าประจำ ทำให้ขายดิบขายดีจนขยับขยายมาเช่าตึกแถว 3 ห้อง ซึ่งเป็นที่อยู่ และร้านอาหารไปด้วย
ตอนนี้ร้านได้เปลี่ยนชื่อจากเดิมที่ชื่อ " โกเหลี่ยง " มาเป็น วิเศษไก่ย่าง
ทำให้ทำมาค้าขึ้นมาเรื่อย จนถึงปี พุทธศักราช 2510 ก็เกิดเหตุไฟไหม้สลัมด้านหลังซึ่งทำให้พื้นที่ส่วนนั้นกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าเจ้าของที่ดินก็เลยให้เช่าทั้งผืนเป็นเนื้อที่ประมาณห้าร้อยตารางวา และได้ทำการรื้อตึกแถวด้านหน้า ทำการปลูกสร้างอาคารที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เมื่อเปิดกิจการใหม่ใหญ่โตขึ้น จึงได้เติมคำว่า "ภัตตาคาร" ต่อท้าย มีเครื่องหมายร้านเป็นรูปไก่และในปัจจุบันก็ได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า " วิเศษไก่ย่าง ภัตตาคาร " จนถึงทุกวันนี้.
ซึ่งแต่เดิมร้านวิเศษไก่ย่างจะเป็นภัตตาคารจีนสไตล์ไหหลำที่มีอาหารแบบกุ๊กช้อพไว้บริการ (อาหารแบบกุ๊กช้อพคือ อาหารฝรั่ง ที่ปรุงโดยกุ๊กชาวจีนซึ่งเคยเป็นลูกมือของเชฟฝรั่งที่ปรุงอาหารในห้องเครื่องวังหลวง หรือวังเจ้านายชั้นสูงนะคะ) แต่ร้านนี้จะเป็นร้านอาหารสไตล์ร่วมสมัยค่ะ จะเห็นว่าลักษณะร้านจะเป็นแบบ Warehouse นะคะ และมีทั้งอาหารจีน อาหารไทย และอาหารสไตล์กุ๊กช้อพค่ะ
วันนั้นไปกับเพื่อนบล็อกเกอร์หลายท่าน เพราะเป็นการฉลองปีใหม่ด้วยนะคะ เลยเลือกนั่งด้านนอกริมแม่น้ำเลยหละค่ะ เสียงจะได้ไม่รบกวนแขกท่านอื่น 555
นี่คือเมนูชุดแรกที่สั่งมาให้เด็กๆ ได้กินกันก่อน (เพราะเด็กหิวแล้ว แง) ระหว่างรอคนอื่นๆ ค่ะ ที่เราชอบมากคือแกงเขียวหวาน รสชาติเข้มข้น หอมเครื่องแกง ไม่คิดว่าในกรุงเทพฯ จะมีแกงรสชาตินี้ค่ะ นี่มันรสชาติบ้านเราชัดๆ อร่อยค่ะ อีกอันที่ชอบคือ เนื้อทอดน้ำปลา หนุบหนับ เค็มกำลังดี แนะนำให้กินตอนร้อนนะคะ อร่อยมากเลยอ้ะ
ต่อไปก็เริ่มเข้าสู่เมนูที่ทั้งทีมได้กินกันนะฮับ อันดับแรก น้ำจิ้มของร้านนี้จะมีด้วยกันสามแบบ ค่ะ คือน้ำจิ้มไก่ (ออกหวาน) น้ำจิ้มแจ่วแบบข้นๆ (มีรสเปรี้ยวและเผ็ดตามสไตล์แจ่ว แต่หนืดกว่าแจ่วปกติหน่อย) และซีอิ๊วดำหวานนิดๆ ค่ะ ซึ่งเวลาจิ้มแล้วกินก็จะอร่อยไปคนละแบบนะฮับ
ซึ่งตัวน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวานของที่นี่จะปรุงด้วยพริก กระเทียม และน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวเหนียวซึ่งทำให้รสชาติมีมิติกว่าที่อื่นค่ะ
เมนูแรกค่ะ มาร้านนี้ไม่สั่งนี่คือผิดผีกันเลยทีเดียว กับไก่บ้านย่าง มีสองราคาคือ 180 กับ 350 บาท (ทุกเมนูมี ++ อีกนะคะ)
ซึ่งตัวไก่ย่างนี่จะมีให้เลือกทั้งไก่ไทยหรือไก่บ้าน และไก่พันธุ์เนื้อ โดยไก่ไทยจะใช้ไก่ตะนาวศรีที่เลี้ยงด้วยสมุนไพรนะคะ ซึ่งถ้าเป็นไก่ทอด ก็จะเป็ฯไก่ย่างที่นำไปทอดอีกครั้งค่ะ
ไก่ย่างมาได้หนังกรอบพอควร เนื้อข้างในโอเคนะคะ แต่เราว่าตัวเทกซเจอร์มันแห้งกว่าไก่บ้านทั่วไปหน่อยหนึ่งแฮะ แปลกดี
