เวียงท่ากาน เชียงใหม่ ทริปนี้ไปเที่ยวเวียงที่เคยรุ่งเรืองในอดีต (1)
เวียงท่ากาน ทริปนี้ไปเที่ยววียงหรือเมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีต เมืองโบราณเวียงท่ากาน ตั้งอยู่ในเขตบ้านท่ากาน ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ไปไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักบรรยากาศเหมือนเที่ยวเมืองเก่า ที่อยุธยาหากไปเป็นกลุ่มจะมีรถนำเที่ยว นะครับครั้งนี้ผมไปคนเดียว จึงจ้างไกด์ส่วนตัวในราคา400 บาท ไกด์ท้องถิ่นก็พามอเตอร์ไซต์ซิ่งเที่ยวกันนะครับ ได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวียงท่ากานมากมาย มาครับมาเที่ยวเวียงนี้กันน่ะ
การเดินทางจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ ใช้เส้นท่างสายเชียงใหม่-ฮอดเป็นระยะทางประมาณ 34 กิโลเมตร จนถึงทางแยกเข้าบ้านท่ากานบริิเวณปากท่างบ้านทุ้งเสี้ยว เป็นระยะทางเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรโดยผ่านพื้นที่บ้านต้นกอกสภา
เจดีย์ประธานวัดต้นกอกร้างนอกเมืองเวียงท่ากานทางทิศตะวันตก มาดูประวัติของเวียงท่ากานก่อนนะครับ เมืองเก่าเวียงท่ากานมีลักษณะเป็นเมืองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณ700 เมตร กว้างประมาณ 400 เมตร ปรากฏแนวคูเมือง 1 ชั้น กว้างประมาณ 7-8 เมตรและ มีกำแพงดินหรือคันดินล้อมรอบ 2 ชั้นปัจจุบันเหลือแนวคูน้ำ คันดินให้เห็น 3 ด้านยกเวณด้านทิศใต้ ตัวเมืองโบราณมีสภาพเป็นเนินสูงพื้นโดยราบเป็นที่ราบลุ่มห่างจากลำน้ำปิงประมาณ 3 กิโลเมตทางทิศตะวันออกมีลำน้ำแม่ขานไหลผ่านห่งจากตัวเมืองเวียงท่ากานประมาณ 2 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีลำเหมือง(ลำห้วย) สาย เล็กๆ ชักน้ำจากน้ำแม่ขานมายังคูเมืองทางทิศใต้และยังมีลำเหมืองขนาดเล็กชักน้ำเข้ามาใช้ภายในเมืองทางทิศตะวันออก ซึ่งสันนิษฐานว่าคงเป็นระบบ ชลประทานที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ
สภาพภายใต้ในตัวเมืองเดิมเป็นป่าทึบต่อมามีการโค่นต้นไม้ใหญ่หักล้างพื้นถ่างโพรงเพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัยพื้นที่บริเวณชายเนินที่เป็นที่นาทั้งหมด ปัจจุบับบ้านเรือยราษฎรส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในตัวเมืองชาวบ้านท่ากานส่วนใหญ่เป็นพวกชาวยองที่อพยพเข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัยพระเจ้ากาวีละ ปกครองเมืองเชียงใหม่คนส่วนใหญ่พูดภาษายอง คำว่า"ท่ากาน" ชาวบ้านเล่าว่ามาจากคำว่า "ต๊ะก๋า"ในตำนานเล่าว่าเมื่อก่อน นี้มีกาเผือกตัวใหญ่จะบินลงที่นี้ชาวบ้านกลัวว่าเมืองบินลงจะทำให้เกิดความเดือดร้อน ในหมู่บ้านจึงพากันไล่กาหรือต๊ะก๋าไม่ให้มาลงก็เลยเรียกต่อกันมาว่าบ้านต๊ะก๋า ต่อมาเมือประมาณพ.ศ.2450 เจ้าอาวาสวัดท่ากานได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบ้านท่ากาน เนื่องจากคำว่าบ้านต๊ะก๋าไม่เป็นภาษาเขียน
