Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
รักกิ๊กๆ สะกิดไมค์



“ต่อไปเป็นข่าวฝากประกาศจากคุณอ๊อดนะครับ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลชื่อ เป๋าวา หนีตามสุนัขข้างบ้านไปเมื่อวาน ผู้ใดพบเห็นกรุณาแจ้งผม....ภูวิศ ชนะพัฒนากร 0xx- 98xxxxx ที่ FFM 108.77 MHz ทางคุณอ๊อดจะมีรางวัลให้ครับ....ส่วนตอนนี้รับฟังเพลงหนึ่งมิตรคิดใกล้ได้เลยครับ”

ผมสับสวิตช์ตัดเข้าเพลง ถอดหูฟังวางไว้ด้านข้าง ก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ที่มีไฟแดงกะพริบอยู่ตรงหน้ากรอกเสียงลงไปด้วยความตื่นเต้น

“อ้าวว่าไงครับ...หายไปนานจนพี่นึกว่าติดไข้หวัดนกไปแล้วซะอีก” ผมพยายามพูดเสียงกวนๆเหมือนเช่นเคย ซ่อนความรู้สึกยินดีไม่ให้อีกฝ่ายรู้

คนฟังหัวเราะเสียงใส ก่อนจะตอบกลับมา

“แหม...พี่วิศ เก๋บอกแล้วไง ว่าไปฟังผลสอบ” เธอลากเสียงอ่อนหวานฟังแล้วชวนวาบหวามจนผมใจเต้นตึกตัก

น้องเก๋...เกวลี เป็นแฟนประจำรายการวิทยุของผม เธอโทรเข้ามาครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อน บอกว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยxxx วิทยาเขตxxx ย้ายมาใหม่ บังเอิญฟังรายการแล้วชอบสำนวนการนำเสนอกับเสียงทุ้มนุ่มกระชากใจสาวของผม (แหะๆ อันหลังนี้ผมต่อเองครับ) ทำให้เธอโทรเข้ามาขอเพลงช่วงหลังเที่ยงคืนเป็นประจำทุกวัน จนการรับสายของเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผม วันไหนเธอไม่โทรมาผมจะรู้สึกเหงาลึกๆ ไม่ต้องบอกคุณคงรู้นะครับว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ตัวผมเองก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ ไม่กล้าบอกเธอ

“ส่งเสียงมาแบบนี้ ท่าจะได้เฮ....” ผมรีบดักคอ รู้สึกใจเต้นตึกตักมากขึ้น ในเมื่อเธอเคยบอกผมว่าจะสอบเข้าศึกษาต่อปริญญาโทในกรุงเทพฯ แต่ก็เลือกมหาวิทยาลัยแถวนี้ไว้ด้วย ทำให้ผมต้องแอบลุ้นว่าเธอจะได้ที่ไหน ถ้าเป็นคุณล่ะครับ ผมว่าคุณคงคิดเหมือนผม อยากให้เธออยู่ใกล้ตัว...ใกล้ใจ...ฮ่าๆๆ อันหลังนี่ผมก็ต่อเองอีกล่ะครับ.... เพราะถ้าไปไกล เธอคงไม่มีโอกาสฟังวิทยุท้องถิ่นแล้วโทรมาหาผมได้แบบนี้

เธอหัวเราะเสียงใสอีกรอบ จนผมอยากจะอยู่ตรงหน้าเธอนัก .... คุณก็.... เสียงเธอออกหวานใสขนาดนี้ แล้วหน้าตาเธอจะสวยใสขนาดไหน.... ไม่เชื่อก็ลองฟังเสียงคนข้างกายดูสิครับ....ฮ่าๆๆ (ไม่รู้เกี่ยวกันมั้ย...)

“เก๋สอบได้ทั้งสองที่ค่ะ พี่วิศว่าเก๋เรียนที่ไหนดีคะ” เธอถามความเห็นของผม ทำเอาผมปลื้มใจจนตอบไม่ถูก คุณคิดว่าไงล่ะครับ ถ้าเธอไม่เห็นความสำคัญของผมแล้วจะถามผมทำไม....เล่าแล้วก็กระดากตัวเองจริงจริ๊ง....

“แล้วแต่เก๋สิฮะ ชอบที่ไหนมากกว่าก็เอาที่นั่น” ผมตอบกลับไปอย่างเป็นกลาง วางท่าราวพระเอกหนังไทยส่วนใหญ่ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเธอมองไม่เห็น ส่วนมือก็วุ่นวายกับการเปลี่ยนแผ่นเพลงเพื่อเปิดฆ่าเวลาให้คนอื่นฟังระหว่างที่ผมยังจ้อกับน้องเก๋ไม่เสร็จ

คุณอย่าเพิ่งว่าผมเลยนะครับ ในต่างจังหวัด...ดึกๆแบบนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่หลับหมดแล้วล่ะครับ ถ้ายังไม่หลับ ก็คงอยากฟังเพลงสบายๆไม่ต้องฟังเสียงผมมากกว่า...คุณว่ามั้ย?

