นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ กับความหวังที่เลือนหาย
จากเรื่องเดิมที่ว่า คุณพ่อแฟน เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และเป็นการลุกลามจาก ตับ ไปยังสมอง และ ปอด อีกทั้งยังลามไปยังถุงน้ำดี และทาง โรงพยาบาลจุฬา และ รพ.ราชวิถี บอกปฏิเสธไม่รับรักษาแล้ว โดยให้เหตุผลที่ว่า มันเป็นมากกว่าที่ยาใดๆจะช่วยไว้ได้แล้ว

พวกลูกๆ (ส่วนผมน่ะแค่ลูกเขย) จึงหันมาหาทางสมุนไพรกัน เพราะเป็นทางออกสุดท้ายที่จะมีได้ ควานหาหมอที่มีความสามารถทางด้านนี้ที่เก่งๆ....แต่จะสายเกินไปไหม...ทำไมเราถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยไม่มีใครมาสนใจหรือใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย มันช้าไปไหมที่จะช่วยยื้อ....

ตัวผู้ป่วยเองแรงก็ยังมีแต่การตอบรับสิ่งรอบข้างก็แย่ลงไปเรื่อยๆ การหายใจก็ทำได้แย่ลง เพราะตอนนี้ผลเอ๊กเรย์.....ปอดเป็นฝ้าขาวแล้วหายไปข้างนึงแล้วต้องให้ออกซิเจนช่วยหายใจ..และต้องย้ายไปอยู่ห้อง ICU...มันแย่ลงไปเรื่อย (ทั้งๆที่ก็กินยาสมุนไพรเข้าไปช่วยในระยะ 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา...แต่แกก็ดีขึ้นจริงๆ คิดว่างั้นคือไม่ทรุดฮวบลงไป)

พฤติกรรมผู้ป่วยเท่าที่ดูก็คือกินยาสมุนไพรได้ยาก...เพราะแค่กินข้าวก็ลำบากแล้ว เจอลูกกลอนก้อนเท่าปั้นให้กินเหมือนกับว่า....ถ้ากลืนไม่เข้าก็ติดคอตายไปซะ....


จนเมื่อข่าวลงว่า...หมอเทวดา นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ สามารถช่วยคนเป็นมะเร็งให้หายได้จริง...ลูกๆก็มีแรงใจขึ้น ควานหาเบอร์โทรร้านคุณหมอจนได้ทั้งเบอร์ติดต่อและที่อยู่มา
(เบอร์ติดต่อ 036-511066 อยู่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี)

หลังจากโทรไปสอบถามกับผู้ช่วยของคุณหมอ และเล่าอาการให้ฟัง คำตอบคือ...คุณหมอไม่รักษาให้หรอกนะเพราะอาการเป็นมากถึงขนาดนั้นแล้ว คุณหมอช่วยได้แค่ผู้ป่วยที่เพิ่งจะเริ่มเป็นเท่านั้นคือ ระยะที่ 1 หรือ 2 แต่ถ้าเป็นระยะที่ 3 หรือเลยจากนี้ไปแล้ว หมดทางช่วยแล้วครับ...

แต่....ถึงอย่างงั้นก็ไม่ลดละ ในวันรุ่งขึ้น ออกเดินทางกันแต่เช้า (ตี 5 กว่าๆ) ไปกันแค่ ผมและแฟน และน้องชายแฟน ขับจาก กทม. ไป สิงห์บุรี เพื่อไปขอพบคุณหมอ โดยหวังเพียงว่า...ขอให้หาย

เมื่อไปถึงที่ คลีนิคคุณหมอ ตอนเกือบจะ 7 โมงเช้า....พบคนไข้อื่นๆมารอกันเยอะมากๆ มากันในแบบทั้งที่ยังไม่เป็นอะไรมากและแบบ ต้องหอบหิ้วกันมา ผู้ป่วยบางรายก็ไปนอนรอในรถตัวเอง...เห็นภาพแล้ว นี่มันน่าจะเกินระยะที่ 2 ไปแล้วด้วยซ้ำ...แต่ก็คงมาด้วยความหวังแบบที่เรามาเหมือนกัน



