ห่างหายการปั่นจักรยานไปนานเป็นปีเลยเรา เริ่มมีพลังอยากปั่นอีกแล้ว เลยชวนคุณสามีออกปั่น ที่จริงคุณสามีเขาก็ปั่นประจำอยู่แล้ว มีแต่เราเองที่ขี้เกียจ  คราวนี้เริ่มซ้อมขาอยู่วันสองวันโดยปั่นอยู่รอบ ๆ หมู่บ้าน พอวันหยุดคุณสามีเลยพาออกไปไกลหน่อย  แต่ปั่นแบบเราคงไม่เหนื่อยละนะ เพราะแวะถ่ายรูปอยู่เรื่อยไป เรียกว่าปั่นชิว ๆ ละนะ

ออกจากบ้าน 6 โมงเช้า โดยปั่นผ่านโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าออกไปถึงแยกสนามบินน้ำและซ้ายไปข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ตรงสะพานพระนั่งเกล้าเรายกรถจักรยานเดินขึ้นบันไดไป ถ้าปั่นขึ้นไปค่อนข้างอันตรายสำหรับเราซึ่งปั่นไม่ค่อยแข็งแรง  ระหว่างข้ามสะพานแวะช่วงกลางสะพานถ่ายรูปสักนิดหน่อย (บอกเราปั่นชิว ๆ พร้อมกับการถ่ายรูป)

จากนั้นลงจากสะพานพระนั่งเกล้า ก็ปั่นเข้าซอยเล็ก ๆ (เล็กสำหรับหนึ่งคนเดิน) เพื่อทะลุไปถนนที่ไปร้านอาหารแพรชา และปั่นไปเรื่อย ๆ ตามซอย ธรรมชาติยังเหลือเยอะอยู่ แถวที่ปั่นทางนี้อยู่เขตไทรม้า เพราะปั่นผ่าน อบต.ไทรม้าด้วย เส้นทางหน้าปั่นมากเพราะเป็นทางในหมู่บ้าน ไม่มีรถวิ่งเยอะ ปั่นสบายทางดี  คุณสามีพาปั่นลัดเลาะมาจนถึงวัดบางบัวทอง  พอมาถึงวัดบางบัวทอง ก็ต้องออกแรงกันอีกนิดในการยกรถจักรยานข้ามสะพานสูง  อันนี้เราเรียกว่าสะพานสูงเพราะสูงจริง ๆ เป็นสะพานข้ามคลอง พอข้ามไปก็เป็นเส้นทางที่ทางที่เขาทำให้กับนักปั่นจักรยานโดยเฉพาะ วิ่วสวยเลยเพราะปั่นริมคลอง แต่ตอนปั่นแรก ๆ เราแอบกลัว กลัวตกคลอง ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองข้างเขาก็ทำราวสะพานกั้นไว้นะ แต่ก็ยังมีเสียวนิด ๆ 

นี้คือสะพานที่เราต้องยกรถจักรยานข้ามไป

พอข้ามไปก็จะมองเห็นเส้นทางสำหรับนักปั่น ความยาวประมาณ สามก.ม. กว่า เส้นนี้ไปทางซ้ายจะไปสิ้นสุดแถวโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย แต่ถ้าไปด้านขวามือ ปั่นไปได้ประมาณไม่ถึง กม. ก็จะสิ้นสุดทาง เห็นชาวบ้านแถวนั้นบอกว่ามีโครงการว่าจะสร้างต่อเหมือนกัน (ก็อยากให้สร้างต่อนะ เพราะเป็นทางปั่นที่ดีมาก ๆ )

ถ่ายรูปเล่นกันก่อน เตรียมแรงยกรถข้ามสะพาน

ยกรถขึ้นบนสะพานแล้ว พักเหนื่อยกันบนนี้สักพัก สูดลมหายใจลึก ๆ อากาศบนสะพานดีมาก ๆ เลย 

เส้นทางสำหรับนักปั่น  ช่วงเสาร์อาทิตย์จะมีคนมาปั่นกันเยอะหน่อยสำหรับที่นี้ 

คุณสามีปั่นพาไปจนสุดเส้นทางด้านซ้าย ไปสิ้นสุดที่โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย และจากนั้นก็ปั่นพากลับมาจนสุดเส้นทางที่เขาทำทางปั่นไว้

มาแวะถ่ายรูปเล่นกันตรงบริเวณ โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย  