“แต่ถ้าเก๋เลือกไปกรุงเทพฯ ก็จะไม่ได้โทรมาขอเพลงที่นี่อีกแล้วนะคะ” เสียงเธอเหมือนกำลังทำท่ากระเง้ากระงอด ฟังคล้ายอยากให้ผมคะยั้นคะยอให้เธอเลือกที่นี่หรือผมจะคิดไปเองก็ไม่รู้….แหะๆ

“เอ้อ...งั้นน้องเก๋เลือกที่นี่สิครับ จะได้อยู่เป็นแฟน...เพลงของพี่ต่อไป” ผมจงใจเว้นวรรคให้เธอฟัง เป็นการชิมลางก่อนว่าจะสู้หรือถอย หรือจะคงสภาพคล้ายๆกิ๊กแบบนี้ต่อไปดี...(ไม่ใช่ชู้ไม่ใช่แฟน แค่แอบรักเฉยๆ....)

เธอเงียบไปนานจนผมใจหาย.... ไม่น่าปากพล่อยเลยตู.... มือที่กำหูโทรศัพท์บีบแน่น กลั้นใจรอคอยอึดใจใหญ่จนผมเกือบขาดอากาศหายใจไปแล้ว ดีที่เธอตอบกลับมาเสียก่อน

“ที่บ้านอยากให้เก๋ไปเรียนที่กรุงเทพฯค่ะ” เสียงเงียบไปอีกพักใหญ่ ก่อนที่เธอจะส่งเสียงลากยาวอันเป็นเอกลักษณ์ออกมาว่า

“แต่ถ้าพี่วิศไม่ว่า เก๋จะโทรมาบ่อยๆค่ะ” ผมฟังแล้วหัวใจที่หายวาบไปไหนไม่รู้ค่อยกลับมาประจำหน้าที่เดิม อย่างน้อยเธอก็มีใจกับผมบ้างล่ะน่า ไม่งั้นคงไม่เสนอมาแบบนี้หรอก คิดแล้วใบหน้ากร้านๆดำๆของผมก็บานยิ่งกว่ากางร่ม แถมยังต้องเอามือยัดปากตัวเองไว้ ด้วยกลัวว่าเสียงหัวเราะอันลิงโลดจะหลุดออกไปให้เธอรู้ นี่ถ้ามีคนอยู่ข้างๆหรือมองผม เขาคงคิดว่าผมบ้าไปแล้ว....

“ถ้าอย่างนั้น...พี่ขอเจอเก๋ก่อนได้มั้ย เราคุยกันมาเกือบสองเดือนแล้ว พี่ยังไม่เคยเจอเก๋เลย พี่อยากเจอเก๋มาก” ผมเก๊กหน้าหล่อ ทั้งๆที่รู้ว่าเธอคงไม่เห็น พูดเสียงทุ้มนุ่มเชิญชวนเต็มที่

เธอเงียบไปอีกครั้ง จนผมได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่งๆอยู่ด้านหลัง

“ได้ค่ะ” เสียงหวานเย็นตอบ ทำเอาผมแทบจะโห่ร้องไชโยออกมาดังๆ แต่ต้องรีบกลั้นไว้ ได้แต่ฉีกยิ้มหน้าบานอยู่คนเดียว

“เมื่อไหร่ดี พรุ่งนี้ได้มั้ย” คราวนี้ผมห้ามเสียงกระตือรือล้นไม่มิด จนได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะเบาๆแทรกเข้ามาในโทรศัพท์

“ตอนนี้ก็ได้ค่ะ” คำตอบของเธอทำเอาผมตาโต คุณคิดดูแล้วกันว่าตาตี่ๆของผมจะเบิ่งกว้างโตออกได้แค่ไหน ก็เท่านั้นแหล่ะครับ

“ตอนนี้เหรอฮะ แต่มันดึกแล้วนะ แล้วพี่ต้องจัดรายการถึงตีสี่” ผมรีบเตือน เพราะรู้สึกห่วงความปลอดภัยของอีกฝ่าย ถ้าเธอจะต้องเป็นฝ่ายมาหาผม

“แต่ตอนนี้เก๋อยู่หน้าห้องอัดแล้วนี่คะ” ผมสะดุ้งเฮือก จากที่หมุนเก้าอี้คุยโทรศัพท์ไปมาจนสายโทรศัพท์พันรอบตัวหลายรอบ ต้องรีบหยุด มองข้ามกระจกใสเบื้องหน้ามองหาเจ้าของเสียงทันที

