Group Blog All Blog
|
ยอดบุรุษพลิกคดี ต้าเฟิงกวากั้ว เขียน ทยอยเอารีวิวในเพจมาลงค่ะ ช่วงนี้ก็จะเห็นโอบ่อยนะคะ คิดถึงกันมั้ย
ต้าเฟิงกวากั้ว เขียน หลินหยาง แปล สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊ค 1,450 บาท 1,712 หน้า
“จางผิง” บัณฑิตยาจกผู้หมายเข้านครหลวงเพื่อสอบเป็นขุนนาง เนื่องเพราะขาดแคลนเงินตรา จางผิงต้องตั้งแผงขายหมี่ริมถนนเพื่อยังชีพ จนถูกผู้เข้าสอบรุ่นเดียวกันดูหมิ่นดูแคลน หากแต่เขากลับโปรดปรานการสันนิษฐานวินิจฉัยคดี โดยเฉพาะคดีแปลกพิสดารทั้งหลายแห่งเมืองหลวง เขาเป็นดาวไม้กวาดมากคราวเคราะห์ เรื่องราวมากเงื่อนงำและคดีฆาตกรรมมักบังเกิดรอบกาย จนกระทั่งเขาได้พบกับ “หลันเจวี๋ย” รองเสนาบดีกรมพิธีการโดยบังเอิญ นับแต่นั้นมาจากบัณฑิตยากจน กลับกลายเป็นขุนนาง จางผิงผู้พบปัญหาอุปสรรคนานาไม่ขาดสาย กลับไม่เคยคาดคิดว่า หนทางแห่งชีวิตขุนนางจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ เป็นแนวสืบสวน ไม่มีเรื่องความรักมาเกี่ยวข้องค่ะ
ตัวเอกหลัก จางผิง เข้าเมืองหลวงมาเพื่อสอบเคอจวี่ เป็นคนพูดน้อย ดูเหมือนคนว่าง่าย ใครว่าอะไรก็รับคำ แต่จริง ๆ มีความดื้อรั้นในตัวสูง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความไม่ถูกต้องจะยิ่งรั้นเป็นพิเศษ ช่างสังเกตและจดจำ สนใจเรื่องการสืบสวน
จางผิงเป็นตัวเอกที่มีอุปนิสัยแปลกและน่าสนใจ เขาไม่ใช่ตัวเอกแบบที่เกิดมาเพื่อเป็นจุดศูนย์กลาง ตรงกันข้าม เขาเป็นเงามืด ๆ มัว ๆ ถ้าไม่สังเกตคนก็จะมองผ่านเขาไปโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ตัวเอกที่มากับดวงมหาโชค และไม่ใช่มาพร้อมดาวอับโชค เขาเป็นคนธรรมดา มีวันที่ดีสุดและซวยสุด ๆ แต่ข้อที่เด่นที่สุดของเขาไม่ใช่หน้าตา อำนาจ หรือวาสนา (ซึ่งเป็นสิ่งที่จางผิงล้วนไม่มี...) แต่เป็นการมองโลก เขามองโลกตามความเป็นจริง ไม่เคยตัดพ้อบ่นว่า เกิดอะไรก็ว่าไปตามเหตุและผล ดำเนินชีวิตแต่ละวันอย่างเป็นปกติสุข ซึ่งคนแบบนี้ มองในอีกแง่มุม ก็น่าอิจฉาที่สุดเช่นกัน
ตัวเอกรอง
คนแรก หลันเจวี๋ย เป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการ แต่งงานแล้วและมีบุตรชายหนึ่งคน ภรรยาเสียชีวิตไปตั้งแต่บุตรชายยังเล็ก หน้าตาดีจนมีเรื่องเล่าขานว่าปีที่เขาเข้าสอบจริง ๆ แล้วควรได้ตำแหน่งจ้วงหยวน แต่เพราะหน้าตาที่โดดเด่นเกินไปเลยได้ตำแหน่งทั่นฮวาแทน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็มักแสดงสีหน้ายิ้มแย้มน่าคบหา รับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเยือกเย็น รู้จักพูดจาและเข้าหาผู้คน ในอีกแง่ก็มีคนเกลียดนิสัยของเขาอย่างนี้เช่นเดียวกัน