Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
โครงการ 100 ซอยรัก 3 (จบ)



- - เกศรา & การะเกด - -

ไม่รู้เป็นยังไง การะเกดรู้สึกว่าหมู่นี้บรรยากาศในบ้านช่างอึมครึมไม่สดใสเช่นวันเก่าๆ พี่สาวเธอที่หายดีแล้วก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมาข้างนอก หน้าตาหมองหม่นจนเธอเองที่พยายามฝืนรื่นเริงยังรู้สึกหดหู่ตาม

จากเหตุการณ์วันนั้น ทินกรพยายามโทรมาหาเธอหลายครั้งแต่หญิงสาวปฏิเสธที่จะรับสาย เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หน้าคอมฯ แชทกับปูนิ่มปิดบังความเสียใจไว้ภายใน แต่ดูเหมือนเพื่อนสนิทก็ยังจับได้

ปูนิ่ม : ทำไมหมู่นี้รอบตัวฉันมีแต่คนหงอยๆว่ะ

ลูกเกด : ฉันก็เป็นงี้แหล่ะ เดี๋ยวก็หาย

การะเกดสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำท่าร่าเริงแม้จะรู้ดีว่าเพื่อนสาวมองไม่เห็นก็ตาม

ปูนิ่ม : ฉันรู้ นี่ฉันหมายถึงพี่ชายฉันโว้ย หมู่นี้ซึมๆไงไม่รู้ งานที่โรงงานก็ไม่ยอมไปดู ปล่อยให้เตี่ยไปทำคนเดียว เตี่ยจะบ่นก็ไม่กล้า เพราะพี่แกทำท่าเหมือนคนอกหัก จากที่ร่าเริงหัวเราะร่วนกลายเป็นซึมกระทือ ฉันนะพยายามเค้นคอถามมาหลายวันแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบ ไม่รู้ไปถูกสาวที่ไหนหักอกมา

ถ้าเป็นช่วงปรกติหญิงสาวคงนึกหัวเราะกับคำบ่นกระปอดกระแปดของเพื่อน แต่ตอนนี้เธอเองยังแก้ปัญหาตัวเองไม่รอด จึงไม่อยากรับฟังปัญหาของคนอื่นอีก

ลูกเกด : ฮื่อ…สงสัยช่วงนี้โรคนี้กำลังระบาดมั้ง

หญิงสาวตอบไปหงอยๆ อดนึกถึงชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้

ปูนิ่ม : อะไรนะ นี่หมายความว่า…แกก็เป็นไปกับเค้าด้วยงั้นเหรอ

การะเกดเงียบไปจนเพื่อนสาวทนไม่ไหวต้องโวยวายกลับมา

ปูนิ่ม : นี่แกอยู่ตรงนั้นเลยนะ เดี๋ยวฉันโทรไป

ไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ข้างเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ดังขึ้น หญิงสาวมองมันครู่ ตัดใจรับ แล้วระบายเรื่องราวต่างๆของเธอให้เพื่อนฟัง

“แล้วทำไมแกไม่ถามพี่แกให้รู้เรื่องไปวะ” เสียงตามสายโวยวาย

“อย่าทำเป็นนิยายน้ำเน่าที่นางเอกบังเอิญเดินมาเจอฉากเด็ด เข้าใจพระเอกผิดหน่อยเล้ย หมดสมัยแล้วโว้ย”

“แต่ว่า…” การะเกดพยายามประท้วง จะให้เธอพูดเรื่องนี้กับเกศรางั้นหรือ ถ้าเป็นเรื่องจริงมันจะทำให้คนทั้งคู่ตะขิดตะขวงใจเปล่าๆ

“ไม่ต้องมาแต่เลย ปรกติแกก็ชอบพูดอะไรตรงๆอยู่แล้วนี่ พอมาเรื่องนี้ทำเป็นไม่กล้า ฉันเป็นคนนอกมองออกนะโว้ย ฟังจากที่แกเล่า พี่แกก็รู้อยู่แล้วว่านายทินกรนี่เหมือนจะมาจีบแก ไม่เห็นเค้าว่าอะไรเลย แถมยังปล่อยให้แกไปขายของแทนได้เป็นนานสองนาน แล้ววันนั้นที่แกเห็นอาจจะเเค่มีเรื่องอะไรสักอย่างที่นายนั่นกำลังปลอบใจหรือแสดงความยินดีกับพี่สาวแกก็ได้นะ” เสียงพูดฉอดๆ ราวกับตาเห็น ไม่เท่านั้นคุณเธอยังใส่ต่ออีกว่า