ภายในห้องติดกันที่คั่นด้วยกระจกใสปราศจากผู้คน คล้ายกับว่าพวกเขา(ผมหมายถึงผู้ร่วมงานคนอื่น) คงเบื่อที่ผมคุยโทรศัพท์นานจนต้องแอบออกไปเบรก หาอะไรรองท้องแทนกระมัง

“ผมไม่เห็นเก๋เลย เก๋อยู่ไหนฮะ” พร้อมกับที่ผมกรอกเสียงลงไป แสงไฟในห้องกลับดับวูบลง ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด มีเพียงแสงสีแดงจากแผงอุปกรณ์เบื้องหน้าที่กะพริบเตือนว่ากำลังใช้สายอยู่เท่านั้น (สงสัยว่าทำไมไฟสีแดงยังติดอยู่เหมือนกัน)

บรรยากาศแบบนี้มันดูคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมีกลิ่นชวนคลื่นเหียนบางอย่างลอยเข้ามาปะทะจมูกโตๆของผมด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกใจเต้นแรงระรัวเร็ว มือไม้เย็นเฉียบไปหมด ได้แต่หวังในใจว่าคงไม่ใช่....

“อยู่นี่ไงค้า.....” เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น ผมรีบหันขวับไปทางประตูห้องอัดทางซ้ายมือทันที หัวใจที่เคยคิดว่าจะอยู่ที่ทรวงอกด้านซ้ายตลอดเวลากลับร่วงละลิ่วลงสู่ตาตุ่มมุดลงพื้นแทบไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็นอีกเลย ทำไมเหรอครับ คุณๆคงเดาได้....

น้องเก๋ของผม เธอมาในชุดสีขาวดูเด่นอยู่ท่ามกลางความมืด ชุดบางมาก...บางจนมองทะลุไปถึงไหนๆ.... คุณอย่าคิดมากหาว่าผมลามกนะครับ ที่ว่าทะลุไปถึงไหนๆ คือมองทะลุผ่านตัวเธอเห็นประตูห้องอัดด้านหลังชัดเจนราวกับมองผ่านม่านบางๆเท่านั้น

ผมค่อยๆเลื่อนสายตาเกร็งค้างจากเสื้อผ้าบางสีขาวขึ้นมาถึงลำคอและใบหน้าอันซีดขาวที่ผอมแห้งหุ้มติดกะโหลก เห็นเบ้าตาลึกกลวงโบ๋.....ดีที่ยังไม่มีหนอนออกมาเดินวิ่งเล่น....คาดว่าคงยังเน่าไม่มากกระมัง....ทำให้ยังไม่น่าสยดสยองมากนัก ถ้าตาข้างหนึ่งจะไม่คอยทะลักออกมาด้านนอกจนน้องเก๋ของผมต้องคอยยัดกลับเข้าไปดังเดิมอยู่เรื่อยๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเห็นท่าทางตะลึงหายใจแรงราวกับอากาศไม่พอของผม หรือว่าเธอตะลึงในความหล่อของผมกันแน่ จึงหยุดอยู่ที่เดิมด้วยความลังเล ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นยะเยือกที่ฟังแล้วผมของผมแทบจะพร้อมใจกันลุกขึ้นมาตั้งแถวรับ

“เก๋ขอโทษ.... เก๋ไม่คิดว่าจะทำให้พี่ตกใจ... เก๋แค่ชอบฟังพี่จัดรายการและอยากพบพี่เท่านั้นเอง” เสียงอธิบายอ่อยๆ แต่ยังไม่ทำให้ผมคลายความหวาดกลัวนัก มือที่กำหูโทรศัพท์สั่นระริก ปากที่อ้าค้างค่อยๆหุบลงจนได้ยินเสียงกึกๆ เสียงอะไรหรือ...ก็เสียงฟันของผมกระทบกันไงครับ

“เอ้อ....” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

ถ้าเป็นคุณเจอเหตุการณ์แบบผมจะทำยังไงได้ครับ ตอนแรกผมว่าจะวิ่งหนี แต่โชคร้ายที่ขาผมสั่นมาก ยิ่งกว่านักกีฬาทีมชาติเรียกน้ำหนักเกินพิกัดทำท่าสแนชเสียอีก เรียกได้ว่าแค่ยืนขึ้นยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับการวิ่งหนีออกจากห้อง แล้วจะให้ผมทำเป็นลมเหมือนในหนังผีที่เห็นกันทั่วไปก็ไม่ได้เช่นกัน มันเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างผม ผมจึงต้องเลือกวิธีสุดท้าย...