หลันเจวี๋ยเป็นคนแรกที่ให้ความสนใจจางผิงและค่อนข้างเอ็นดูจางผิงเป็นพิเศษ หลันเจวี๋ยเป็นตัวเอกอีกตัวที่ผู้เขียนกล่าวถึงค่อนข้างมาก และเขาก็มีแง่มุมที่น่าสนใจมากเช่นเดียวกัน ภายใต้หน้ากากยิ้มแย้ม หลันเจวี๋ยต้องดิ้นรนตั้งแต่เล็ก มีชีวิตยากลำบาก กัดฟันฮึดสู้จนมาสอบเคอจวี่ เรียนรู้การปรับตัวและอยู่รอดในสังคม รู้จักการไหลตามน้ำและปรับสภาพเพื่อการอยู่รอด กว่าจะเป็นหลันเจวี๋ยที่งดงามเยือกเย็นในวันนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา หลันเจวี๋ยจะเตือนจางผิงเรื่องการวางตัวให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพราะการรับราชการในวังไม่ใช่แค่ต้องมีความสามารถเท่านั้น แต่การต้องอ่านสถานการณ์เป็นรวมถึงรู้รุกรู้ถอย จึงจะรอดในหมู่บุคคลที่แตกต่างกันมากมายแห่งนี้ คนส่วนใหญ่มักมองที่หน้าตารวมถึงฝีปากของหลันเจวี๋ย จนมองข้ามความสามารถของเขาไป
คนที่สอง หวังเยี่ยน รองเสนาบดีกรมอาญา แต่งงานแล้วและมีบุตรหลายคน สนิทกับหลันเจวี๋ย หน้าตาดี ชาติตระกูลดี ท่าทางองอาจผึ่งผาย ทำงานรวดเร็วดุดัน จับคนน่าสงสัยไปก่อนแล้วค่อยว่ากันไม่เป็นไร ชอบแย่งงานสำนักศาลยุติธรรมและกรมการเขตพระนครไปทำ หวังเยี่ยนมักปรากฏตัวพร้อมคนรับใช้ที่เป็นลูกคอขานรับให้นาย มักมีชาวบ้านมารอชมขบวนม้าของหวังเยี่ยนเสมอ เป็นคนที่เจิดจรัส คนส่วนใหญ่จะคิดว่าหวังเยี่ยนได้ทำงานเพราะอาศัยบารมีของพ่อ คิดว่าเขาเป็นคนที่โชคดีเกิดมาพร้อม แต่ในเรื่องก็จะมีตอนที่บอกเราอ้อม ๆ ว่าหวังเยี่ยนนั้นก็ไม่ใช่ลูกชายคนโปรดนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเรื่องแบบนี้ หวังเยี่ยนเป็นคุณชายที่มีความเป็นนักเลงในตัวสูง ซึ่งก็จริง เขาเป็นอดีตหัวโจกอันธพาลของเหล่าคุณชาย ห้าวมุทะลุ กล้าทำกล้ารับ กล้าตัดสินใจ ไม่หวั่นไหวโลเล ไม่ให้อภัยเพียงเพราะเป็นความผิดของตน ในอดีตเขาไม่ถูกกับหลันเจวี๋ยนัก แต่เมื่อได้รู้จักมากขึ้นก็สนิทสนมร่วมงานกันได้ดี
คนที่สาม เติ้งซวี่ ผู้ว่าการสำนักศาลยุติธรรม ทุ่มเทให้กับงาน มักลงไปอยู่หน้างานจริง ๆ หลักแหลมเฉียบขาด เขียนหนังสือหลายเล่ม และหลายเล่มนั้นจางผิงก็ได้ศึกษาเป็นแบบอย่าง
คนที่สี่ เฝิงไถ เจ้ากรมกรมการเขตพระนคร เคร่งครัดกฎระเบียบ ทุกอย่างต้องตรงระเบียบแบบแผน ไม่ถูกกับหวังเยี่ยน และไม่ชอบหน้าจางผิงนัก
