ตุลาคม 2549

1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
5 ตุลาคม 2549
ปี 2549 ภาคสาม
ในเดือนตุลา

2046 เป็นหนังจีนฮ่องกง ถือว่าเป็นเรื่องต่อจากหนังชื่อ In the Mood for Love จากผู้กำกับคนเดียวกันคือ Kar Wai Wong ว่าเรื่องนี้ช้าอ่ะ แต่เพลงเพราะนะ มีดาราจีนหลายคนที่รู้จักกันดี เช่น Gong Li, นางเอกจากเรื่องCouching Tiger, Tony Leung Chiu Wai หรือเหลียงเฉาเหว่ยบ้านเรา

เนื้อเรื่องเกี่ยวกับพระเอกเขียนนิยายเกี่ยวกับการเิดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคต แล้วคนที่เดินทางไปก็เพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำหรือความหลังในอดีต ฟังดูน่าสนใจนะ..เพียงแต่เิดินเรื่องอืดจัง

ฺำBewitched คนที่ไม่เด็กเกินไปคงเคยได้ดูทีวีซีรี่ย์..แปลเป็นไทยก็"แม่มดสาวเจ้าเสน่ห์" (ถ้าจำไม่ผิด) Samantha ภาคหนังใหญ่เล่นโดย Nicole Kidman เรื่องนี้แกน่ารักนะ ว่าส่วนหนึ่งจากเสื้อผ้าที่เขาจัดให้แกใส่ คนสวยอยู่แล้ว ใส่เสื้อผ้าน่ารัก ก็ดูน่ารัก

ตัวพระเอกแสดงโดย Will Ferrell บางฉากเนี่ยดูแล้วเหมือน Saturday Nigth Lives ที่เขาเชิญพวกดารา นักร้องหรือคนดังๆมาเล่นด้วยเลย เพราะWill F.แกดังมาจาก SNL หลายๆอย่างมันมีsignatureหรือกลิ่นไอจากรายการนั้นน่ะ

How's Your News? อันนี้เป็นหนังสารคดีเกี่ยวกับคนห้าคนที่มาจาก Camp Jabberwocky ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับพวกที่มีสติปัญญาค่อนข้างจะต่ำกว่าคนทั่วไปหน่อยหรือคนที่มีสภาพร่างกายที่ต่างจากคนทั่วไป เขาก็เอาคนห้าคนนี้มาเดินทางcross countryสัมภาษณ์คนตามท้องถนนในเมืองต่างๆที่หยุดแวะ น่าสนใจนะ ดูแล้วตลกน่ะ..เป็นตลกแบบน่ารักๆ

คนกำกับหนังคือ Arthur Bradford ซื่งเป็นคนเขียนหนังสือชื่อ Dogwalker พอดีอ่านหนังสือเขาแล้วว่าน่าสนใจดี เลยsearchเกี่ยวกับคนเขียนดู แล้วพบว่าเขาทำหนังเรื่องนี้เมื่อร่วม 7-8 ปีที่แล้ว ดูเบื้องหลังหนังคนที่มีส่วนร่วมคือ คนที่ทำซีรี่ย์ South Park เพราะฉะนั้นอารมณ์ขันในหนังเรื่องนี้มันจะมีส่วนของกลิ่นไออะไรทำนองนั้นอยู่บ้าง ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบ

Spider-Man 2 ภาคแรกไปดูที่ในโรงว่ามันส์ดี (จอมันใหญ่) แล้วลืมไปเลยว่ามันมีภาคสอง ก็ไปยืมมาดูที่บ้าน ดูแล้วไม่ประทับใจเท่าไหร่ ตอนจบ..จบแบบแน่นอนว่าต้องมีภาคสามต่อไป ตัวแสดงที่ว่าเหมือนในหนังสือการ์ตูนสุดๆ คือ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่พระเอกทำงานอยู่น่ะ ที่หัวเหลี่ยมๆ แกเล่นโดยมีคาแรกเตอร์เหมือนอย่างในหนังสือเป๊ะเลย