“อีกอย่างนะ นายทินกรนี่ก็พยาย๊าม พยายามโทรหาแกทุกวัน บางทีก็เอาขนมมาฝากไว้ เหมือนในหนังที่พระเอกตามง้อนางเอกเลย แกจะคิดว่าไงว้า…เป็นฉันก็ต้องคิดว่าเขาชอบฉันแน่ๆ ถ้ายังไง แกลองให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง คุยกับพี่สาวแกเหอะ” ปูนิ่มตบท้ายด้วยความเหนื่อย ไม่รู้ว่าจะเป่าหูเพื่อนสาวสำเร็จมั้ย เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบเจ้าตัวก็สำทับเสียงเข้มอีกว่า

“แล้วถ้าแกเข้าใจเขาผิดจริงๆอย่างที่ฉันว่า แกอย่าลืมพาฉันไปเลี้ยงตอบแทนบุญคุณมื้อใหญ่นะ ไม่งั้นฉันจะแช่งแก” คราวนี้การะเกดยิ้มออกมาได้ รับรู้ถึงความหวังดีของเพื่อนสาว หัวเราะเบาๆใส่โทรศัพท์

“เออ ขอบใจมาก ฉันจะลองคุยกับหว้าดู” นั่นสินะ คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย

+++++++++++++++++

เกศราคิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับสุรนาทเงียบๆบริเวณม้าหินหน้าบ้าน กลิ่นกุหลาบที่ปลูกไว้ถูกลมพัดโชยกระจายความหอมมาเป็นระยะ จากวันนั้น…วันที่เธอให้เขาตัดสินใจ เขาก็หายหน้าหายตาไปจากชีวิตของเธอราวกับคนไม่เคยรู้จัก หญิงสาวถอนใจเฮือก ก่อนสะดุ้งเมื่อมีมือมาวางที่ไหล่เบาๆ

“เป็นอะไรไปหว้า หมู่นี้ดูซึมๆนะ” การะเกดทรุดตัวนั่งตรงข้าม สบตาพี่สาวอย่างค้นคว้า ถ้าเรื่องที่เธอเห็นเป็นจริง เกศราก็น่าจะมีความสุขดีกับทินกรสิ ทำไมต้องมานั่งหน้าเศร้าเหมือนคนอกหักแบบนี้

ถ้าไม่เป็นเพราะถูกเพื่อนเตือนสติมา เธอเองคงไม่รู้สีกหรือสังเกตเห็นความผิดปรกตินี้หรอก….ในเมื่อตัวเธอเองก็หน้าเศร้าแบบนี้เหมือนกัน

แฝดพี่ยิ้มเซียวๆ พยายามยิ้มทำหน้าชื่น

“ว่าแต่หว้า ตัวเองก็เหมือนกันแหล่ะ ทำหน้ายังกับคนอกหัก” คนถูกย้อนสะดุ้งเล็กๆเหมือนโดนเข็มตำ พี่สาวจึงคว้ามือเจ้าหล่อนมากุมไว้ ถามต่อด้วยเสียงอ่อนโยน ลืมนึกถึงความเดือดร้อนของตัวเองไปชั่วครู่

“ทำไม นายทินทำอะไรให้เกดไม่พอใจ บอกหว้า หว้าจะไปลุยเอง หนอย…ย บังอาจมาทำร้ายจิตใจน้องสาวที่น่ารักของพี่” การะเกดมองหน้าตาเดือดเนื้อร้อนใจแทนหล่อนแล้วต้องยิ้มออกมาทั้งน้ำตา รู้สึกซึ้งใจกับความรักของพี่สาว ความคลางแคลงอัดอั้นในใจที่สะสมมาตลอดสัปดาห์นั้นหายเป็นปลิดทิ้ง

“เปล่าหรอก…สงสัยว่าเกดคงเข้าใจอะไรผิดไป” การะเกดบอกยิ้มๆ แล้วเงียบไป แต่มีหรือที่คนอย่างเกศราจะปล่อยไป หญิงสาวมองน้องสาวอย่างคาดคั้น

