+งานบริการ...รอยยิ้มอยู่ข้างหน้า-ความขมขื่นอยู่ข้างหลัง+
อาชีพงานบริการ
เป็นอาชีพที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นได้เลยนะ
ด้วยนิสัยตัวเองเมื่อก่อนนั้นเนี่ย...
แบบ..ตรงไปตรงมา ไม่ยอมคน ไม่สนิทกับใครก็จะไม่คุยด้วย ไม่ใช่คนอ่อนหวาน พูดจาโผงผางเสียงดัง ฯลฯ (ขืนไปทำงานบริการตอนนั้น ได้ฆ่าลูกทัวร์ตายแน่)
จนเรียนอยู่ปีสองซัมเมอร์
ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาคุยกับเราว่า เห็นว่าอยากได้งานพิเศษทำนอกเหนือจากเรียนไม่ใช่เหรอ
ก็เลยชวนมาเป็นไกด์ (จริงๆ ก็แค่ผู้ช่วย เป็นสตาฟน่ะ ยังไม่ใช่ไกด์หรอก)
พี่เค้าบอกว่า เห็นเราช่างเทคแคร์ดี (ตอนไหนฟะ?)
ก็ลองไปสมัครดู
ตอนแรกพี่บอกให้ไปเขียนใบสมัครไว้เฉยๆ แต่งตัวตามสบาย
ก็เลยใส่กางเกงยีนส์เสื้อยืดไปเลย
ปรากฏเค้าเรียกสัมภาษณ์เลยค่ะ
งงเหมือนกัน ให้ทำอะไรแปลกๆ ด้วย (บอกเคยรำ ก็ให้รำให้ดูเลยน่ะ)
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ก็มีเพจมาบอกว่า ผ่านการสัมภาษณ์แล้ว
อืมม์..แล้วก็ทำงานนี้มาเป็นสิบปีเลย
เมื่อก่อนเวลาไปกินร้านอาหารต่างๆ
แล้วเจอคนเสิร์ฟอาหารหน้าตาบึ้งตึง
ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส กระแทกอาหารฯลฯ
รู้สึกแบบ...เฮ้ย..ทำงี้ได้ไง ทำงานบริการนะเฟ้ย
แต่หลังจากทำงานบริการมา 10 ปี ตอนนี้ได้คำตอบแล้วค่ะ
อันเนื่องมาจากงานบริการที่ต้องเห็น "ลูกค้าเป็นพระเจ้า" เนี่ย
มันสร้างความกดดัน ความขมขื่น ความบีบคั้น ฯลฯ
จนทำให้คนเรามันหมดความอดทนและแปรเปลี่ยนไปได้จริงๆ นะคะ
มันเป็นงานที่ต่อให้เรารู้สึกแย่ขนาดไหน ชีวิตกำลังเจ็บปวดมากมาย
แต่สิ่งที่ต้องทำคือ ยิ้มแย้ม สดใส ร่าเริง อ่อนหวานตลอด
มันขัดแย้งในตัวเองอย่างมโหฬารเลย
และมันทำให้คนที่ทำงานบริการแต่ละคน เวลาอยู่นอกงาน
จะเป็นอะไรที่แบบ..คนละเรื่องเลย
คือ..มันจะเหมือน..ปลดปล่อยเอาทีหลังน่ะ
คนใกล้ชิดก็ไม่ดูแล
คนเคยละเอียดอ่อนก็หยาบกระด้างขึ้น (เรานี่เห็นกับตัวเองชัดมาก)
ไม่รู้ว่าเป็นกับคนที่ทำงานบริการทุกอาชีพหรือเปล่า?
แต่การทำทัวร์นี่เราเห็นชัดเจนมากๆ เลยน่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาไปใช้งานบริการของคนอื่น
คนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่เรื่องมาก เอาโน่นเอานี่มากมาย (อันนี้เป็นบางคนค่ะ)
จนเราต้องปรามกันเองว่า
"ทีเวลาลูกทัวร์ขอโน่นนี่ บ่นกันจั๊ง เวลาตัวเองเนี่ย เรื่องมากกว่าลูกทัวร์อีก"
ก็จะเพลาๆ กันลงได้มั่ง
เมื่อก่อนเคยสงสัยเวลามีคนมาบอกเล่า กรณีหมอหรือพยาบาลนิ่งเฉยกับคนที่เจ็บป่วยมากๆ
เราสงสัยมากว่าเค้านิ่งเฉยกับชีวิตของคนได้อย่างไร
แต่พอมาทำตรงนี้แล้วเนี่ย..เราก็เข้าใจมากขึ้นนะ
คือมันเหมือนคนๆ หนึ่งที่เจอเรื่องเดิมๆ อยู่ทุกวี่วัน
มันเริ่มกลายเป็น "ความชาชิน"
และเป็น "เรื่องธรรมดา" ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
จึงทำให้เค้าไม่กระตือรือร้น เฉยชา และเนือย
เพียงแต่ตอนเราทำทัวร์...
เวลาเกิดอาการอย่างนี้เมื่อไหร่
เราเลือกที่จะพักการออกทัวร์ เพื่อให้ตัวและหัวใจพร้อมเสียก่อน
แม้จะไม่ได้ทุกครั้งด้วยปริมาณงานที่เข้ามา
แต่ถ้ามีโอกาสก็จะพัก
เพราะไม่อย่างนั้น..เราก็จะทำงานบริการออกไปห่วยๆ แบบที่เราเคยเกลียดคนที่ทำงานบริการอื่นที่เคยบริการห่วยๆ ให้เรา
แต่พวกหมอ..พวกพยาบาลล่ะ?
เค้ามีเวลาพักตัวและหัวใจของตัวเองบ้างมั้ยน้อ?
งานบริการ..ตรงนี้..ทำให้เราเข้าใจโลกมากขึ้นนะ
ขณะเดียวกัน...
ก็เศร้ามากขึ้นด้วย
เข้าใจ...แต่ก็เสียใจจัง
มนุษย์นี่มีขีดจำกัดกันทุกคนจริงๆ
อยู่ที่ว่าแต่ละคนมีขีดจำกัดในเรื่องอะไร...แค่นั้น
ท่านใดที่เพิ่งมาเยี่ยมบ้านสาวไกด์ฯ ครั้งแรก
(หรือหลายครั้งแล้วแต่มีหนังและหนังสือเรื่องใหม่มานำเสนอ)
เรียนเชิญที่บล็อกนี้นะคะ
กรุณาหย่อนตั๋วหนังหรือเสียบที่คั่นหนังสือ
Create Date : 24 สิงหาคม 2548 |
|
63 comments |
Last Update : 24 สิงหาคม 2548 13:22:16 น. |
Counter : 1850 Pageviews. |
|
|
|
งานบางทีก็ทำให้นิสัยเราเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว