just one who nobody
ตลุยรอบเกาะ......( 2 ) ตามล่าประภาคาร

ตามล่าประภาคาร ตลุยรอบเกาะ......(ต่อ)


รถพร้อม คนไม่พร้อม เนื่องจากก้นกบโดนกระแทกกับเบาะรถมากเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ ขับไปหลับไป นอนพักที่หอไป1

เหลือรถ2คันกะคนสามคน หุหุหุ ขับคนเดียววุ้ย ซิ่งๆๆๆ ค่อยไปหาคนซ้อนเอาข้างหน้า

4โมงล้อหมุน อืมมม เวงกำน้ำมันไม่มี ถ่อออกไปปากทางเติมน้ำมัน ตัวแดงกลับมาอีกรอบ

......เคลื่อนทัพ.......



10นาทีแรกผ่านไป ชัวแต่ชมนกชมไม้ ชมฝรั่งข้างทาง เกือบตกสะพาน ไม้ขาดไปท่อนขนาดพอดีล้อตกไปได้

เผลอเหยียบเบรคเกือบไถลตกสะพาน รวบรวมกำลังใจ กับสงบจิต ไต่ไม้กระดานรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด

เส้นทางที่ไป ตามแผนที่ ตัดผ่านที่พักไปอีก 13KM. กะเวลาคราวๆ ไม่น่าเกินครึ่งชม. สภาพถนนเป็นดินลูกรัง

อ้อมเขา ขึ้นเนินบ้างประปราย ในกรณีฝนตกไม่ควรเดินทางเป็นอย่างยิ่ง ------นี่คือข้อมูลคราวๆที่เราๆรู้กัน



------สภาพที่เจอ--- ข้อมูลที่หลอกแขกไปไม่ได้ครึ่งของความเป็นจริง ไม่รู้มีใครด่าตามหลังมั่งหรือเปล่า

13KM. ใช้เวลาเกือบ2ชม. ทางเป็นดินลูกรัง บางช่วง ที่เหลือเป็นทางเกวียน บางช่วงมีรีสอร์ทข้างๆกำลังทำ

เพราะฉนั่น ฝุ่นตามทางจะเป็นฝุ่นลอย ซึ่งทำให้ล้อไม่เกาะถนน ทำให้ลื่นได้ง่าย บางช่วงตัดเหลี่ยมผา ไม่ใช่อ้อมเขา

แถมบางโค้งเป็นทางลงเนินที่ชันมาก มีทางแตกเพราะน้ำเซาะ บางครั้ง ตั้งหยุดพักดูใจกัน จะไปต่อกันดีเปล่าหว่า

เอาวะไหนๆก้อไหนๆ พยายามทำใจว่า วิวข้างทางสวยๆพอให้คุ้มสายตา ป้ายบอกทาง 3 KM.สุดท้าย รีบบึ่ง

ถึงคราวซวย เวลาลงเนิน หรือที่นี่ๆเรียกว่า " ควน " ทำไมท้ายมันบัดๆหว่า คิดไปเองมั่ง ขับต่อๆๆ

ตามหลังเพื่อนมา หันไปเห็น ป้ายทางไปน้ำตก กำลังจะเรียกเพื่อนเผื่อแวะน้ำตกก่อน ((เย็นแล้ว ยังมีกะใจแวะ)

เอ.....ทำไมมันหยุดหว่า เลยเดินไปดู เห็นทางน้ำอยู่ข้างหน้า น้ำไม่แน่ใจว่าลึกหรือเปล่า แต่ความสูงจากถนนถึง ทางน้ำ มันสูงหวะ

กำลังงงกันว่า ทำไมทางมันขาดซะเฉยๆ สอบถามกับชาวบ้าน เขาบอกว่า เวลาฝนมา น้ำทะเลจะขึ้นมาทางนี้

ให้ขับอ้อมไปอีกทางหนึ่ง เราเลยแวะพักใจกันแถวๆนั่นก่อน ซัดน้ำกันคนละขวด ดูเวลา 1ชม.กว่าๆ อารายวะ

พักหนื่อย ฟอกปอดกันด้วยมืออันสั่นเทา รู้สึกเหมือน วิ่งมาราธอน นึกไปถึงตอนดำน้ำครั้งแรก ตื่นเต้นเหมือนกัน



เติมแรงกันเต็มที่แล้ว เดินทางต่อ ทางที่ไปได้ ต้องอ้อมไปข้างหลังร้านที่นั่งพักกัน ทางแคบๆประมาณ เดินสวนกันก้อชน

มีคูน้ำเล็กๆ ที่แถวนั่นเขาเรียกว่าลำธาร ขับไปเจอฝรั่งมาคู่หนึ่ง หน้าตาเหนื่อย เดินแบกเป้มา ทักทายตามประสาสยามเมืองยิ้ม