ากหลักฐานทางด้านเอกสารและตำนานหลายฉบับ เช่นตำนานมูลศาสนาพงศาวดารโยนกและตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวโดยร่วมได้ว่า เมืองท่ากาน เป็นเทลมืองที่มีประวัติเกี่ยวกับนิยายปรัมปราทางพุทธศาสนากล่าวถึงพระพุทธเจ้า ว่าเคยเสด็จมาที่เมืองนี้
เวียงท่ากาน ปรากฏชื่อใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ว่า"เวียงพันนาทะการ" คงจะเป็นเมืองที่มีความสำคัญเมืองหนึ่งเนื่องจากพญามังราย (พ.ศ.1804-1845) โปรดให้นำต้นโพธิ์ที่นำมาจากลังกาทวีปหนึ่งต้นในจำนวนสี่ต้น มาปลูกที่เมืองเวียงพันนาทะการเวียงท่ากานเป็นเมืองที่มีเจ้าเมืองปกครองภาย
ภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองเชียงใหม่เป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหารเพราะเป็น ถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ชื่อของเวียงท่ากานปรากฏในเอกสารโบราณเกี่ยวกับเมืองเชียง
ใหม่ในสมัยพระเจ้าติโลกนาถ(พ.ศ.๑๙๘๔-๒๐๓๐)กล่าวว่าพระองคได้เสด็จยกทัพไปตีเมืองเงี้ยวและ
ได้นำเฉลยเงี้ยวไปอยู่ที่เวียงท่าการเมืองเงี้ยวไปอยู่ที่เวียงพันนาทะการัคงจะหมายความว่าใน
ช่วงนี้เวียงพันนาทะการมีฐานเป็นเมืองขึ้นของเชียงใหม่
่เพราะคำว่าพันนาในภาษาไทยเหนือหมายถึงตำบล
หลังจากพม่าเข้าตีเมืองเชียงใหม่ได้ในสมัยพระเจ้าหงสาวดี บุเรงนองในปี(พ.ศ.๒๑๐๑) เวียงท่ากานที่ตกอยู่ในอำนาจของพม่าเช่นกันต่อมาทางเชียงใหม่ร้างไปประมาณ ๒๐ ปีเศษ คือในช่วงระหว่าง(พ.ศ.๒๓๑๘-๒๓๓๙) ตรงนี้เป็นกลุ่มโบราณสถานกลางเวียง เวียงท่ากานก็คงจะร้างไปด้วย จนถึงช่วงปีพ.ศ.๒๓๓๙พระเจ้ากาวิละทรงตีเมืองเชียงใหม่คืนจาก พม่าได้จึงกวาดต้อนพวกไทยยองเข้ามาอยู่จนตราบ เท่าทุกวันนี้
กลุ่มโบราณสถานกลางเวียง (วัดกลางเวียง)เป็นกลุ่มอาคารสถานที่ใหญ่ที่สุดในเขตเวียงท่ากาน หลักฐานทางโบราณคดีประเภทโบราณวัตถุเช่นพระพิมพ์ดินเผาพระพุทธรูปดิน เผาพระพุทธรูป สำริดและพระโพธิสัตร์เป็นต้นแสดงให้เห็นถึงศิลปะแบบหริภุญไชย ซึ่งยังคงเหลือให้ศึกษาอยุ่นอกเหนือ จากนี้ยังมีหลักฐานประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุในสมัยล้านนาให้ศึกษาอย่างต่อเนื่องและนอกตัวเมืองอีกด้วย