“เข้าใจอะไรผิดเล่ามาเลยนะ หว้าไม่อยากให้มันคาใจทีหลัง” แฝดผู้น้องจึงเล่าเรื่องที่เธอเห็นให้พี่สาวฟัง ตอนแรกเกศราก็หน้าเรื่อขึ้นก่อนจะซีดลง ความแจ่มใสที่เจ้าตัวพยายามฝืนหายไปจากใบหน้า เหลือเพียงความหม่นหมองที่เธอปิดไม่มิด

เกศรามองหน้าน้องสาวแล้วถอนใจออกมาเบาๆ

“เรื่องนั้นมันไม่มีอะไรหรอก หว้ากำลังเสียใจ พอดีทินเข้ามาพอดี เขาจึงปลอบใจหว้า แล้วเขาก็ไม่ได้กอดหว้าหรอกนะ หว้าเป็นคนกอดเขาเอง” น้ำเสียงที่เล่าอึ้งไป

คราวนี้คนถูกคาดคั้นทีแรกเปลี่ยนมาตั้งคำถามบ้าง

“แล้วหว้าเสียใจเรื่องอะไร ทำไมไม่บอกเกด แต่ไปบอกนายนั่น” น้องสาวพูดเสียงสะบัดเหมือนน้อยใจ เธอทั้งคู่เป็นฝาแฝดที่สนิทกันมาก เพิ่งมีช่วงหลังนี่แหล่ะทีเหตุการณ์ทำให้ห่างกันไป

“เปล๊า…หว้าไม่ได้บอกอะไรนายทินหรอก ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย” เสียงตอนท้ายแผ่วลง

นั่นสิ เรื่องแบบนี้จะไปเล่าให้ใครฟังได้ เพื่อนที่สนิทที่สุดก็คือทินกร แต่เขาก็เป็นชายหนุ่ม เธอรู้สึกไม่สนิทใจเท่า จะเล่าให้การะเกดฟัง ก็ไม่ให้หล่อนต้องมารับรู้ความทุกข์ของตัวเอง แฝดสาวผู้พี่ถอนใจเบาๆ

“งั้นก็เล่าให้เกดฟังเดี๋ยวนี้เลย มีอย่างที่ไหนเก็บเรื่องเสียใจไว้คนเดียวตั้งหลายวัน” คนพูดว่าไปแล้วก็ค่อยนึกได้ว่าตัวเองก็เป็นเช่นกัน ดวงตากลมโตสบตากันสื่อความหมายแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา

“พี่นาทเหรอ” การะเกดทวนเสียงสูง รู้สึกตกใจด้วยไม่คิดว่าพี่สาวจะพบรักกับพี่ชายเพื่อนสนิท แล้วเรื่องราวที่ได้คุยกับเพื่อนสาวก็ผุดขึ้นมาในความคิด

“งั้นหมายความว่าที่ยายนิ่มบอกว่าพี่นาททำท่าเหมือนอกหัก สาเหตุก็มาจากหว้านี่เอง” คราวนี้ดวงตาคู่สวยมีแววล้อเลียน ความไม่สบายใจถูกขจัดหมดไปแล้วเหลือแต่เพียงรอปรับความเข้าใจกับทินกรเท่านั้น

“ใครบอก เค้าอกหักจากเกดต่างหาก” เกศราพูดเสียงสะบัดใส่ จนน้องสาวต้องกระตุกมือให้พี่สาวหันกลับมามองหล่อน

“เกดยังไม่เคยเจอพี่นาทจริงๆจังๆเลยนะ หว้าคิดดูสิ ถ้าเขาจะชอบก็อาจจะเป็นแค่รูปกายภายนอก แต่คนที่เขาคุยด้วยคบด้วยหน่ะ คือหว้านะ” การะเกดย้ำ

“หว้าก็ปล่อยให้เขาคิดตั้งหลายวันแล้วนี่ ไม่เห็นโผล่มาเลย” คนเป็นพี่ทำตาคว่ำ ขัดอกขัดใจไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนุ่มในหัวข้อสนทนา

“อ๋อ…ที่แท้สาวแกร่งของเกดก็น้อยใจนี่เองที่ไม่เห็นพระเอกมาง้อ” น้องสาวล้อตาเป็นประกาย

“บ้า! ใครรอใครมาง้อย่ะ แต่ที่แน่ๆฉันไม่ไปง้อเขาเด็ดขาด” เกศราบอกเสียงสะบัด ทำหน้าเชิด

“จ้าแล้วเกดจะคอยดูคนปากแข็ง”