ฝรั่งหัวแดง " !@#$%*&$@#$#@*&^$@$ " ไอรัตตอบ....." ยิ้ม "

ฝรั่งหัวแดงพูดมาอีกรอบ " $%*&$@#$!@#$%*&$@#$#@*&^$@$ " ไอรัตตอบ....." .........ยิ้ม "

ฝรั่งหัวแดงมันยังมาอีก " $%*&$@#$!@#$%*&$@#$#@*&^$@$ $%*&$@#$ " พร้อมโบกมือ

ไอรัตตอบกลับแบบไม่ย่อท้อ.... " ......ยิ้ม..... " พร้อมโบกมือ ต่างคนต่างไป

ก็กรูพูดไม่ได้อ่ะ ภาษาปะกิตเนื่ย พูดไทยดิ พูดไทย



เกือบพารถล้มข้ามคูน้ำ อ๋อ ลำธาร มีหินบ้างปะปราย ข้ามคูเสร็จ หาทางไปไม่เจอ เจอแต่บ้านคน กะวัวสองตัว

เด็กแก้ผ้าอีกคน มองมาหน้าเอ๋อๆ เด็กคนนี้น่าจะเป็นโรคจิตในอนาคต ชอบโชว์ของ

ก้อมีผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาบอกทาง ปรากฏว่าต้องผ่านกลางบ้านเขาไป อ้อมข้ามฝั่งไปอีกข้าง

ว่าแล้วก้อลุยกันต่อ

............ขึ้นเนิน..........ลงควน........

.........แวะชมวิวไหล่ทาง........แวะผลักเพื่อนตกผา.......ไม่ได้ผลแฮะ



อีก400ม.ถึง.......เฮ้อ ซักที.......แต่ขอโทษผ่านมา2เนิน เจอเนินสุดท้าย นึกถึงทางลงโค้งแม่ฮ่องสอนไงงั่นเลย

ชันบรรพบุรุตเลย ไม่สามารถเอารถลงไปได้ พอเบรคถึงท้ายปัด ต้องให้เพื่อนอีกคนเป็นหน่วยกล้าตาย

เอาลงไป รู้ซึ้งถึงคำว่าเพื่อน .....หมอก..... เธอเป็นกระเทยที่บึกบึนมาก น่านับถือ

เอาลงมาได้1ควน แลดูควนต่อไป อืมมม ไม่คุ้มหวะ เอาลง อาจจะเอาขึ้นไม่ได้ เลยจอดคาคาไว้ข้างทาง

เดินเท้ากันลงมา เห็นสภาพรถแล้วไม่รู้เอาชีวิตรอดกลับมาได้ยังไง ดอกยางไม่มี ขากลับให้หมอกมันขับกลับดีกว่า



เดินมาเจอป้าย ทางเข้ากับค่าธรรมเนียม แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ สภาพเหมือนหาดส่วนตัว

เราเลยเดินเข้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้นมุ่งตรงไป ประภาคารจุดมุ่งหมายก่อน

สาวหมอกบอกว่าขอผ่าน ไปเดินเก็บหินกลมๆ บอกว่าชอบลูบ!!! ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่

เดินดูไปเรื่อยๆ เจอป้าย

" คำสาป ห้ามเก็บก้อนหินใดใดออกไปจากที่นี่ ไม่งั่นจะchip "

อืมมมมม เหมือนเกาะตะรูเตาเลย ปีนป่ายขึ้นไปกัน ปรากฎสาวหมอกที่บอกว่า

ไม่ขึ้นไปเด็ดขาด หมดแรง ใจสั่น เธอกลับปีนขึ้นไปก่อนคนแรก สงสัยลืม

เจอป้าย " พื่นที่เขตทหารเรือ " เป็นหย่อมๆ เลยงง ตกลงเขาแบ่งเขตกันยังไงเนื่ย

วิวสวย ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงถูก ทางขวาเป็นโคตหิน ทางซ้ายเป็นหาดทราย ขาวนวล

ประภาคารอยู่บนแหลมเล็กๆ ยื่นออกไปทางทะเล ยืนดูคลื่นโต้กับริมผา ให้ขาสั่นเล่น

เห็นนกทะเลหลายตัว บนหาอาหารอยู่ริมหาด ไม่ใช่หมอนกเขา เลยแยกไม่ออกว่านกอะไร

เดินสำรวจกันรอบประภาคาร พื่นที่ไม่แยะ ขนาดเล็กกว่าที่เห็น

เจอซากอารยธรรม " ขวดเบียรช้าง " เบียรช้างเบียรไทย สงสัยชนช้างนอกสถานที่

บรรยากาศดี หายเหนื่อยอย่างไม่น่าเชื่อซึมซาบกับบรรยากาศแล้วก็เลยเดินทางทางหาด ดูทั่วๆ