มีตัวละครเด่นมากกว่านี้นะคะ แต่ขอยกมากล่าวเท่านี้ก่อน สิ่งที่รู้สึกได้จากตัวละครในเรื่องก็คือพวกเขามีความโดดเด่นในด้านที่แตกต่างกัน อุปนิสัยและวิธีการทำงานแตกต่างกัน ความถนัดก็แตกต่างกัน แต่สิ่งที่รู้สึกได้เหมือนกันคือ เท่จังเลยอะ แทบไม่รู้สึกแบบนี้กับตัวละครที่ไม่ใช่ตัวเอกกับหรือเด่นในเรื่องไหนเลย นี่ยังไม่รวมว่าพวกเขาค่อนข้างมีอายุแล้วด้วยนะ คือเรารู้เลยว่ากว่าจะได้ตำแหน่งเด่น ๆ นี่ไม่ใช่หลับหูหลับตาเป็น การจะอยู่ตรงนั้นได้ต้องเก๋าประมาณหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จางผิงยังขาดอยู่ ถึงแม้เรื่องการไขคดีจะไม่เป็นรองใคร แต่ชีวิตการทำงานมันไม่ใช่แค่หาถูกผิดหรือไขคดีออกมาอย่างเดียว จางผิงได้เรียนรู้จากพวกเขาเหล่านี้มากเลย
หลันฮุย ลูกของหลันเจวี๋ยก็น่ารัก ผู้เขียนไม่ได้ใส่น้ำหนักความสัมพันธ์พ่อลูกนี้มากนัก เล่าน้อย แต่น่ารักมาก
นอกจากตัวละครที่โอชอบมาก ๆ ในเรื่องนี้แล้ว ก็ชอบเรื่องราวข้อคิดเตือนใจที่สอดแทรกเข้ามา ชอบเรื่องราวเล็ก ๆ ระหว่างบรรทัดที่ทำให้ตัวละครดูมีชีวิต ชอบการใส่มุกที่ดูไม่ตั้งใจแต่ให้ผลที่ดี แถมทำให้เรื่องไม่เครียดเกินไป ชอบการเหน็บแนมเสียดสีแสบ ๆ คัน ๆ
ส่วนที่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยดีในเรื่องคือ คดีในเรื่องแทบจะไม่เป็นคดีที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน หรือพบเห็นได้บ่อย ๆ เลย ส่วนใหญ่เป็นคดีแปลกที่มีความเชื่อมโยงหลาย ๆ อย่างเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ การเมือง ความเชื่อ และวัฒนธรรม ความรู้สึกเชื่อมโยงและเข้าถึงง่ายนั้นแทบไม่มีเลย คดีดีไหม ดีค่ะ ซับซ้อนไหม ซับซ้อนมาก เดายากไหม เดาไม่ออกเลย มันขาดความเชื่อมโยงอย่างที่ว่าไป คือเราไม่มีข้อมูลพอที่จะเดาออกมาได้เลย อีกทั้งผู้เขียนมักไม่อธิบายตรง ๆ จะอธิบายนิดหน่อย แล้วให้คนอ่านคิดต่อเอาเอง อ่านยากพอสมควร มันจะมีช่วงที่โอรู้สึกเวิ้งว้างกับข้อมูลที่ให้มามาก (หยกนั่น...) แต่ก็ไม่ใช่ว่ารู้สึกอย่างนั้นตลอดเวลา คนอ่านยังสามารถจับใจความหลักได้อยู่
อีกเรื่องคือ มันจะมีบางประเด็นที่เหมือนเปิดมาให้คิดว่าจะมีอะไร แล้วก็ไม่เล่นประเด็นนั้นต่อ เหมือนอยากให้คิดต่อเอาเอง แต่โอคิดว่าเขาน่าจะอธิบายหรือกล่าวถึงมันมากกว่านี้ เช่น เรื่องการแบ่งฝักฝ่ายอำนาจในวัง ใครกันที่อันตราย เรื่องของไหวหวาง มีตอนที่จางผิงจ้องขาของไหวหวางนานจนเรารู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่กล่าวถึงต่อ หรือที่ไหวหวางพูดกับหลิ่วถงอี่ว่าเคยเจอ เฉินโฉวที่สุดท้ายหายไปไหน ตัวละครต่าง ๆ ที่โผล่มาแบบน่าจะมีอะไรสักอย่าง แล้วสุดท้ายก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
นอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้ว ก็จะมีตอนพิเศษ ซึ่งจะกล่าวถึงคดีที่จางผิงไปเจอก่อนเข้ารับราชการ และคดีที่ใต้เท้าต่าง ๆ ทำสมัยหนุ่ม ๆ ซึ่งทุกตอนมีความน่าสนใจในตัว
โดยรวมชอบค่ะ 4 ดาว |
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
Friends Blog |