ข้อสงสัยการแถลงของ ศอฉ เรื่องการจับอาวุธร้ายแรงได้จำนวนมาก.
จากการที่ ศอฉ ได้เปิดแถลงข่าวในทีวีรวมการเฉพาะกิจ แจ้งถึงการปฏิบัติการที่อนุสรณ์สถาน และที่ตลาดไทในวันนี้ (28 เม.ย. 2553) และได้แถลงว่าทางทหารอากาศได้สกัดจับอาวุธร้ายแรงได้จำนวนมาก แต่จับผู้กระทำผิดที่ขนอาวุธไม่ได้ นั้น มีข้อสงสัยหลายประการดังนี้.
1). การขนอาวุธหัวระเบิด M-79 จำนวนถึง 63 หัว, หัวระเบิดอื่นๆ 14 หัว, และหัวระเบิดกระทบแตกอีก 2 หัว, พร้อมพบเครื่องประกอบสำหรับใช้ยิง. อาวุธที่อ่อนไหวต่อการกระทบกระเทือน และมีจำนวนมากขนาดนี้ ไม่น่าจะใช้วิธีการขนโดยรถจักรยานยนต์ตามที่ ศอฉ แถลง เพราะอาจกระเทือนและระเบิดตัวเองได้ และน้ำหนักมาก และการขนของจำนวนมากโดยจักรยานยนต์น่าจะทุลักทุเลมาก.
2). เมื่อเจอเจ้าหน้าที่ทหารอากาศดักจับจึงจอดรถแล้วถืออาวุธทั้งหมดนั้นวิ่งหนี แต่พอจะหนีไม่พ้นจึงทิ้งอาวุธเหล่านั้นแล้วปีนกำแพงหนีไปได้. น่าสงสัยว่าคนร้ายจะถืออาวุธมากขนาดนั้นและน้ำหนักมากขนาดนั้นวิ่งหนีโดยไม่กระทบกระเทือนระเบิดได้หรือ ? จะกล้าแบกทั้งหมดวิ่งหนีหรือ? และจะวิ่งได้เร็วถึงขนาดทหารตามจับไม่ทันเชียวหรือ?.
3). คนร้ายปีนกำแพงหนีไปได้. ทหาร ตำรวจ สนธิกำลังกัน มีด่านสกัด มีวิทยุสื่อสาร ทำไมดักจับไม่ได้? และรถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ น่าจะตามหาเจ้าของมาสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายได้. ถ้าสุดท้ายทางการไม่สามารถจับคนร้ายได้ ก็น่าสงสัยว่าเป็นการสร้างเรื่องหรือไม่?
4). อาวุธสงครามควรมีแต่ของกองทัพ. น่าจะมีการตรวจโค๊ดของหัวระเบิดทุกลูกว่ามาจากหน่วยไหน. และน่าจะมีการตรวจจำนวนอาวุธในคลังแสงต่างๆว่าอาวุธยังอยู่ครบหรือไม่? อาวุธสงครามเหล่านี้เป็นไปได้หรือไม่ที่จะถูกขายออกมาจากหน่วยสรรพาวุธบางหน่วย. เพราะอาวุธเหล่านี้เอกชนไม่น่าจะซื้อมาเองได้.
การแถลงของ ศอฉ ครั้งนี้ จึงมีข้อน่าสงสัยว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง หรือมีใครต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อประโยชน์บางอย่าง?
Create Date : 28 เมษายน 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 28 เมษายน 2553 22:37:56 น. |
Counter : 625 Pageviews. |
|
|
|
เพราะก็คาใจเหมือนกัน