Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
แพทย์ไทยวิจัยพบ เถาวัลย์เปรียง รักษาอาการปวด














กรม วิทยาศาสตร์การแพทย์วิจัยพบสารสกัด
"เถาวัลย์เปรียง" มีสรรพคุณรักษาอาการปวดเทียบเท่า ยาไดโคลฟีแนค
และยานาโปรเซน แถมยังไม่เกิดผลข้างเคียง
เดินหน้ารวบรวมข้อมูลให้องค์การเภสัชฯ ผลิต ...


เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
และโรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
ได้ร่วมกันวิจัยทางคลินิกเพื่อศึกษาประสิทธิผล และผลข้างเคียงของสารสกัด
"เถาวัลย์เปรียง" ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง จำนวน 70
ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงแคปซูล
ขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน
และผู้ป่วยที่ได้รับยาแผนปัจจุบันไดโคลฟีแนค(Diclofenac) ขนาด 25
มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยทั้ง 2
กลุ่มมีอาการปวดลดลงอย่างชัดเจนในวันที่ 3 และวันที่ 7
โดยกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงมีเม็ดเลือดขาวลดลงอย่างมี
นัยสำคัญในวันที่ 7
ของการรักษาแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีรวมทั้ง
ผลข้างเคียง


นพ.จักรธรรม กล่าวต่อว่า
ส่วนการศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงในการรักษา
อาการอักเสบจากข้อเข่าเสื่อมนั้น
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมการวิจัยทางคลินิกกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราช
พยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมเข้าร่วมโครงการจำนวน
125 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาแผนปัจจุบันนาโปรเซน
(Naproxen) ขนาด 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์
และกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาสารสกัดเถาวัลย์เปรียงขนาด 400 มิลลิกรัมวันละ
2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่า
ยาแผนปัจจุบันนาโปรเซนและสารสกัดเถาวัลย์เปรียงมีประสิทธิผลและความปลอดภัย
ไม่แตกต่างกัน และผู้ป่วยที่ได้รับยาทั้ง 2
กลุ่มมีความพึงพอใจต่อการรักษาร้อยละ 80


นางมาลี บรรจบ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กล่าวว่า จากการทดสอบความปลอดภัย
และประสิทธิผลในการเพิ่มภูมิคุ้มกันของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงในอาสาสมัคร
สุขภาพดี 59 ราย โดยให้อาสาสมัครรับประทานแคปซูลสารสกัดเถาวัลย์เปรียง
ครั้งละ 1 แคปซูล (200 มิลลิกรัม/แคปซูล) วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าอาสาสมัครทั้งหมด ไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ
ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสกัดสาระสำคัญและควบคุมคุณภาพให้องค์การเภสัชกรรม
แล้ว เพื่อให้มีการผลิตเป็นยาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม
และมีการใช้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะเพื่อให้โรงพยาบาลต่างๆได้นำไปใช้กับผู้
ป่วยในกลุ่มผู้สูงอายุ



ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ






Free TextEditor


Create Date : 10 พฤษภาคม 2553
Last Update : 10 พฤษภาคม 2553 14:55:29 น. 1 comments
Counter : 265 Pageviews.

 


โดย: nuyza_za วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:05:48 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมหญิง ณ ทรายทอง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมหญิง ณ ทรายทอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.