ต่อไปเป็นส้มตำไทย 120++ บาท ค่ะ รสชาติโดยรวมโอเคเลยนะคะ ไม่ใช่รสดัดจริตเหมือนหลายๆ ร้านที่ทำเหมือนให้ชาวต่างชาติกินอ้ะ 555 ปกติเรากินเผ็ดและจัดกว่านี้ แต่เพื่อนคนที่กินเผ็ดไม่เก่งนี่แบบว่า...ปากเบินกันแล้วค่ะ อิอิ โดยรวมอร่อยนะคะ
ต่อไปเป็นเห่าดง ค่ะ ถ้าเป็นหมูจะ 220++ แต่ถ้าเนื้อจะเป็น 280++ ค่ะ
เป็นการกินครั้งที่สองของเรากับเมนูนี้นะคะ (ครั้งแรกที่ร้านอื่นค่ะ ซึ่งตอนนั้นไม่ประทับใจอย่างแรง แหะๆ) ซึ่งร้านนี้ทำได้ดีกว่าร้านที่เราเคยกินเยอะมาก รสชาติดี เนื้อทำมาสุกกำลังดีค่ะ เผ็ดไม่มาก (แต่คนกินเผ็ดไม่ค่อยได้บอกว่าเผ็ดเช่นเคย เอิ๊กๆ) เปรี้ยวนำ หอมมะนาวค่ะ
ยำปลาทับทิมทอดสมุนไพร 400++ ค่ะ รสชาติยำดีอีกแล้วค่ะ ตัวนี้แนะนำให้เวลากิน เอาน้ำยำที่ก้นจานมาราดด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นจะได้รสชาติไม่เต็มที่และจะแห้งเกินค่ะ รสชาติน้ำยำอร่อยอีกแล้วอ้ะ ที่นี่ทำอาหารรสชาติค่อนข้างไทยแบบดั้งเดิมพอควรเลยนะคะ
ยำถั่วพู 200++ บาท ค่ะ
ทำรสชาติมาได้ดีอีกแล้วค่ะ จัดจ้านใช้ได้เลย รสไม่ใช่กรุงเทพฯ เลยอ้ะ (อยากขอคุยกับเชฟมาก 555) หอมน้ำพริกเผา รสเปรี้ยว หวาน เผ็ด แบบที่ยำถั่วพูควรเป็นค่ะ
อ้อๆ กรณีถ้าใครสั่งข้าวเหนียว ที่นี่ใช้ข้าวเหนียวขมิ้น ซึ่งเป็นโอท็อปของบางซื่อนะคะ ทางร้านสนับสนุนโอท็อปท้องถิ่นด้วยแหละ น่ารักเนาะ แต่นอกจากสีแล้วกลิ่นกับรสชาติก็ไม่ได้มีความเป็นขมิ้นมากนักนะคะ กินง่ายอยู่ค่ะ
ต่อไปเป็นอีกเมนูที่เราประทับใจมากในมื้อนั้นนะคะ สตูลิ้นวัวค่ะ 350++ บาท (ถ้าเป็นลิ้นหมูจะเป็น 300++ นะคะ)
เมนูนี้จะมีการนำลิ้นวัวมาตัดแต่งให้สะอาด แล้วตุ๋นจนนุ่มในซอสมะเขือเทศสูตรพิเศษของทางร้าน ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองจนกลมกล่อมและเสริมด้วยเม็ดถั่วลันเตาค่ะ
ตัวสตูว์ทำมาได้แบบเนื้อนุ่มละมุนมาก รสชาติก็ออกละมุน สมรสชาติของความเป็นสตูว์ มีความเป็นจีนผสมฝรั่งค่ะ แล้วที่สำคัญก็คือ ขนมปัง นุ่มมาก นุ่มตั้งแต่สัมผัสกับมือแล้วค่ะ พอเอาเข้าปากด้วยก็นุ่มเช่นกัน เป็นอีกเมนูที่เราประทับใจและเชียร์สำหรับร้านนี้นะคะ
ต่อไปเป็นปอเปี๊ยะหนังกรอบ มีสองราคานะคะ 150++ กับ 300++ ค่ะ
ตัวนี้ทอดมาได้ดีค่ะ เนื้อกุ้งเยอะ แผ่นกรอบ กินกับน้ำจิ้มก็อร่อยค่ะ ถ้าไม่ติดว่าต้องกินอีกหลายจานคงฟาดไปอีกหลายชิ้น แหะๆ
ขาหมูทอด 450++ บาท ค่ะ ที่นี่จะไม่ได้ตั้งเป็นขามา แต่ชำแหละมาให้เรียบร้อยนะคะ ทำให้ทานง่ายแหละ จานใหญ่มากกกก เทียบขนาดมือให้ดูค่ะ ทอดมาได้กรอบนอกนุ่มในดีค่ะ ส่วนน้ำจิ้มมีให้สองแบบนะคะ ซีอิ๊วดำกับน้ำจิ้มสามรสค่ะ เราชอบตัวน้ำจิ้มสามรสที่มากับเมนูนี้มาก รสชาติจัดจ้าน หอมพริก เลิศค่ะ ชอบๆ อร่อยยยยย
มัจฉาหม้อไฟ 400++ บาท จะมาเป็นหม้อไฟพร้อมน้ำซุปตามภาพนะคะ ตัววัตถุดิบจะมีให้ทั้งปลา กุ้งและปลาหมึกค่ะ แต่ตัวน้ำจิ้มของเมนูนี้กลับทำคนละแบบกับขาหมูนะ เป็นแบบปั่นละเอียดมาหละ รสชาติก็ไม่เหมือนกันด้วยค่ะ
