Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 

สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 3)



ขาไปคอนพะเพ็ง ถูกน้องเหลืองขึ้นมาแซวชาวคณะเลยล่ะ

"โอ๋ย...น้องเหลืองว่าอ้ายเอื้อยนี้ ถ้าจะมีโซคดีหลายน่อ ปากเซวันนี้ แดดถ้าจะฮ้อนหลายๆ เมื่อคืน ฝนมาต๋กต้อนฮับเต๋มคืน มาหลี่ผี รถก่ะมายางแตก แถมรถที่ไปซ่อย ไปต๋กหล่มซ้ำแห๋มเนาะ โอ๋ย...นี่อ้ายเอื้อยจำเลขทะเบียนรถได้บ่อ ?"

เรียกเสียงเฮฮาทั้งคันรถ แถมมีบางรายเอิ้นบอกว่าไม่ต้องห่วง จดหมายเลขรถไว้แทงหวยเรียบร้อยแล้ว ทำให้น้องเหลืองหัวเราะชอบใจ

เลยได้ความรู้อีกว่า ในเมืองลาว มีหวยออกทุกราย 5 วัน แถมด้วยหวยจากเมืองไทยอีก 2 งวดใหญ่ โท้.... เล่นหวยกันเสรีดีแท้ๆ แถมถ้าถูกรางวัล เจ้ามือไม่มีอั้น และจ่ายให้เต็มราคาอีกด้วย

คุยกันเรื่องหวยไม่ทันไร รถเลี้ยวเข้าน้ำตกคอนพะเพ็งเสียแล้ว น้องเหลืองจำต้องลงจากรถไปประสานกับทางด่านเพื่อซื้อปี้เข้าชมน้ำตกตามระเบียบ...




หน้าตาของปี้เข้าชมน้ำตกคอนพะเพง ดูไม่หรูหราเหมือนที่หลี่ผี เพราะที่นี่ ทางแขวงจำปาสักเป็นผู้ดูแลเอง



ลงจากรถเดินผ่านบริเวณร้านค้า เพียงแค่มองก็พอรู้ว่า คงไม่มีปลาจากแหล่งอื่นมาปะปนขายให้กับนักท่องเที่ยวเป็นแน่



เดินอีกเพียงนิดเดียว ก็มาถึงศาลาชมน้ำตกแล้วครับ

ถึงตอนนี้ เปิดโอกาสให้ลูกทัวร์ต่างพากันเก็บรูป "ที่ละนึก" ตามอัธยาศัย




รวมทั้งตัวผมด้วยเช่นกัน



แถมยังมีป้ายบอกบริเวณโดยสังเขปของพื้นที่ "สี่พันดอน" ให้นักท่องเที่ยวได้ทราบอีกด้วย



ขอซ้อนภาพ ขณะเขาจัดท่าทางถ่ายรูปหมู่ของคณะทัวร์ครับ



หลังจากที่อิ่มเอมกับทิวทัศน์ของน้ำตกคอนพะเพงกันถ้วยทั่วแล้ว คณะทัวร์ต่างทะยอยกันเดินกลับมาหาช่องทางละลายทรัพย์ ผันเงินสู่มือชาวบ้านกันต่อไป



ผมมายืนดูเครื่องหน้าตาแปลกๆ เครื่องนี้ ซึ่งมีตัวหนังสือเวียตนามกำกับอยู่ด้วย

วนเวียนดูไปมาได้พักหนึ่ง ถึงจะสรุป ซตพ.ได้ว่า เป็นเครื่องหีบอ้อยสดขายให้กับนักท่องเที่ยวนั่นเอง




ยังมีสมุนไพรประเภทยาโป๊ว บำรุงกำลังวางขายด้วยนะครับ

ทราบจากผู้จัดทัวร์ว่าเป็นหัวว่าน "ปลาไหลเผือก" หรือมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่าว่าน "สาวน้อยตกเตียง" น่ากลัวสรรพคุณคงแรงจนสาวน้อยต้องตกเตียงโน่นแหละ

วิธีใช้ก็หั่นเป็นแว่นลงดองในเหล้า ปล่อยทิ้งไว้จนได้ที่ ก็ซดเป็นน้ำกระสายก่อนอาหารวันละกรึ๊บก็พอ (กรึ๊บเป็นจอกนะครับ ไม่ใช่กรึ๊บเป็นแก้ว เดี๋ยวเกรงว่าจะเมาน้ำกระสายไปเสียก่อน)

ตัวยาตัวนี้ผมยังไม่รับรอง เพราะไม่ได้ซื้อมาลองน่ะครับ




สำหรับของ "ที่ละนึก" นั้น หากขายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพในป่าในดงก็ดูกระไรอยู่

ดูจากฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่รอจำหน่ายเป็นพวงนี้ก็ได้ครับ แถมยังมีเสียงร้องเวลาจับออกมาดูอีกด้วย




แต่ตัวนี้ เจ้าของไม่ขาย...