Firewall จริงๆว่าเป็นหนังthrillerธรรมดาเรื่องหนึ่ง แต่ที่เลือกมาดู เพราะอยากเห็นว่าพวกคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี่ในแบบฮอลลีวู้ดนี่เป็นยังไงนะ แฮริสัน ฟอร์ดแกดูแก่ไปเยอะนะในเรื่องนี้ แกเล่นเป็นคนออกแบบระบบคอมพิวเตอร์(security systems)ให้กับธนาคารแห่งหนึ่ง

มีฉากนึงที่ว่าตลกดีคือ แกขับๆรถอยู่ใช่ไหม แล้วก็หยุดกึก คว้าแลปท็อปออกมา วางแหมะไปบนหลังคารถ เปิดแลปท็อปปุ๊บ แหม..อินเทอร์เนตมาทันทีเลย คลื่นมันคงแรงนะแถวนั้น เปิดปุ๊บ ติดปั๊บ ว่าหนังดูเพลินๆ มีตื่นเต้น..และก็จบตามแบบฮอลลีวู้ดสูตรสำเร็จ

A Home at the End of the World เรื่องนี้ได้ชื่อมาจากหนังสือ Genderism (ดูในหมวดวัน..อ่านหนังสือ--ไทย มีอ้างอิงให้ด้วย เหมือนตำราดีไหม) เป็นหนังเกี่ยวกับความรักในแบบผู้หญิงรักผู้ชาย ผู้ชายรักผู้หญิง และผู้ชายรักผู้ชาย มีลูกด้วยนะ แต่แน่นอนลูกเกิดจากผู้หญิงกับผู้ชาย Colin Farrell รับบทเป็นตัวเอกตัวหนึ่ง ปกติจะเห็นเขาเล่นบทห้าวๆใช่ไหม เรื่องนี้เลยดูออกไปอีกแนว แต่เอาเข้าจริงๆแกก็เล่นเป็นเกย์แบบห้าวๆน่ะนะ

ว่าเรื่องนี้เพลงเพราะดี ขณะเขียนอยู่ ก็ฟังซาวน์แทรกจากหนังเรื่องนี้ไปด้วย

Mixed Nuts โอย..หนังเรื่องนี้ร่วมสิบปีเศษๆได้แล้ว เห็นpreviewว่ามันตลกดี Steve Martinน่ะ แกตลกในตัวเองอยู่แล้ว มาดูสิบปีให้หลังรู้สึกว่าไม่ค่อยตลกเท่าไหร่ มุขหลายๆตอนว่ามันแบบเก่าๆน่ะ Adam Sandlerในเรื่องนี้แกยังเด็กๆอยู่เลยนะ เล่นมุขในแบบSaturday Night Lives ซึ่งเป็นในแบบที่ทำให้แกโด่งดังมา

ที่เห็นแล้วแปลกใจมากคือ Jon Stewart แกเล่นเป็นrollerbladerคนหนึ่ง เห็นในฉากแรกๆไม่รู้นะว่าเป็นแก เพราะใส่helmet มารู้เอาตอนฉากหลังๆ แต่เห็นทีแรกก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นแกจริง จนถึงขนาดต้องpauseดีวีดีให้เห็นหน้าชัดๆ แต่ถึงขนาดนั้น ตอนท้ายเรื่องยังต้องมานั่งดูรายชื่อนักแสดงว่าเป็นJon Stewartจริงๆ แล้วก็ใช่..จริงๆด้วย คือ แกเป็นcomedianทางด้านการเมืองใช่ไหม มาเห็นเล่นรับบทอย่างนี้เลยแปลกใจ สงสัยเป็นตอนเริ่มcareerใหม่ๆ