+++++++++++++++++++++

แล้วคนคอยดูก็ไม่ได้อยู่คอยจริง เจ้าหล่อนกลับถลาออกจากบ้านตรงไปหาทินกรแทน หญิงสาวจ้ำพรวดไปตามทางที่หล่อนจำได้ขึ้นใจมุ่งหน้าไปยังร้านเป้าหมายเพื่อหาชายหนุ่มในดวงใจ ปรับความเข้าใจกันเสียก่อน

แต่ฟ้าดินไม่เป็นใจ รวมทั้งตัวชายหนุ่มด้วย

จากแดดเปรี้ยงๆตอนหลังเที่ยง ฝนเจ้ากรรมกลับตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมชายหนุ่มยังไม่อยู่ที่ร้านอีก ทำให้การะเกดรู้สึกผิดหวังมาก เดินเเช่งชักหักกระดูกเขาไปตลอดทางจนถึงร้านของเกศรา

เธอเปิดร้านด้วยแรงกระแทกกระทั้น ลูบน้ำออกจากใบหน้า พยายามดึงเสื้อยืดสีแดงที่เปียกโชกรัดร่างบอบบางของตัวเองออกมาบิดน้ำเท่าที่ทำได้

ทำไมถึงซวยอย่างนี้นะ จะมาหาเขาก็ดันไม่อยู่ เนื้อตัวก็เปียกไปหมด หญิงสาวบ่นต่อแล้วเริ่มจามติดๆกันสองสามที

“เกด” เสียงเรียกเบาๆเหมือนจะดังเเว่วเข้ามาท่ามกลางเสียงฝน คนถูกเรียกไม่แน่ใจนัก แต่ก็หันกลับไปมองด้วยใจเต้นแรง

“คุณทิน” ชายหนุ่มสูงโปร่งตรงหน้าก็เปียกมะล่อกมะเเล่กไม่ต่างจากเธอเท่าไร ในมือเขาถือกล่องใส่ดอกกุหลาบสีแดงก้านยาวหนึ่งดอก ยื่นมาตรงหน้าหล่อน

“ผมตั้งใจไปหาเกดที่บ้าน แต่ไม่มีใครอยู่เลยลองมาดูที่นี่” ชายหนุ่มยิ้มเขินๆก่อนจะพูดต่อไปว่า

“คุณคงไม่รู้หรอกว่าความจริงผมรู้จักคุณมานานแล้ว หว้าเค้าโชว์รูปคู่ของคุณกับเขาบ่อยๆ จนนานวันเข้ากลายเป็นว่าผมกลับหลงรักคุณเข้าไปโดยไม่รู้ตัว พอหว้าไม่สบาย เขาจึงวางแผนให้คุณมาดูร้านแทน เปิดโอกาสให้ผมทำคะแนน ผมคิดว่าเราเข้ากันได้ดีจนอยู่ๆคุณก็วางตัวห่างเหินกับผม” ใบหน้าคนพูดเล่าอย่างมีความสุข ก่อนจะหม่นลง

“ผมไม่แน่ใจว่าทำอะไรให้คุณไม่พอใจ คุณถึงได้หลบหน้าหลบตาผม โทรไปก็ไม่รับ ทำขนมให้ หว้าก็ว่าคุณไม่ยอมกิน” สุ้มเสียงเขาเหมือนจะน้อยใจ จนหญิงสาวรู้สึกผิดเต็มที่ที่เข้าใจเขาผิด ต้องเดินเข้าไปใกล้เอื้อมมือไปจับต้นแขนอีกฝ่าย

“วันนี้ผมเลยเปลี่ยนมาซื้อดอกไม้ให้คุณแทน เผื่อว่าขนมที่ผมทำให้คุณยังทุ่มเทความรักได้ไม่เต็มที่ ก็หวังว่าดอกกุหลาบสีแดงนี้จะช่วยย้ำให้หนักแน่นขึ้นได้” ทินกรยื่นกล่องกุหลาบสีแดงให้หญิงสาวรับไปถือด้วยความทะนุถนอม ใบหน้าเรียวอมยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย

“แค่ขนมที่คุณทำก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อดอกไม้มาให้เกดหรอก” หญิงสาวพูดอุบอิบ ใบหน้าแดงเรื่อ