สำหรับการลวก จะค่อยๆ ลวกทีละชิ้น ทีละอย่าง หรือว่าจะเทลงไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ ตามคลิปนี้ 555
VIDEO
สำหรับรสชาติ ตัวนี้จะออกแนวแบบจีนค่ะ คือ รสไม่ได้จัดจ้านมาก แต่เน้นรสชาติอ่อนๆ ผสมผสานด้วยรสชาติของวัตถุดิบแต่ละอย่าง เปรี้ยวเบาๆ หวานอ่อนๆ ค่ะ ปลาสดดีค่ะ ถ้าใครชอบแนวอาหารจีนนี่น่าจะชอบค่ะ
ปลาดุกทอดกรอบผัดเผ็ด 200++ บาท
ตัวนี้ก็ทอดมาได้ดีนะคะ (ที่นี่ทำเมนูทอดอร่อยค่ะ) แต่ตัวน้ำของผัดเผ็ดยังไม่ค่อยเข้าเนื้อหละ เหมือนราดๆ มามากกว่า ถ้าชอบรสชัดๆ ก็ต้องราดน้ำมันเยอะๆ หน่อยค่ะ แต่รสชาติของน้ำผัดเผ็ดโอเคอยู่นะคะ
ต่อไปมาดูของหวานกันบ้างค่ะ ให้ดูที่คนอื่นสั่งมา (แต่เราไม่ได้ชิม แฮร่..) ก่อนค่ะ ่(ที่นี่เมนูเยอะมากทั้งคาวหวานเลยนะคะ)
มีเม็ดบัวนมสด เต้าทึงเย็น เต้าฮวยฟรุตสลัด ทับทิมกรอบ สละลอยแก้ว บัวลอยน้ำขิงค่ะ
ต่อไปเป็นของหวานที่เราได้กินกันบ้างนะคะ อันดับแรกเป็นแปะก๊วยนมสดร้อน ค่ะ
แปะก๊วยไม่ขมเลย เนื้อแปะก๊วยโอเคอยู่ค่ะ นมก็ผสมได้หอมดีนะคะ
ต่อไปเป็นของหวานที่ห้ามพลาดเลยค่ะ อร่อยมาก ถูกใจหลายคนเลย กับไอศกรีมน้อยหน่า นะคะ มันคือไอศกรีมกะทิแต่มีเนื้อน้อยหน่าอยู่ด้วยค่ะ หอม มัน อร่อยมากๆ ค่ะ เชียร์ๆ
สลิ่ม ค่ะ ตัวเส้นสลิ่มไม่ได้ลื่นปรื๊ดๆ แบบที่เราไม่ชอบนะคะ แต่ก็ไม่ฝืดแข็งเกินไปเหมือนบางที่ด้วยค่ะ เทกซเจอร์โอเคเลย ส่วนน้ำกะทินี่หอมควันเทียนมากๆ หวานกำลังดีด้วยค่ะ อร่อยค่ะ
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
เป็นร้านที่บรรยากาศดี อาหารก็ไม่ได้แพงเวอร์นะคะ เมนูที่เราชอบจะมีเนื้อทอดน้ำปลา แกงเขียวหวาน สตูว์ลิ้นวัว ส่วนของหวานที่โดนมากๆ คือไอศกรีมน้อยหน่าค่ะ รสชาติอาหารที่นี่จะค่อนข้างเข้มข้น แต่ไม่จัดหรือเผ็ดมากนักนะคะ แต่รสก็ไม่อ่อนเบาแบบหลายๆ ร้านในกรุงเทพฯ ค่ะ
ถ้าใครหาร้านอาหารรสชาติแบบไทยๆ หรือแบบกุ๊กช็อป (กึ่งจีนกึ่งฝรั่ง) บรรยากาศดีๆ ริมน้ำ ก็คิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่หนึ่งเลยค่ะ
ปฏิทินธรรม
วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2560 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2560
1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 8 และ 22 มกราคม 2560 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2560
1. ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยขอเชิญร่วมทำบุญถวายพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เวลา 07.00 น.
ณ อาคาร 15 หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 28-29 มกราคม 2560 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด
ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.479376905439284.105742.335629013147408/701496553227317/?type=1&theater
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+ 4026529=5496225 /12571/1340