The Machinist เรื่องนี้Christian Baleแกยอมอดอาหารเพื่อให้ผอมจนน้ำหนักเหลือราวๆ 100 ปอนด์เองนะ ในSpecial Featuresเขาถามว่าแกทำยังไงถึงผอมได้ขนาดนั้น แกบอกก็ "ไม่กิน" ง่ายไหม แกเล่นเป็นคนงานในโรงงานแห่งหนึ่งที่ไม่ได้หลับมาร่วมปี แล้วแกก็เห็นโน่นนี่ แล้วเลยเกิดไม่แน่ใจว่ามันจริงหรือหลอนกันแน่ เป็นหนังออก dark tone ไม่ใช่น่ากลัวแบบhorror แต่โทนแบบdarkน่ะ

เรื่องนี้ถ้าไม่บอก ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าถ่ายทำในสเปนทั้งหมด แต่ละฉากโดยเฉพาะอย่างฉากตามถนน เขาลงทุนเปลี่ยนป้ายร้านค้าต่างๆให้เป็นภาษาอังกฤษหมดเลยนะ แม้กระทั่งตู้โทรศัพท์และเครื่องหมายจราจรก็ทำให้เป็นแบบเมกัน ไม่ให้เหลือซากยุโรปหลงเหลืออยู่

Shower เรื่องนี้เป็นหนังจีนเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่มีพ่อและลูกชายสองคน พ่อเป็นเจ้าของสถานอาบน้ำสาธารณะแบบจีนๆ (ก็พึ่งรู้นะเนี่ยว่าแบบนี้) คือ เป็นแบบสระใหญ่ๆให้ลูกค้า(เฉพาะผู้ชาย)ลงไปแช่น้ำร้อน ดูแล้วไม่ชอบเท่าไหร่ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบอารมณ์ในหนังแบบจีนๆ มันซึ้ง เราดูแล้วก็ไม่ซึ้ง มันตลก ดูแล้วก็ว่าตลกกร่อยๆ ไม่รู้ซิ สงสัยไม่เก็ท

เคยสังเกตไหมว่าหนังจีนทุกเรื่อง ต้องมีฉากนั่งกินข้าวพร้อมหน้ากันในครอบครัวเป็นวงกลม แล้วก็พูดๆๆกินๆๆในฉากนั้นพักนึง แทบทุกเรื่องต้องมีฉากแบบนี้นะ




Create Date : 05 ตุลาคม 2549
Last Update : 19 ตุลาคม 2549 1:31:40 น.
Counter : 434 Pageviews.

4 comments
  
คุณ ซีส์ โดน tag ล่ะ
//web.mac.com/ydelrusso/iWeb/Yin/Blog/BEF08741-8050-478D-8A3F-E29E19E3C13D.html
โดย: หยิน IP: 138.88.90.14 วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:7:05:13 น.
  
ใจตรงกัน พี่ก็เพิ่ง Tag พี่ซีส์ไปหนะ
งั้นก็เขียน 10 เรื่อง เอ้า 5 เรื่องก็พอ
โดย: ทราย IP: 67.189.96.124 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:12:20:30 น.
  
*-*
โดย: นู๋เทพ IP: 222.123.101.16 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:22:08:07 น.
  
โดย: กวย IP: 58.9.32.244 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:2:00:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Overseas
Location :
กรุงเทพ  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อยู่เมืองที่ใครตั้งชื่อไว้ว่า เมืองแดด คนตั้งเขาไม่ได้ล้อเล่นนะ หน้าร้อนนี่ แดดมันร้อนจริงๆ เป็นเมืองไทย ตากผ้าสบายเลย

อยู่มาตั้งนาน ก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่แน่ใจว่าเพราะโชคชะตาหรือความขี้เกียจ

ปล. อายุที่เห็น..เป็นอายุที่อยากอยู่ถึง(ไม่พูดเล่นนะ) พอดีมันสุดแค่ 100 เลือกเลข99 ดูไม่เลว อย่างน้อยก็สวยดี