หาดทรายเรียบ คลื่นแรง ปูเสฉวนตัวเท่าปูม้า เจอสัตว์เล็ก สัตว์น้อย ลิงกระรอกแยะ ป่ายังสมบูรญ์

ไออบ น้องรัก วิ่งไล่ปูเสฉวน สมวัยมากเลย มีที่จอดฮอฯ แปลกดี ไม่นึกว่าไกลขนาดนี้จะมีที่จอดฮอ

ดื่นด่ำบรรยากาศอยู่นาน สาวหมอกก็คิดอย่างที่ใจเราคิด " บรรยากาศหน้าเสียตัวนะเธอ " วงแตก

หนีกันกระจาย มองหน้ามัน เมื้อกี้บอกว่า อยากพักนี่ ขี้เกียจขับรถกลับแล้วกลัวค่ำ แล้วกรูจารอดมันมั่ยวะ

เดินหาเจ้าหน้าที่กัน หาโทรศัพท์ก่อนอันดับแรก เพราะถ้าพักนี่โดยที่ไม่ได้โทรบอกทางนั่น

เด็กๆที่โน้นเป็นห่วงกันแย่ มีบุคคลสำคัญหายไปถึงสามคน ไม่ควร ผ่านเรื่องโทรศัพท์ แต่ต้องไปซื้อพินโฟนมาใช้ ประเด็นนี้จบไป ทีนี่เริ่มนึกออก แล้วกรูจะกินอะไรฟระ หิว ปูมันย่อยไปหมดแล้วด้วย เจ้าหน้าที่บอกปกติมีคนทำอาหารขาย แต่ตอนนี้เป็นช่วงLow เลยไม่มีใครทำไรให้กิน เต้นใหญ่300 นอนคืน ถือว่าคุ้มกับบรรยากาศอย่างนี้ เลยปรึกษากันกับสาวหมอก ปล่อยไออบมันไปวิ่งไล่จับลิง สรุปว่า อดตายกันแถวนี้ไม่ดีแน่ ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ให้สาวหมอกเขาทำใจจากกับเจ้าหน้าที่หนุ่ม 3วิ แต่สาวหมอกหมายมั่นไว้แล้วว่า อาทิตย์หน้าต้องมานอนให้ได้ ขนอาหารละสิ่งยังชีพ เช่น สุรา " บรรยากาศที่นี่ น่าเสียตัวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหนุ่มเจ้าหน้าที่หล่อๆ เพราะฉนั่นถ้าใครไม่มา แกต้องมากับชั่นนะ " !!!!! อ่าาาาาา เพื่อนพูดอย่างนี้ก็คงต้องรับปากไปด้วยใจระทึก ถ้ามันพลาดจากเจ้าหน้าที่ กรูจะรอดแรงมันหรือเปล่าหว่า



แล้วก็เดินทางกลับ แน่นอน หมอกมันต้องขับรถอีกคันไป เทียบความบึกบึนแล้ว มันบึกกว่า แล้วยิ่งเจ้านายสั่ง ห้ามรัตป่วย ห้ามตาย มัติเป็นเอกฉันให้ไอรัตซ้อนท้ายไออบไป



ขากลับสบายกว่า ตอนมา คงเพราะทำใจไว้แล้ว อืมมมม คงเพราะไม่ได้ขับมากกว่า เลยสบาย ฟ้าเริ่มโพล้เพล้ หิวก็หิว ซิ่งมากก็ตาย เลยต้องขับไปเรื่อยๆ ลงเดินเป็นพักๆ เพื่อความปลอดภัย เหนื่อยจิ๊บ ดันมาเจอฝรั่งข้างทางถามทางอีก ทำไม่รู้ไม่ชี้ ให้เพื่อนจัดการไป แวะดูพระอาทิตย์ตกที่หาดบากันเตียง ((ยังมีกะใจ) เดินตัดผ่านหน้าหาดของโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่า 5 ดาวของเกาะนี้ สวยเหมือนตั้งคอนโดหรูๆที่กรุงเทพมาไว้ " สวยหรู แต่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศ " สาวหมอกให้คำนิยามไว้ตรงกับที่นึกไว้ในใจ พระอาทิตย์ตกที่หาดบากันเตียงสวยสู้ที่หาดคลองนินที่พักอยู่ไม่ได้ ถึงแม้ว่าหน้าหาดจะเรียบ ไม่มีโขดหินหน้าหาดเป็นเว้า เหมือนอ่าว คลื่นจะเรียบมาก แต่จุดที่พระอาทิตย์ตกกับลงที่เหลี่ยมแหลมที่ยื่นออกมา ไม่เห็นฟ้า อย่างที่ควรเป็น หน้าหาดคลองนินโขดหินอยู่มาก แต่กลับทำให้เวลาพระอาทิตย์ตกดูมีสเน่ห์อย่างประหลาด ช่วยเพิ่มฟองคลื่นเวลาซัดมาโดนโขดหิน สะท้อนกับแสงอาทิตย์ตอนใกล้ตกดิน หน้าหาดที่กว้างและไม่มีอะไรบัง เพราะชนกับทะเลนอกของอันดามัน ทำให้เห็นท้องฟ้าไล่เลื่อมสีได้มาก นักท่องเที่ยวมากมาย เดินทางมานับหลายพันไมล์ เพื่อมาดูสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน แค่เวลาพระอาทิตย์ตกไม่ถึงนาที พวกเขาบอกว่าคุ้ม ในขนาดที่บางคน เรียกคนพวกนี้ว่า " คนบ้า " เลยทำให้มีสิ่งให้คิดคำว่าคุ้ม ไม่คุ้ม เอาอะไรตัดสิน เอาอะไรกำหนด และ ใคร เป็นคนกำหนด