ก็แยกย้ายคนนึงก็ไปลงชื่อ อีกคนก็ไปสอบถามผู้ช่วยหมอสมหมาย

ได้คิวที่ 76 ในเวลา 7 โมงเช้า (หาที่จอดรถยากมา)




แต่น้องชายแฟนก็เดินมาบอกให้ไปดูอะไร.....กระดาษข้อความที่แปะบอกอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าบ้านคุณหมอ



ข้อความเขียนบอกว่า

"คนไข้เป็น ภูมิแพ้ คัดจมูก จาม คัน ติดต่อที่โต๊ะสอบถาม"

"คนไข้เป็นมะเร็งปอด ต้องมีผล เอ็กซเรย์ ระยะไม่เกิน 2 อาทิตย์"

"คนไข้เป็นมะเร็งรังไข่ หลังผ่าตัด 1 เดือน พอรักษา เกินนั้นรักษาไม่ได้"

"มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่ คุณหมอไม่รักษา"

"คนไข้เป็นมะเร็งตับ ท้องโต ตาเหลือง รักษาไม่ได้"

"คนไข้เป็นมะเร็งทุกชนิด กินได้น้อย เดินไม่ได้ ผอมไม่มีแรง ยากที่จะรักษา ให้กลับบ้านไปรักษาตามอาการ"

"คนไข้เป็นมะเร็งทุกชนิด ถ้ากระจายไปตับ และ กระดูกยากที่จะรักษา"


ได้อ่านตามนี้..ก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องเข้าไปพบหมอเลยว่า...หมอไม่รับรักษาแล้วนะถ้าอาการเป็นไปตามที่บอกนี้....

ภาพคุณหมอที่กำลังตรวจไข้ให้ผู้ป่วยรายอื่นๆอยู่ ถ่ายจากไกลๆ





อายุปาเข้าไป 89 แล้วยังดูแข็งแรงหน้าตาสดใส


พวกเราจะอยู่รอคุยก็คิวที่ 76 และแต่ละรายใช้เวลาตรวจก็นานมาก...อีกอย่าง อาการของพ่อแฟนก็อย่างที่ป้ายข้างหน้าบอกไว้คือ ยังงัยก็รักษาไม่หาย ปรึกษากันแล้วว่า...มาเห็นด้วยตาแล้ว ไม่ใช่แค่ที่โทรคุยกับผู้ช่วยคุณหมอบอก....

....เราพบกันช้าไป เราปล่อยให้อาการมันลุกลามจนไม่สามารถควบคุมมันได้ เพียงเพราะความไว้ใจใน วิทยาการสมัยใหม่ที่ รพ.จุฬา ที่ขึ้นชื่อว่าเค้าเก่ง..แต่ก็ยังเอาไม่อยู่......และนึกย้อนไปว่า..ทำไมของดีๆที่มีอยู่ในไทย ถึงไม่สนับสนุนกันให้แพร่หลาย.....หรือต้องรอให้ต่างชาติมาเจอแล้วขโมยจดสิทธิบัตรกันก่อน แล้วค่อยมาทวงหาความชอบธรรมบนความสับเพร่าของตัวเอง มัวรออะไร มันมีขั้นตอนยุ่งยากและต้องใช้เวลานานหลายสิบปีเลยใช่ไหมในการที่จะเซ็นต์เอกสารอนุมัติหรือการส่งเสริมสมุนไพรอย่างเอาจริงเอาจังให้มากกว่านี้ และสร้างบุคคลากรทางนี้ให้เยอะกว่านี้ให้เหมือนอย่าง คุณหมอสมหมาย ทองประเสริฐ อีกซัก 1000 คน คงช่วยชีวิตคนหลายคน...ทำไมต้องให้มาความหาคนเก่งคนดีกันเอาเอง......หรือเพียงเพราะว่า ผู้ป่วยเหล่านั้น "ไม่ใช่ญาติกู..ไม่ใช่คนที่กูรัก" ถ้าคิดได้แค่นั้นก็ขอว่าอย่าให้คนที่คุณรักต้องมาเป็นโรคนี้เลยนะ ...สาธุ