เป็นกลุ่มโบราณสถานมีขนาดใหญ่มากทีสุดมีเนื้อที่ประมาณ๑๔ไร่ในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยโบราณสถานที่สำคัญยังคง เหลืออยู่คือเจดีย์แปดเหลี่ยมแบบหริภุญไชยและเจดีย์ทรงกลมสมัยล้านนานอกจากนี้ยังปรากฏเนินโบราณสถานอีก หลายเนินซึ่งเป็นองค์เจดีย์วิหารอีกหลายเนินภายในกลุ่มโบราณสถานแห่งนี้ยังเคยมีคน ขุดพบพระบุทองคำเงินสำริด พระพิมพ์ดินเผา ที่สำคัญคือไหรายโบราณสมัย ราชวงหยวน(พ.ศ.๑๘๒๓-๑๙๑๑)ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่วัดท่ากานจะ เป็นโถบรรจุ เป็นโถบรรจุอัฐิของพระเถรผู้ใหญ่เจดีย์ทั้งสององค์นี้ได้ทำการขุดแต่งและบูรณะเมือประมาณ ต้นปี พ.ศ.๒๕๓๑โดยหน่วยศิลปกรที่ ๔ได้พบโบราณวัตถสามาถกำหนดอายุ ของเจดีย์ทั้ง ๒องคได้ว่ามี อายุอยู่ในช่วงหริกุญไชยลงมาถึงล้านนากลุ่มวัดกลางเมืองนี้ประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถาน ๓ กลุ่ม ข้อมูลจาก ประวัติเวียงท่ากาน ( ชุมชนโบราณล้านนา )
เมื่อรู้ประวัติคร่าวๆแล้วนะครับมาเที่ยวกันนะ เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ได้ความรู้มากมาย จุดแรกที่กล่าวไปนั้นเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวกันเพราะว่าสะดวกชื่อว่าวัดต้นกอกกลุ่มโบราณสถานกลางเวียง (วัดกลางเวียง)เป็นกลุ่มอาคารสถานที่ใหญ่ที่สุดในเขตเวียงท่ากาน ซึ่งไกล้ครับสะดวกในการเดินทางเราซิ่งไปกันต่อครับไปชมสถานโบราณแห่งเวียงนี้กัน จุดนี้เป็นวัดที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านครับเป็นวัดเก่าแก่ครับ หลักฐานแสดงเป็นอุโบสถเก่าครับวัดนี้ผมจำชื่อไม่ได้ครับ
วัดตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านไปครับแว้นกับไกด์ต่อไปวัดอื่นบ้าง มาดูกลุ่มโบราณสถานวัดหนองสระบ้างครับ
มาถึงแล้วอ่านข้อมูลจากป้ายก่อนอันดับแรกและไกด์ก็อธิบายถึงเรื่องราวต่างๆนานา
กลุ่มวัดนี้จะพบโบราณวัตถุภาชนะดินเผาสมัยหริภุญไชยหรือดินเผาจากแหล่งเตาล้านนาและเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หมิง
การกำหนดพื้นที่บริเวณวัดนี้ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่13-21นี้เป็นช่วงเวลาที่พื้นที่นี้เป็นชุมชนในวัฒนธรรมหริภุญไชยจนเปลี่ยนผ่านมาเป็นวัฒนธรรมชุมชนล้านนา พี่เขาก็ชี้จุดให้เห็นถึงภาพเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
ภาพเขียนตัวอักษรบางอย่างที่บันทึกไว้ในก้อนหินก้อนนี้ทำให้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
วัดขุดค้นพบในสวนลำไยของชาวบ้านบางส่วนจึงจำเป็นต้องขอซื้อที่จากชาวบ้าน มาดูกลุ่มเจดีย์กันบ้างนะครับอยู่ในสวนลำไยมีต้นไม้ ต้นหญ้าปกคลุม ขาดการดูแลอันเนื่องมาจากงบประมาณที่สนับสนุนมีจำนวนจำกัดจุดนี้เป็นแนวกำแพงเก่านะครับ
จุดนี้เป็นวิหารที่เก่าแก่ของกลุ่มโบราณสถานวัดหนองสระ
พี่เขาเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของเวียงท่ากานอย่างละเอียดจนผมเองจำไม่ได้ทั้งหมดปัญหาที่พบตอนนี้คือขาดงบประมาณในการสนับสนุน ในเรื่องการจัดการท่องเที่ยวอย่างจริงจังจนทำให้พื้นที่บางส่วนรกร้างว่างเปล่าไป