“ก่ะ...เก๋...ด่ะ...ได้ ...พบ...ผม....แล้ว.... ข่ะ.... ขอ....ให้...เก๋....ไป...สู่...สุข...คติ...นะ...ฮะ... แล้ว...ผมจะ...ทำบุญ...อุทิศส่วน...กุศลไปให้...” ประโยคสุดท้ายผมดับหูหลับตาพูดออกไปอย่างรวดเร็ว เผื่อว่าเธอฟังจบแล้วจะหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เธอนิ่งไปอึดใจก่อนจะแย้มริมฝีปากเขียวๆ ผงกศีรษะรับคำง่ายๆจนผมแปลกใจ ก่อนที่เธอจะหายไป ดวงตากลมโต (กลมจริงๆ เพราะมันหลุดออกมาทั้งลูก) เหลือบมองผมอีกครั้ง

“แล้วพรุ่งนี้เก๋จะมาหาพี่ใหม่นะคะ” เสียงเย็นยะเยือกบอก ผมฟังแล้วได้แต่ตาเหลือกอีกรอบ

+++++++++++++++++

“เอ้า!...เร็วเข้า รีบๆไหว้แล้วจะได้ออกไปกันซะที บรรยากาศในนี้มันอึมครึมเหลือเกิน” เจ้าของสถานีวัยกลางคนเดินนำต้อนลูกน้องผู้ร่วมงานทั้งหลายพากันมาเซ่นไหว้ในห้องอัดเสียง คลื่น FFM 108.77 MHz

ผมยืนมองเฉยจะเข้าร่วมกับคนอื่นด้วยก็ไม่ได้ ทุกคนเหมือนทำท่าไม่อยากจะเสวนากับผมเท่าไร คิดว่าคงเป็นเพราะเมื่อคืนผมมัวแต่คุยโทรศัพท์ไม่สนใจงานจนบรรดาเพื่อนๆพากันงอน ทั้งๆที่ไม่มีใครรู้เลยว่าผมต้องเจออะไรมาบ้าง....

เจ้านายผมยืนอยู่ด้านข้างคุยกับดีเจแจ๊ะ....เพื่อนของผมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จนผมต้องเหลือบมองด้วยความสงสัย

“ผมว่าคงไม่ไหวแล้วล่ะ ช่วงเที่ยงคืนถึงตีสี่ไม่มีใครยอมมาจัดรายการเลย นับตั้งแต่นายวิศแอบนัดสาวมาเจอที่นี่แล้วถูกกระแสไฟลัดวงรดูดตายทั้งคู่ นี่ก็ร่วมเดือนแล้วนะ” ‘อดีต’ เจ้านายของผมถอนใจเฮือก

“จะให้ใครมาทำก็บอกว่ามีคนจัดรายการอยู่แล้ว เข้ามาไม่ได้บ้างล่ะ มีกลิ่นประหลาดๆบ้างล่ะ แถมพอเปิดฟังคลื่นนี้หลังเที่ยงคืนยังมีเสียงเพลงออกมาอีก เฮี้ยนขนาดนี้ผมคงต้องงดช่วงนี้ไปดีกว่า จัดแค่หกโมงถึงสี่ทุ่มก็พอ”

คราวนี้ผมไม่ได้ยินเสียงเจ้าแจ๊ะตอบแล้ว เพราะเพิ่งรู้ตัวเองว่าทำไมคนอื่นๆถึงไม่ยอมพูดคุยกับผม...ที่แท้ก็...

โธ่ ! ปล่อยให้ผมน้อยอกน้อยใจอยู่ตั้งนาน...

++++++++++++++++++++++++++++

จบ





ปล. เรื่องสั้นพวกนี้เขียนไว้เกือบสิบปีแล้ว นำมาโพสต์ให้อ่านกันเล่นๆ ยังไม่ได้รีไรท์หรือเช็คคำผิด ดังนั้นหากผิดพลาดประการใดคงต้องขออภัยไว้ด้วยค่ะ




Create Date : 13 มีนาคม 2554
Last Update : 13 มีนาคม 2554 14:06:12 น. 0 comments
Counter : 384 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อรพิม
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]






ผู้ที่กำลังชมบล็อก

ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด


ขอสงวนสิทธิ์ใดๆในการคัดลอก เผยแพร่ หรือดัดแปลงส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ เรื่องสั้น หรือนิยายที่โพสต์ในบล็อกแห่งนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าผู้ใดละเมิดจะถูกดำเนินการตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด




Orapim Novel

Create your badge
New Comments
Friends' blogs
[Add อรพิม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.