สุดท้ายขอให้บทความนี้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ไม่เคยใส่ใจตัวเอง ไม่ดูแลสุขภาพตัวเองแล้วเปิดอ่านมาพบเจอโดยบังเอิญ

ขอเพียงตรวจสุขภาพซักปีละครั้ง หาความเสี่ยงการเป็นมะเร็งให้เจอโดยเร็ว หากพบ อย่าปล่อยปละละเลย บอกแฟน บอกพี่น้อง ให้ช่วยกันหาทางรักษาให้เร็ว อย่าไปหวังกับ รพ. เพียงอย่างเดียว ให้หาจากทุกทาง...จากที่ได้ข้อมูลมา สมุนไพรไม่เคยไปขัดกับยาของหมอแผนปัจจุบัน อีกทั้งยังมีให้เห็นอยู่เนืองๆว่ายาสมุนไพรช่วยคนได้จริง......แต่หมอแผนปัจจุบันกลับอ้างว่าอย่าไปใช้...ก็แล้วงัยครับ นี่งัยคุณพ่อแฟนผมไม่ใช้เพราะเชื่อคุณหมอ..แล้วงัยสุดท้าย คุณหมอมาปล่อยให้นอนรอความตาย.......อยากบอกให้รู้ไปเลยว่า เป็นไปได้ ให้คุณหมอไปเรียนเพิ่มด้านสมุนไพรด้วยนะคิดว่า หมอยังไม่เก่งพอที่จะช่วยคนได้....(ก๋ง ผมก็เสียจากมะเร็งตับ เมื่อหลายสิบปีก่อน ก็มาจาก พวกหมออย่างงี้เหมือนกัน...จนคิดว่าคนไข้กลายเป็นหนูทดลองยาของหมอเหรอเนี่ย ไอ้ยาสมัยใหม่ที่คอยแต่จะทำลายและดูดเงินเรา...คีโมเอย....เฮ้อ.....ดูเหมือนเราจะช้าเกินไป....อีกแล้ว)

.......แล้วจะโทษใคร...ชีวิตเรา ก็ต้องดูให้ดีเอง ใครจะมาดู.....

ตอนนี้ทำได้แค่เฝ้ารอว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ คงทำได้แค่ปลอบใจและให้กำลังใจกันสำหรับคนที่ยังอยู่และต้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์นั้นเอาไว้

************************************
อัพเดทวันที่ 7 กันยายน 2553
น้องชายแฟนโทรมาบอกว่า ปาป๋า อาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้ เพราะแกหายใจลำบากมากๆ (เพราะปอดหยุดทำงานไปข้างนึงแล้ว)...........ทำไมมันเร็วอย่างนี้ เมื่อวานก่อน แกยังไม่มีอาการหายใจหอบให้เห็นเลยมีแต่เพียงอาการอ่อนเพลียลืมตาปรือๆแค่นั้น....

เมื่อวานนี้ผมเองก็ไปเยี่ยมแกในห้อง ICU เห็นแกหายใจรัวๆเหมือนคนหายใจไม่ทัน เหมือนวิ่งอยู่ตลอดเวลาอย่างงั้น...อัตราการเต้นของหัวใจขณะนอนหลับ 122....แต่เมื่อลืมตาตื่น พุ่งไป 130

แล้วแกก็ตื่นขึ้นพร้อมพยายามยื่นมือออกมาจากผ้าห่มมาที่ผม เหมือนจะให้ดูว่า sensor ที่คีบไว้ที่ปลายนิ้วชี้ข้างซ้ายของแกมันหลุด...ซึ่งก็จริงๆ เครื่องตรวจมันร้อง....ผมก็จับมือแกแล้วเอาที่คีบมาคีบกลับเข้าไปที่นิ้วเดิมแก็วางมือลง..ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...แล้วกลับไปหายใจหอบๆเช่นเดิม....
** จนขนาดนี้...แกยังรู้สึกตัวเองอยู่นี่น่า...น่าจะยังรู้เรื่อง ความอดทนของป๋าช่างมีเยอะจริงๆ...**