ระยะทางสิ้นสุดที่นี้ ถ้าใครปั่นเพลิน ๆ ไม่รู้มีโอกาศปั่นตกน้ำได้ด้วยนะเนี้ย เพราะไม่มีอะไรกั้นไว้เลยว่าสิ้นสุดทางแล้ว

จากนั้นคุณสามีก็ปั่นพาไปวัดใหญ่สว่างอารมณ์ต่อคะ โดยปั่นพาลัดเลาะไป จากจุดนี้ไปไม่ไกลเท่าไร เราไปทานข้าวเช้ากันที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์

ลัดเลาะผ่านสะพานเก่า ๆ เส้นนี้ ไปเจอบ้านคนและเจอถนน แล้วปั่นไปที่จุดหมายปลายทางคือวัดใหญ่สว่างอารมณ์ เพื่อไปไหว้พระและทานข้าวเช้า

ปั่นมาไม่นานก็มาถึง ก่อนทานข้าวขอแวะไปไหว้พระในโบสถ์ก่อน ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะปั่นจักรยานมาถึงวัดนี้ได้ โดยปกติจะมาแต่รถยนต์ ตอนมารถยนต์ว่าไกลนะ เพราะไม่ได้ลัดเลาะมาได้เหมือนจักรยานเลยดูไกล แต่ปั่นจักรยานมาเองก็ไม่เท่าไร 

และนี้ก็คืออาหารเช้าของเรา ตั้งใจจะมาทานห่อหมกปลาช่อน แต่วันนี้ป้าเขาบอกว่าไม่มี มีแต่หอหมกปลากราย ก็หยวน ๆ แท้กันไปก่อนแล้วกัน ฮือ ๆ อดกินเลยเรา

จากทานข้าวกันเสร็จก็เดินทางกลับ ก่อนกลับก็แวะไปแถววัดแสงสิริธรรม จากวัดใหญ่สว่างอารมณ์ไปวัดแสงสิริธรรมไม่ไกลกันเท่าไร ปั่นลัดเลาะมาแป๊ปเดียวเอง

แวะมาจะอุดหนุดหมูสะเต๊ะพี่ที่ทำงานคุณสามีซะหน่อย  พี่เขาขายเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ แต่มาถึงปรากฏว่าพี่เขาเพิ่งติดไฟยังไม่ได้ย่าง เลยอดไป 

ไม่ได้อุดหนุด ก็ภาพคู่กันมาซะหน่อย เพื่อ เพื่อน ๆ คนไหนไปเที่ยวแถววัดแสงสิริธรรม หรือว่าไปกินก๋วยเตี๋ยวลุงอู๊ด เจอร้านหมูสะเต๊ะคนขายหน้าตาแบบนี้ก็แวะอุดหนุนกันหน่อยนะคะ คนขายใจดีคะ

จากนั้นนั้นก็เดินทางกลับ ความนี้ก็ปั่นกันยาว ๆ เลยคะ มาแวะอีกทีก็ตรง ที่พักนักปั่น เป็นที่สำหรับให้นักปั่นหยุดพัก และเป็นที่ให้เช่าเล่นเรือเจทสกี้ แวะพักขาและถ่ายรูปเล่นตามแบบฉบับของคนชอบถ่าย ละนะ

วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

จากจุดนี้มองเห็นสะพานพระนั่งเกล้าด้วยละ

พักกันที่นี้สักพักก็เดินทางต่อ คราวนี้ปั่นกันยาว ๆ ไม่มีหยุดพักที่ไหนแล้ว ปั่นกลับเส้นทางเดิมข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ผ่านโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเรวดี และปั่นมานิดก็ถึงหมู่บ้านเรา จบทริปสำหรับวันนี้ ออกจากบ้านกันตอน 6 โมงเช้า กลับถึงบ้านกันก็ตอน 10 โมงเช้า ปั่นกินลมชมวิว แวะถ่ายภาพ ชิว ๆ แบบว่าไม่เหนื่อยมาก ชอบละนะ  สรุปแล้วระยะทางที่ปั่นไป-กลับในวันนี้ก็อยู่ที่ 

ระยะทางทั้งหมด ที่ปั่นไปวันนี้ อยู่ที่ 26.87 ก.ม. โอ้วเยอะเหมือนกันนะเนี้ย ... ไว้ครั้งหน้าปั่นไปไหนอีก จะเอามาอัพบล็อกเก็บไว้อีกละนะ

ทริปนี้ ขอขอบคุณคุณสามีนะคะที่ปั่นพาเที่ยว