โถ…เขาออกจะรักเธอขนาดนี้ ทำไมเธอถึงได้เข้าใจผิดเขาขนาดนั้นนะ

“ไม่ได้หรอกครับ มันเป็นธรรมเนียม” คราวนี้คนฟังทำหน้างง ชายหนุ่มจึงหัวเราะ

“ก็วันนี้วันวาเลนไทน์นี่ครับ รับดอกไม้ไปแบบนี้แล้ว แสดงว่าคุณหายโกรธผมแล้ว ต่อไปคุณต้องมีผมอยู่ในหัวใจคนเดียวเท่านั้นนะเออ” การะเกดแทบไม่รู้ตัวว่าผงกศีรษะรับคำเขาไปรึเปล่า รู้แต่เพียงว่าต่อให้วันนี้มิใช่วันแห่งความรัก เธอก็รักเขาเข้าไปแล้วเต็มเปา…ก็ผู้ชายแสนจะโรแมนติกแบบนี้ใช่จะหากันง่ายๆนี่นะ…

+++++++++++++++++++

ฝ่ายคนปากแข็งเมื่อได้ยินเรื่องราวของคนอกหักอีกคนที่บ้านเพื่อนน้องสาว เธอรู้สึกกระวนกระวายนั่งไม่ติดที่ ยิ่งได้รับโทรศัพท์อธิบายความเข้าใจผิดของพ่อเจ้าประคุณจากปัทมาที่คาดคั้นเขาจนสำเร็จด้วยแล้ว เธอยิ่งทนไม่ไหวตัดสินใจแต่งตัวออกจากบ้านเรียกแท๊กซี่ไปยังบ้านชายหนุ่มทันที

เพียงก้าวออกจากรถ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาไม่ยั้ง ทำให้หญิงสาวต้องรีบวิ่งหลบเข้าไปใต้ชายคาที่ยื่นออกมาเหนือประตูบานเล็กหน้าบ้าน กดกริ่งรอ คนที่มาเปิดประตูเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักเหมือนกับรูปที่โชว์ไว้ในหน้าต่างที่เธอเคยเเชทด้วย ทำให้เกศรารู้ได้ทันทีว่าคือปูนิ่ม เพื่อนสนิทของน้องสาว

“สวัสดีค่ะพี่หว้า เข้ามาข้างในก่อน” ปัทมาลากพี่สาวเพื่อนเข้ามาใต้ร่ม แล้วพากันวิ่งเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว แต่เกศราก็ยังเปียกโชกไปหมด

“ตายจริงเปียกหมดแล้ว สงสัยต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” เจ้าของบ้านสาวบอกยิ้มๆ รู้สึกดีใจที่เกศรายอมมาหาพี่ชายหล่อนถึงบ้าน

ปัทมาพาเกศราไปเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดตัวใหญ่สีน้ำเงินเข้มของตัวเอง กับกางเกงขาสั้นแค่เข่าสีขาว ก่อนจะพาหญิงสาวมาส่งที่หน้าประตูห้องพี่ชาย กระซิบกระซาบบอกหล่อนเบาๆ

“จัดการให้เต็มที่เลยนะคะ...พี่นาทขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง วันๆไม่ยอมออกไปไหน จนเตี่ยกับนิ่มหมดปัญญาแล้ว” คนเป็นน้องเปิดโอกาสให้เต็มที่ ดวงตาพราวระยับ แล้วเคาะประตูบอกคนข้างใน

“พี่นาทมีแขกมาหา”

“พี่ไม่พบใคร บอกว่าไม่อยู่แล้วกัน” เสียงห้าวๆดังลอดออกมา

“เขามาอยู่หน้าห้องนี่แล้ว ไม่อยากพบก็ออกมาบอกเอาเอง” ปัทมาตะโกนตอบอย่างนึกสนุก หันมายิ้มให้กำลังใจเกศรา ตัดใจเดินจากไป ปล่อยให้หนุ่มสาวทั้งคู่เคลียร์กันเอง

สิ้นเสียงตอบกลับไม่นาน ประตูห้องของชายหนุ่มก็ถูกกระชากออกมา พร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงที่ดูซูบลงจนผิดตา

“ก็บอกแล้วไงว่า…” คนอกหักชะงักเสียงไป ดวงตาคมมองร่างบางตรงหน้า ผมซอยระต้นคอที่เคยเห็นจนชินตาตอนนี้เปียกลู่แนบใบหน้าเรียวขับเน้นให้ดวงตากลมโตใหญ่ขึ้น ดวงตาที่ตวัดค้อนขวับ