ลอง จับจังหวะการหายใจของแก แล้วหายใจตาม......ไม่ทันเท่าไหร่ ผมก็เหนื่อย....มันลำบากมากเลยเพราะรับอากาศเข้าไปได้น้อย เข้าใจเลยว่า ถ้าได้สูดอากาศอย่างเต็มๆปอดซักครั้งมันโล่งเหมือนขึ้นสวรรค์สำหรับคนยังปกติ แต่สำหรับปาป๋าล่ะ ถ้าถอนหายใจสุดท้ายแบบยาว..................มันก็คงสบายไม่ต้องลำบากอย่างงี้อีกต่อไป........

แพทย์ให้ญาติมาเซ็นเอกสารการรักษาว่า จะให้สอดท่อช่วยหายใจทางปากหรือไม่ และจะให้ใช้เครื่องปั๊มหัวใจหรือเปล่า...โดยให้ความเห็นว่า...ถ้าจะปั๊มหัวใจ แนะนำให้สอดท่ออากาศในคอด้วยเพราะจะช่วยได้เยอะมากๆ แต่ถ้าครอบไว้เฉยๆ ไม่มีผลอะไร.... และยังให้ความเห้นต่อไปอีกว่า...ตอนนี้แกจะเบลอเพราะเลือดมีปริมาณอากาศน้อยลงสมองจะไม่ค่อยรับรู้เท่าไหร่...หากสอดท่อเข้าไปในลำคอคนไข้ก็จะดีขึ้นมาคืออย่างน้อยก็รับรู้ได้เยอะขึ้น....แต่ก็จะรับรู้ความเจ็บปวดไปด้วยนะ และอาการก็จะกลับมาแย่ลงอีกภายในไม่กี่วัน คือง่ายๆ ไม่เกิน 1 อาทิตย์หรือน้อยกว่านี้ เพราะสภาพภายในมันเริ่มล้มเหลวไปเกือบหมดแล้ว....

พี่ๆน้องๆ ตัดสินใจ เซ็นต์ให้ไม่ต้องปั๊มหัวใจและไม่ต้องสอดท่ออากาศ....เพราะหากยื้อแกไว้ สร้างความทรมานเกินไปไหม....อยากให้แกจากไปอย่างสงบโดยอย่างน้อยแกจากไปอย่างไม่ต้องตื่นขึ้นมาเจ็บปวดแล้วจากไปทั้งอย่างงั้น...

ตอนนี้คงบอกอะไรไม่ได้มากว่าในแต่ละ ชม.ที่ผ่านไปอาการแกจะ drop ลงไปอีกขนาดไหนจากที่เมื่อเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อ 20 ชม. ก่อน.....

วันนี้ต้องรีบออกจากที่ทำงานเร็วๆ งดไปออกกำลังกายที่ Fitness เพื่อพาแฟนไปหาปาป๋า....งานก็เยอะจริงๆช่วงนี้ บ้านก็กำลังอยู่ในช่วงสำคัญ(มันก็สำคัญทุกช่วง เพราะมันคือบ้านหลังแรกของครอบครัวเราตั้งใจอยากให้มันดีที่สุด)......ทำไมทุกอย่างมันรุมวุ่นวายอย่างงี้ งงไปหมด



Create Date : 06 กันยายน 2553
Last Update : 7 กันยายน 2553 15:56:19 น.
Counter : 12206 Pageviews.

2 comments
  
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ซึ่งกันและกันนะครับ

ขอบคุณครับ
โดย: กรรไกรรัตนะ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:38:45 น.
  
แวะมาอ่านจร้าขออนุญาตฝากเว็บไว้ในอ้อมกอดน้อยๆด้วยนะครับ|เข้าชมเว็บ บิ๊กอายขอบคุณครับ
โดย: bigeye (tewtor ) วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:18:22:39 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Thandagra
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 65 คน [?]




กันยายน 2553

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30