ตั้งนิมิตอยู่นาน สาวหมอกชวนกลับ ลากไออบที่ยังวิ่งไล่จับปูลมอยู่กลับขึ้นรถ กลัวมันจะไปกระทำชำเรากับปูลม วิ่งไล่เหลือเกิน ทุกคนเริ่มนึกออกว่าหิว ใจคิด((ดังๆให้พวกมันได้ยิน) อยากไปกินข้าวร้านเฟรชเจ้าประจำ บรรยากาศกับวันหยุดอย่างนี้ ควรจะได้กินอาหารดีๆ ให้เป็นบุญท้อง แต่มันจะบ้าระห่ำเกินไป เพราะร้านนี้ นับจากที่พักขับรถไปอีกด้านของเกาะ ใช้เวลาเกือบครึ่งชม. สรุปถ้าจากตรงนั่นต้องใช้เวลา1ชม.กว่าๆ สาวหมอกไม่เห็นด้วย เธอบอกว่า เหนื่อย จะกินแถวนั่นก็แลดูไม่ค่อยอร่อย เลยว่าจะไปร้านประจำ ดึกแล้ว อากาศหนาว ควรร่ำสุราให้หายหิวข้าว กะว่าเจอกันที่ไมอามี่ ทีนี่ก็ตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างรีบซิ่ง เท่าที่ทำได้ ผ่านควน IBark ให้ไออบจอดรอ เพราะทางชัน แล้วก็แตก อย่างที่คาด สาวหมอกเกือบเอาหน้าไหลลงมา แทนที่จะเอารถไหล แต่เธอสามารถพลิกตัวกลับแล้วลงเนินมาอย่างสวยงามได้ พอเจอหน้า เธอบอกคำเดียว ไปร้านเฟรช กรูหิว ................. อารายฟระเมื้อกี้ยังบอกว่าเหนื่อยไม่ไปอยู่เลย เอ้าไปก็ไป ขับถ่อกันไปอีก ดีที่ร้านเขายังไม่ปิด แสดงว่ามีคนนั่งอยู่ เพราะที่นี่ หลัง2ทุ่มไม่ควรหิว คนที่นี่นอนกันตั้งแต่1ทุ่ม ลูกหลานเต็มเมือง ร้านเปิดดึกไปก็เท่านั่น เพราะคนกลับบ้านนอนกันหมด ได้อาหารดีๆกระแทกพุงกันแล้ว งานนี้ไม่มีสาวๆให้เหล่เพราะมาเขตอำเภอเก่า เลยมีแต่สาวเก่าๆให้แหย่เล่นพอมันๆปากแล้วก็เคลื่อนทัพ กลับ คืนนี้ท้องฟ้ามืด พระจันทร์ยังไม่ขึ้น ดาวสวย น่าไปนั่งดูดาว เลยไปต่อไมอามี่เจอเพื่อนฝูงนั่งอยู่ตรึมเฮฮากันพอเป็นพิธี เมาได้ที่ กลับขึ้นบ้านพัก แรงยังเหลืออีกเลยขนหมอนมานอนดูUBC ต่อ เคลิ้มหลับไปพร้อมเสียงสาวหมอกดังก้องข้างๆหู " นี่แกๆ ต้องไปนอนแค๊มป์กับชั้นให้ได้นะ " อืมมมมม ไม่รู้ก่อนหลับตอบตกลงมันไปหรือเปล่า

lastupdated : 2002-06-03
from storythai.com


Create Date : 26 เมษายน 2553
Last Update : 26 เมษายน 2553 18:27:32 น. 0 comments
Counter : 390 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

outside islander
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




พอเถอะ ผู้หญิง
Khor T ( May i? ) - Noodle Formula
Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
26 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add outside islander's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.