“ไม่อยากพบ! “ หญิงสาวต่อให้อย่างเหลืออด

“ขอโทษด้วยค่ะ ที่มารบกวนเวลาอันมีค่าของคุณ” คนที่ตั้งใจมาลุยประชดด้วยความน้อยใจ เธอรึอุตส่าห์มาหาถึงบ้าน แต่คนตรงหน้ากลับไม่สนใจ หญิงสาวสะบัดหน้าทำท่าจะเดินออกมาทันที แต่ถูกชายหนุ่มคว้าตัวไว้เสียก่อน

ตั้งแต่วันที่เขาเห็นหล่อนยืนกอดซบอกชายหนุ่มแปลกหน้านั่นแล้ว เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองมันรุ่มร้อนเหมือนโดนไฟเผา ยิ่งกลับมานั่งคิดนอนคิดคนเดียวด้วยแล้ว เขาก็รู้ทันทีว่าคนที่เขารักคือเกศราไม่ใช่การะเกดที่เขาไม่เคยรู้จัก แต่ถึงรู้อย่างนั้นเขาก็ยังทำใจกลับไปหาหล่อนไม่ได้ เพราะกลัวความผิดหวัง

แต่วันนี้เจ้าหล่อนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ถ้าเขายังไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ เขาคงเป็นผู้ชายที่โง่ที่สุดในโลก

แล้ว ‘คนไม่อยากโง่’ ก็ลากหญิงสาวเข้ามาในห้องส่วนตัว ไม่สนใจกับท่าทีขัดขืนของเจ้าหล่อน รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างประหลาด ความผิดหวังเสียใจหรืออิจฉาริษยาต่างๆนานาหายไปหมดตั้งแต่เห็นหน้าหล่อนอยู่หน้าประตูห้อง

“ผมดีใจจังที่คุณมาหาผมที่บ้าน” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ รู้สึกอยากแหย่สาวตรงหน้า มือข้างหนึ่งยังจับข้อมือเล็กๆของเจ้าหล่อนไว้ไม่ยอมปล่อย

“ใครมาหาคุณกัน อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย” เสียงใสๆที่ไม่ได้ยินมานานพูดงอนๆ หันหน้าหลบสายตาคมๆของอีกฝ่าย ทำให้เห็นว่าตัวเองมายืนอยู่หน้าเตียงขนาดคิงไซด์ที่ตั้งอยู่กลางห้องจึงขยับห่างออกมาหน่อย เพราะติดที่ข้อมือยังโดนล็อคไว้

“คร๊าบบ ไม่มาหาผมก็ได้” คนฟังไม่ทันระวังเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องเตียงนอน จึงถูกดึงเข้ามากระแทกอกกว้างๆกอดไว้แน่นพร้อมกับที่คนดึงก้มหน้ามากระซิบข้างหู

“เเต่รู้มั้ยผมคิดถึงคุณใจจะขาด”

“แล้วขาดใจรึยัง ปล่อยให้ฉันรออยู่ตั้งนาน” เกศราอดประชดไม่ได้ ตวัดตาค้อนขวับ แล้วจึงรู้ตัวว่าเผลอพูดความในใจออกไป ใบหน้าเรียวจึงเข้มขึ้น

สุรนาทรู้สึกว่าใจมา อย่างน้อยหญิงสาวก็คิดถึงเขารอเขาอยู่เช่นกัน เสียงที่พูดต่อไปจึงนุ่มนัก

“เกือบขาดใจไปแล้ว ถ้าคุณไม่มาหาผมซะก่อน” ชายหนุ่มยิ้มโชว์ลักยิ้มที่แก้ม

“ก็อยากตัดสินใจยากเองนี่” น้ำเสียงหญิงสาวยังสะบัดๆด้วยความงอน พยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนชายหนุ่ม

“ผมตัดสินใจได้ตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าผมรักคุณ แต่พอผมขับรถกลับไปอีกครั้ง เห็นคุณกำลังกอดผู้ชายอื่นอยู่ผมเลยน้อยใจกลับมาบ้านนี่ไง” ชายหนุ่มสารภาพเสียงอ่อย โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่ทำสุ้มเสียงออดอ้อนน้อยอกน้อยใจเสียเต็มประดา จนคนฟังที่อมยิ้มฟังคำสารภาพรักอดหมั่นไส้ไม่ได้

