สวัสดีค่ะะะะ
หลังจากรีวิวทริปสิงคโปร์ไปแล้วดังนี้
วันนี้ก็จะมารีวิวรร.อีกรร.ที่ได้ไปพักที่สิงคโปร์นะคะ นั่นก็คือ โรงแรมแมนดาริน ณ ถนนออร์ชาร์ด สิงคโปร์นั่นเองฮับบบบ
เว็บไซต์รร.นะคะ
//www.meritushotels.com/mandarin-orchard-singapore/aboutus-en.html
โรงแรมแมนดารินออร์ชาร์ดเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่บนถนนออร์ชาร์ด ใกล้ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช็อปปิ้งต่างๆ เลยค่ะ เอาแผนที่มาให้ดูนะคะ (เครดิตจากเว็บอโกด้านะคะ)
เดินเข้าไปในโรงแรมกันค่ะ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเราถ่ายจากด้านหน้าถนนออร์ชาร์ดหรือด้านอื่นของโรงแรมนะคะ (ครือ..ขุดกรุมาทำๆ น่ะค่ะ มันเยอะจัด ไม่ไหวแล้ว เพราะงั้น..อาจจะมีข้อมูลบางข้อมูลไม่อัพเดทนะคะ แต่เอามาให้ดูเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจแล้วกันเนาะ)
จากนั้นเราต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นล็อบบี้ของโรงแรมนี้ค่ะ
ถ่ายปุ่มในลิฟท์มาให้ดูว่าชั้นไหนเป็นอะไรนะคะ จะเห็นว่ามีทางเดินเชื่อมไปศูนย์การค้า Mandarin Gallery ได้หลายชั้นอยู่ค่ะ
ออกจากลิฟท์มาปุ๊บ ก็เดินตามป้ายเลยนะคะ เพื่อจะไปที่ล็อบบี้ค่ะ
เดินไปจนเจอทางแยก (ที่เห็นข้างหน้านี่คือห้องอาหารเช้านะคะ) ก็เลี้ยวขวาก็จะเจอล็อบบี้แล้วค่ะ
ชอบตัวที่ห้อยระย้าของเค้ามากค่ะ สวยงามอ้ะ
หันหน้าเข้าล็อบบี้ มองไปทางซ้ายมือ จะเป็นส่วนของ Orchard Wing นะคะ ซึ่งก็จะเป็นทางเดินไปแชตเตอร์บ็อกซ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องข้าวมันไก่ที่เค้าว่ากันว่าอร่อยที่สุด (และน่าจะแพงที่สุด หุๆ) ในสิงคโปร์ด้วยนะคะ
ส่วนถ้าเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังฝั่งขวาก็จะเป็นทริปเปิ้ลทรีค่ะ ถัดจากทริปเปิ้ลทรีก็เป็นคุ้กกี้แอนครัสท์กับบาร์ออนไฟว์นะคะ (ตัวห้องอาหารเช้ารู้สึกว่าจะเป็นบาร์ออนไฟว์นะคะถ้าจำไม่ผิดนะ)
ไปสำรวจแชตเตอร์บ็อกซ์ให้ดูกันสักหน่อยแล้วกันค่ะ เดินตรงไป จะมีห้องน้ำให้อยู่ แล้วก็เดินต่อไปจนสุดทางเลี้ยวซ้ายนะคะ แล้วจากนั้นก็เดินซับซ้อนๆ ไปตามทางก็จะเจอห้องอาหารแชตเตอร์บ็อกซ์อยู่ค่ะ
ห้องอาหารแชตเตอร์บ็อกซ์ค่ะ จะอยู่ข้างๆ บันไดเลื่อนที่ใช้ลงไปยังแมนดารินแกลอรี่นะคะ
ไปห้องพักเรากันดีกว่าค่ะ การ์ดเข้าห้องพักหน้าตาแบบนี้นะคะ
ขึ้นลิฟท์ไปห้องพักกันค่า ให้ดูแต่ละชั้นอีกที ฟิตเนสที่นี่อยู่ชั้น 36/37 นะคะ
หน้าลิฟท์และทางเดินไปห้องพักค่ะ
จำไม่ได้แล้วว่าบ็อกซ์ที่ประตูนี่ แค่ใช้บัตรทาบลงไปหรือมีช่องให้เสียบนะคะ
เปิดเข้าไปในห้องกันค่า แท้แด...ขออภัยที่รกมาก แบบว่าไปทำงาน ข้าวของเยอะ แถมกรุ๊ปนั้นมีทีมงานหลายคนด้วยค่ะ (ถึงจะนอนคนละห้อง แต่เวลาเคลียร์งานก็มารวมห้องเดียวกันก่อนค่ะ เหอๆ)
ภายในห้องเราค่ะ เอ่อ เห็นสภาพแล้วเลยเก็บมาภาพเดียวแล้วโทร.หาเพื่อนว่าขอไปเก็บภาพห้องแกแทนได้มั้ย
ระบบไฟที่นี่ต้องใช้การ์ดเสียบนะคะ
ตัดฉับไปที่ห้องเพื่อนเรานะคะ จะกลับด้านกับห้องเราค่ะ เตียงกับห้องน้ำจะอยู่ฝั่งขวามือแทนค่ะ
ข้างๆ เตียงจะเป็นเดย์เบดนะคะ ถัดจากเดย์เบดไปก็จะเป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าค่ะ
ถ่ายย้อนกลับไปให้เห็นความกว้างของห้องค่ะ
ตู้เสื้อผ้า มินิบาร์และทีวีแบบจอ LED ค่ะ
มีที่ซ่อนสำหรับแก้วและกาน้ำร้อนตามภาพด้วยนะคะ เก๋ดี
แต่มีน้ำเปล่าฟรีให้ด้วยนะคะ ห้องละ 2 ขวดค่ะ
สิ่งที่ชอบอีกอย่างสำหรับหนอนอย่างเรา (ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้เวลาไปทำงานง่ะนะ) ก็คือมีไฟอ่านหนังสือให้ที่หัวเตียงค่ะ
ไปสำรวจห้องน้ำกันบ้างดีกว่าเนาะคะ จะเห็นว่าเค้าทำประตูเป็นแบบบานเลื่อนนะคะ
ห้องน้ำกว้างขวางมาก (เป็นสิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งของที่นี่เลยค่ะ) อ่างล้างหน้ามีให้สองอ่าง โถฉี่ของผู้ชายก็มีแยกค่ะ และมีอ่างอาบน้ำแบบรร.ห้าดาวควรมีนะคะ
แถมมีฉากกั้นระหว่างอ่างอาบน้ำที่ค่อนข้างมิดชิดด้วยค่ะ ทำให้น้ำไม่กระเด็นออกมาเปรอะเปื้อนหละ ชอบๆ
ข้าวของเครื่องใช้ที่มีให้ค่ะ ไดร์เป่าผมเป็นแบบติดกับกำแพงถาวรง่ะ
สำหรับตอนนี้ก็มีแต่เพียงเท่านี้นะคะ ตอนหน้าจะพาไปชมอาหารเช้าของที่นี่กันนะคะ
ห้องน้ำก็กว้างขวางดีครับ
ปล. หลังๆงานของจิมมี่ เลี่ยว
มาพิมพ์กับ A book หลายเล่มเลยครับ