พบงูเขียวครับตามป้ายของวียงท่ากานแสดงว่าความสมบูรณ์เพราะมีพงหญ้ารกเจองูจนได้
เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนลำไยจริงๆ
จากนั้นเดินกลับครับไปดูที่อื่นบ้างเดินข้ามสะพานเล็กๆ
มีลำธารเล็กๆไหลผ่านสวนสวยและร่มรื่นดีมาก อากาศตอนนี้ก็เริ่มร้อนแล้ว
แต่ว่ามีลมพัดตลอดเวลาเสมือนว่าอยู่ท่ามกลางความเจริญรุ่งเรืองของเวียงท่ากานสมัยอดีต
แว้นไปกันต่อกับพี่เขาครับพี่ไกด์พาทัวร์ต่อ จุดนี้เป็นจุดกำแพงเมืองท่ากานเก่าครับ
วัดนี้อยู่ไกล้หมู่บ้านครับชื่อวัดจำชื่อไม่ได้ครับมีเจดีย์ที่รายล้อมด้วยพระพทธรูป
มีสวนลำไยชาวบ้านล้อมรอบจนกรมศิลปากรทำรั้วกั้นไม่ให้ชาวบ้านบุกรุกวัดเก่าแก่
ความงดงามในอดีตของเจดีย์นี้ยังคงมีความงดงามเพราะว่าปัจจุบันยังมีความงดงามอยู่ไม่ถูกทำลายไปมากกว่านี้
ซิ่งมอเตอร์ไซต์ไปกันต่อครับ....ผ่านทุ่งนาอันเขียวขจีสวยงาม
ไปดูแนวกำแพงวัดเก่าแก่ซึ่งตัวไกด์เองก็ระบุชื่อวัดไม่ได้
แนวกำแพงนี้ตั้งอยู่ใจกลางสวนลำไยของชาวบ้าน
อิฐทุกก้อนในสมัยอดีตมีคุณค่ามากนะครับเป็นคุณค่าที่สำคัญมากทางประวัติศาสตร์
ไม่ห่างจากวัดนี้มากนักไปแว้นต่อครับไป วัดสันกระวาน
วัดนี้ตั้งอยู่ริมถนนอยู่ติดกับนาของชาวบ้านอยู่ไต้ต้นตาลพอดีดูแล้วขลังมากๆ
เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกวียงท่ากานทางด้นทิศตะวันตกเฉียงใต้ห่างจากวัดกู่ไม้แดงซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะทางประมาณ500 เมตรพบดบราณสถานคือเป็นวิหารขนาดเล็กน่าจะสร้างในสมัยล้านนา
หอผีบนความเชื่อของคนล้านนาเป็นที่มีสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองอยู่ชาวล้านนามีความเชื่อในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ทุกปีของชาวล้านนาจะทำบุญบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าผีปู่ย่าตามจุดต่างๆที่ตัวเองนับถือ
ท้องทุ่งนากำลังเหลืองทองทั่วท้องทุ่งสวยงาม
ไปกันต่อครับจุดนี้ก็เป็นวัดอีกวัดครับ
เป็นวัดที่ค่อนข้างจะมีหญ้าปกคลุมรกอยู่ครับมีศาลตั้งอยู่ ชื่อวัดไม่อาจทราบได้ครับดูๆแล้วก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับถ้ามาเที่ยวคนเดียว
ตามหลักฐานว่าเป็นวัดที่อยู่นอกเขตของเวียวท่ากานแสดงว่าเวียงท่ากานมีอาณาเขตที่กว้างมากเหมือนกันนะครับ
เป็นแนววัดมีกำแพงวัดอยู่ตามพงหญ้าที่ปกคุมอยู่
ติดตามตอนที่สองต่อนะครับ ขอบคุณที่ติดตามมากๆครับ
Create Date : 23 กรกฎาคม 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 25 กรกฎาคม 2558 0:31:06 น. |
Counter : 3142 Pageviews. |
|
|
|