“นี่แหน่ะ น้อยใจ! ฉันกอดเขาก็เพราะเสียใจที่คุณไปนั่นแหล่ะ อีกอย่างนายนั่นเค้าเป็นแฟนการะเกดต่างหาก แทนที่จะมาถามฉันสักคำก็ไม่มี…ปล่อยให้ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับมาเกือบอาทิตย์” คนตัวเล็กใช้มือสองข้างระรัวทุบเข้าที่อกเขาอย่างแรงด้วยความเดือด

“โอ๊ยยย คุณนี่ผมเจ็บนะ เดี๋ยวผมแก้แค้นมั่งหรอก” ชายหนุ่มรวบตัวหญิงสาวแน่นเข้า ก้มหน้ามาใกล้ จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายหญิงสาว

ไม่รู้เพราะคำพูดหมายมาดหรือจมูกโด่งๆของเขาที่โน้มเข้ามาใกล้กันแน่ที่ทำให้หญิงสาวหยุดทุบหยุดดิ้น ส่งสายตาเขียวๆมาจ้องอีกฝ่ายแทน จนคนคาดโทษไว้ไม่กล้าก้มหน้าลงไปอีก ได้แต่ยิ้มกว้าง

“ค่อยยังชั่วหน่อย ผมว่าเรานั่งคุยกันดีๆนะครับ ดูสิ ผมคุณยังเปียกอยู่เลย ผมไปปิดแอร์ก่อนดีกว่า” สุรนาทเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเปิดแอร์ทิ้งไว้ก่อนที่ฝนจะตก แล้วตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าก็เริ่มสั่นและจามขึ้นมาแล้ว

ชายหนุ่มคลายวงแขนจากหญิงสาว เพื่อไปปิดแอร์ที่มุมห้อง แล้วกลับมาที่เตียงคว้าผ้านวมผืนใหญ่ของตัวเองขึ้นมา เดินเข้าไปด้านหลังบรรจงห่มผ้าโอบล้อมรอบกายหญิงสาวอย่างอ่อนโยนจนเกศราอดยิ้มออกมาไม่ได้

“ดีขึ้นมั้ยครับ” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหู ทำให้หญิงสาวได้สติว่าพ่อเจ้าประคุณยังถือโอกาสกอดหล่อนไม่ยอมปล่อยด้วย ใบหน้าเรียวจึงเรื่อขึ้นอีก

“ปล่อยได้แล้ว” เสียงอุบอิบไม่ชัดนักจนคนฟังต้องโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ปลายจมูกโด่งๆของตัวเองจึงเฉียดแก้มนวลอย่างจงใจ

“ก็คุณหนาวนี่ หนาวใจคงหายแล้วเหลือแต่หนาวกายนี่แหล่ะ ผมก็ต้องกอดให้ความอบอุ่นไงครับ” ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนเข้าอีก

“น้ำเน่า” เกศราทำเสียงค่อน แต่ตัวเองกลับก้มหน้าอมยิ้มไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

เอาน่า…ยังไงเธอก็ชอบเขาที่น้ำเน่าแบบนี้นี่แหล่ะ…

++++++++++++++++++

จบบริบูรณ์


ปล. เรื่องสั้นพวกนี้เป็นเรื่องสั้นที่เขียนไว้เกือบสิบปีแล้ว นำมาจากเวบเดิมเพื่อให้อ่านกันเล่นๆ ยังไม่ได้รีไรท์หรือเช็คคำผิด ดังนั้นหากผิดพลาดประการใดคงต้องขออภัยไว้ด้วยค่ะ





Create Date : 13 มีนาคม 2554
Last Update : 13 มีนาคม 2554 12:24:18 น. 1 comments
Counter : 434 Pageviews.

 
น่ารักดีค่ะ คุณอรพิมเขียนเรื่องสั้นเรื่องยาวก็สนุกนะคะ


โดย: ธีรารัศมี วันที่: 3 สิงหาคม 2556 เวลา:8:29:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อรพิม
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]






ผู้ที่กำลังชมบล็อก

ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด


ขอสงวนสิทธิ์ใดๆในการคัดลอก เผยแพร่ หรือดัดแปลงส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ เรื่องสั้น หรือนิยายที่โพสต์ในบล็อกแห่งนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าผู้ใดละเมิดจะถูกดำเนินการตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด




Orapim Novel

Create your badge
New Comments
Friends' blogs
[Add อรพิม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.