เอามาไว้เป็นเพื่อนเวลามาตั้งแผงขายสินค้า แถมยังเป็นตัวโชว์ดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยวให้เข้ามาที่แผงอีกด้วย



ช่วงขากลับ ผมเห็นบรรดาโรงงานใหญ่น้อยต่างๆ ผุดขึ้นมาหลายแห่งทีเดียว

น้องเหลืองอธิบายว่า เป็นโรงงานต่างๆ ที่บรรดานายทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาก่อสร้างในแขวงจำปาสัก เช่น บริษัท เบียร์ลาว จำกัด ก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่เพื่อผลิตเบียร์หนึ่งในสองแห่งที่มีในลาว บริษัทของเวียตนามที่มาลงทุนทำกิจการสวนยางพารา และบริษัท ซีพี.จากประเทศไทย ที่เข้ามาลงทุนก่อสร้างฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารตามความถนัดที่มีอยู่ของตนเอง




พอตกเย็น คณะทัวร์กลับมาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ

ผู้จัดได้ฝากป่าวประกาศแจ้งให้ทราบทั่วกันว่า หลังมื้อเย็นแล้วอย่าเพิ่งไปไหน เพราะจะมีการแสดงต้อนรับคณะทัวร์จากทางโรงแรม รวมถึงการจับรางวัลสมนาคุณจากทางผู้จัด ก่อนที่จะแยกย้ายกันพักผ่อนในเวลาสามทุ่มเศษ

ต้องรอดูว่า จะมีทีเด็ดอะไรมาต้อนรับคณะทัวร์บ้างหนอ...




ยังพอมีเวลาว่างเหลืออยู่อีกเล็กน้อย สองพี่น้องก็ชวนกันเดินออกจากโรงแรม ข้ามถนนมายังวัดหลวง ปากเซ

น้องผมบอกว่าวัดนี้เป็นสถานที่บรรจุอัฐิของสายตระกูล ณ จำปาสัก และเป็นวิทยาลัยสงฆ์ปากเซ วิทยาลัยสงฆ์หนึ่งในสองแห่งของลาว โดยอีกแห่งนั้นอยู่ที่กำแพงนครเวียงจันทน์




บริเวณวัดครับ น้องผมบอกว่า หากเจ้าอาวาสท่านมีธุระ จะปิดอุโบสถมิให้คนภายนอกเข้าไปข้างใน คงกลัวเหมือนอย่างเจ้าอาวาสในบ้านเรากระมัง ?

ขออนุญาตท่านเข้าไปมองเมียงแค่พักเดียว อีกไม่กี่วัน พวกย้อนกลับมา เข้าไปลักพระหายไปเกลี้ยง แบบนี้เจอเข้ากับใคร ๆ ก็เข็ด...




ตามประวัติความเป็นมา กล่าวเพียงคร่าวๆ ว่า

"วัดหลวง เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ตั้งอยู่ไกล้กับแม่น้ำเซโดน สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2478

วัดหลวง ปากเซ เป็นวัดเก่าแก่โบราณและมีความสำคัญเนื่องจากเป็นสถานที่เก็บอัฐิของ เจ้าเมืองราชสกุลสายจำปาสัก หลายพระองค์ รวมทั้งอัฐิของท่านกระต่าย โดนสะโสลิด อดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยม มีลักษณะเป็นสถูปเจดีย์ เรียงรายโดยรอบวัด

จุดเด่นน่าชม อยู่ที่บานประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถของวัดหลวงที่แกะสลักด้วยไม้ลวดลายสวยงาม ภายในวัดหลวงยังมีพระอุโบสถเป็นอาคารเก่าแก่ ซึ่งใช้เป็นหอสมุด ส่วนด้านหลังเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น อยู่ติดกับแม่น้ำเซโดน ใช้เป็นสำนักเรียนปริยัติธรรมของพระสงฆ์ ซึ่งเป็นศูนย์การเรียน การสอนของพระในเมืองปากเซ"




งานนี้ ผมต้องตกที่นั่งบันทึกภาพให้น้องกันหน่อยล่ะ



ดูจากภาพไปพลางๆ นะครับ



สถานที่บรรจุอัฐิของเจ้าเมืองและสายสกุล ณ จำปาสัก รวมถึงญาติโยมของทางวัด แต่แกะอ่านตัวอักษรลาวไม่สะดวกครับ เพราะความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาแล้ว



เก็บภาพสุดท้ายแล้ว ตัดใจชวนกันเดินออกจากวัดเลยล่ะ



มาตั้งหลักกันใหม่ที่หน้าวัด มองตรงไปยังวงเวียนหลักศูนย์ (กม.0)

ตามจริงแล้วมีการเล่นแสงไฟตรงวงเวียนด้วย แต่นิสัยดั้งเดิมของกล้องดิจิตัลไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ เลยได้เท่าที่เห็น




วงเวียนนี้ ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นต้นทางหลวงสาย 13 สายเลี่ยงเมืองปากเซไปยังแขวงสะหวันนะเขต จนถึงกำแพงนครเวียงจันทน์

หากแยกซ้าย จะเข้าตัวเมืองปากเซและริมแม่น้ำโขง




ลองเดินไปตามทางหลวงสาย 13 อีกนิดเดียว จะเป็นสะพานข้ามลำเซโดน และทางหลวงสายนี้จะไปบรรจบเส้นทางออกจากเมืองด้านเหนือที่หน้าเดิ่นยนต์ (สนามบิน) นานาชาติปากเซครับ

ลองเดินข้ามสะพานเซโดนไปได้สักหน่อย พอดีน้องผมบอกว่าได้เวลาอาหารที่โรงแรมแล้ว เลยละความตั้งใจกลับไปทานข้าวมื้อเย็นดีกว่า




หลังจากมื้อเย็นผ่านไป ก็เข้าบรรยากาศรับแขกด้วยการรำดอกจำปา โดยนักเรียนมัธยมจากเมืองปากเซ

แขกที่รับดอกจำปาจากน้องๆ นางรำเหล่านี้ จะนำมาทัดหูตามธรรมเนียม




ลำดับต่อไป ตามด้วยรำเซิ้งสาละวัน โดยมีพี่ร่วมโต๊ะรินบรั่นดีฝรั่ง on the rock มาให้จิบด้วย (แฮ่ม... ของแท้นะครับ)



ต่อด้วยระบำชนเผ่า (ฉบับย่อ) ของลาว



คราวนี้ก็ถึงคราวแขกผู้มาเยือนบ้าง ซึ่งผู้จัดขอเชิญร่วมรำวง และเต้นรำจังหวะ "ปัดสล็บ" (Paslop) จังหวะเต้นรำยอดฮิตของลาว โดยอย่าให้แพ้เด็กนางรำซึ่งเชี่ยวชาญทุกคนอยู่แล้ว ผู้ที่ต้องเสียสละก่อนใครเพื่อน เห็นจะเป็นหัวหน้าสำนักฯ และรองฯ นั่นเอง

ผมคิดว่า หากใครร้องเพลงลาวได้สักสองสามเพลง รำวงได้ และเต้น "ปัดสล็บ" เป็น ก็ออกงานสังคมในลาวได้สบายๆ แล้วล่ะ

ขอยกคำอธิบายจาก sanook.com มาสร้างความเข้าใจกันก่อนนะครับ


........................

"ปัดสล็บ" (Paslop) คือการเต้นรำหมู่ของประเทศลาว วิธีเต้น เต้นเป็นแถวหลายๆ คนทั้งชายทั้งหญิง ส่วนมากจะเต้นกันในงานมงคล หรืองานรื่นเริง

หากใครได้ดูหนังเรื่อง"สะบายดีหลวงพระบาง" จะมีฉากนี้ทั้งสองภาค ตอนที่นางเอกชวนพระเอก(อนันดา) ไปงานแต่งงานเพื่อนนางเอก และมีฉากการเต้นรำที่เต้นเดินหน้า ถอยหลัง ไปซ้ายไปขวา สลับขาไปมา นั่นแหละครับที่เรียกว่า"ปัดสล็บ"

.................




หลังจากมอบรางวัลให้เป็นสินน้ำใจแก่นักเต้นชั้นมัธยม และแขกผู้เต้น "บัดสลบ" ได้นานที่สุดแล้ว ทางผู้จัดก็เริ่มแจกรางวัลแก่ลูกทัวร์เป็น ไมโครเวฟ กระทะไฟฟ้า และจิปาถะ แต่ดวงของผมไม่มีโชคแม้แต่ชิ้นเดียว

แต่ตอนงานเลิกและประคองตัวเองขึ้นไปที่ชั้น 3 นี่สิ ผมต้องค่อยๆ เล็งเสาระเบียงให้แม่นๆ และค่อยๆ เดินไปเกาะเสาตามลำดับต้นจนถึงหน้าห้องพัก

โหย...เหล้าฝรั่งอะไรน้อ แรงปานนี้ ?

ยืนรับลมเย็นรวบรวมสติสัมปชัญญะอยู่ตรงระเบียงได้อีกสักพัก พอดี buddy ซึ่งถือกุญแจห้องคืนนี้โผล่ขึ้นมา เลยรีบไขห้องให้ผมเข้าที่พัก ส่วนตัวแกนั้นลงไปสังสันทน์กับเพื่อนฝูงกันต่อ

อาบน้ำอาบท่าเสร็จ นอนกลิ้งเลยครับ เลยไม่ทราบว่ามีฝนตกทั้งคืนที่ปากเซอีกแล้ว ทำให้ผมนอนสบายจนถึงรุ่งเช้านั่นแหละ


จบตอนที่สาม ...




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2555
0 comments
Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 22:33:01 น.
Counter : 5068 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add owl2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.