เครื่องยศสตรี 凤冠霞帔
凤冠 - เฟิ่งกวาน หรือ มงกุฎหงส์ เป็นเครื่องประดับศีรษะของบรรดาราชนารีและสตรีสามัญชนที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ลวดลายของมงกุฎก็จะแตกต่างกันไปตามระดับชั้นที่ได้รับ หากเป็นของไทเฮา ฮองเฮา พระสนมฯก็จะเป็นรูปหงส์ แต่หากเป็นสามัญชนก็จะเป็นลวดลายดอกไม้ แต่จะเรียกเครื่องประดับชนิดนี้เพื่อความเข้าใจตรงกันด้วยคำเดียวกันว่า มงกุฎหงส์
มงกุฎหงส์สมัยราชวงศ์หมิง
มงกุฎหงส์รวมถึงเครื่องประดับศีรษะของสตรีผู้มีอันจะกินในสมัยก่อนมักจะทำโครงเครื่องประดับด้วยทองหรือเงิน ประดับลวดลายด้วยขนนกกระเต็นสีฟ้า ภาษาจีนใช้คำว่า 点翠 - เตี่ยนชุ่ย คุณสมบัติพิเศษของเครื่องประดับที่ทำจากขนนกก็คือความคงทนของสีสันที่สามารถอยู่ได้เป็นร้อยๆปี เพราะเป็นสีขนที่เกิดตามธรรมชาติ ไม่ได้ย้อมขึ้นจากฝีมือมนุษย์ ดังนั้นขนนกที่นำมาทำเครื่องประดับจึงถือเป็นของหายากและมีราคาแพง ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น ขนแบบอ่อนและขนแบบแข็ง ขนแบบอ่อนก็จะมีความอ่อนนุ่มให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสที่ละมุนละไมกว่า แน่นอนราคาย่อมต้องสูงกว่าด้วย
ต่อมาในการแสดงงิ้ว โดยเฉพาะงิ้วปักกิ่งที่รับเอาวัฒนธรรมราชสำนักมาใช้ รวมถึงสืบทอดแบบแผนการแต่งงานมาจากงิ้วคุนฉวี่ซึ่งเป็นงิ้วหลวงมาก่อนและยังถือเป็นบรรพบุรุษแห่งงิ้ว (百戏之祖) นับถึงปัจจุบันมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากถึง 600ปี งิ้วปักกิ่งก็รับเอาธรรมเนียมเครื่องประดับนี้มาใช้โดยตรง ต่อมานกกระเต็นเริ่มมีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ จนทางการจีนต้องเข้าควบคุมให้เป็นสัตว์คุ้มครอง นักแสดงงิ้วจึงใช้ผ้าไหมที่มีสีคล้ายขนนกกระเต็นมาประดับแทน เรียกว่า 点绸 - เตี่ยนโฉว ซึ่งสีที่ได้เกิดจากการย้อมทำให้ไม่คงทนถาวร และไม่มีงามเท่าขนนกที่มีแววในตัวของมันเอง แต่หากต้องแลกกับการสูญพันธุ์ของนกชนิดนี้แล้ว เราในฐานะมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกันก็ควรจะยอมลดความเห็นแก่ตัวลงมาบ้างเพื่อรักษาสมดุลทางธรรมชาติไว้
จึงเป็นที่มาที่ว่า ทำไมมงกุฎงิ้วปักกิ่งจึงมีแต่สีฟ้า ส่วนมงกุฎสีอื่นๆในงิ้วต่างๆก็เกิดจากการพัฒนาไปตามความต้องการของแต่ละท้องที่ เพื่อความสวยงามก็มักจะทำให้มีสีเดียวกับชุดที่สวมใส่ ปัจจุบันก็มีหลายหลากสี เช่น ชมพู แดง ทอง ฯลฯ
ภาพมงกุฎหงส์ในการแสดงงิ้ว
บทความที่เกี่ยวข้องอ่านได้ที่://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=operahouse-tang&month=08-2010&date=23&group=1&gblog=7 เครื่องประดับนางเอกงิ้ว 旦角头面
霞帔 - เสียะเพ่ย เครื่องประดับชนิดนี้จะใช้คู่กับมงกุฎหงส์ เริ่มใช้กันตั้งแต่สมัยราชวงศ์เหนือ-ใต้ เรื่อยลงมาถึงราชวงศ์หมิงจึงกลายเป็นเครื่องประดับที่ถูกกำหนดให้เป็นของสตรีที่มีบรรดาศักดิ์ต่างๆจะมีไว้ในครอบครอง (เข้าทำนองสายสะพายตั้งแต่ชั้นคุณผู้หญิงขึ้นไปในปัจจุบัน)
ภาพเสียะเพ่ยในสมัยราชวงศ์หมิง
เสียะเพ่ยหรือสายสะพายที่ว่านี้ มีลักษณะเป็นผืนยาวเหมือนผ้าพันคอ มีลวดลายที่ต่างกันไปตามลำดับชั้นยศ ส่วนปลายของทั้งสองด้านจะมีของมีค่าเช่นไข่มุกห้อยถ่วงไว้ วิธีสวมคือใช้คล้องคอลงมา กลัดกระดุมบริเวณช่วงหน้าอก ปล่อยชายทั้งสองด้านพาดลงมาทางด้านหน้า
ภาพหยวนเฟยหรือพระสนมหยวน (ละครโทรทัศน์ความฝันในหอแดง ปี 1987)
สังเกตคนทางขวาที่พยุงหญิงชราไม่มีเฟิ่งกวานเสียะเพ่ย เพราะไม่มีบรรดาศักดิ์
เครื่องประดับชนิดนี้ ถูกนำมาประยุกต์ใช้บนเวทีงิ้วเป็นชุดคลุมประเภทหนึ่ง ที่มีสาบคอกลัดดุมบริเวณหน้าอก เรียกว่า 帔 "พี" ตามรูปศัพท์ต้องอ่านว่า "เพ่ย" แต่ศัพท์เฉพาะในวงการแสดงงิ้วจะออกเสียงว่า "พี"
ภาพเสื้อผ้าสุภาพสตรีในสมัยราชวงศ์หมิง จะเห็นได้ว่าสาบยาวถึงชาย
เมื่อถูกนำมาใช้ในการแสดงงิ้วสาบจะสั้นถึงแค่บริเวณอก
ความต่างของชุดชายและหญิงคือ ความยาวของชุดและรูปแบบของสาบเสื้อ หญิงจะเป็นรูปหัวคฑาหยูอี้ (如意头) ส่วนของชายและหญิงชราจะเหมือนกันคือ ปลายสาบเป็นสี่เหลี่ยมธรรมดา
หยูอี้ ของมงคลที่มีลักษณะคล้ายเห็ดหลิงจือ มีความหมายว่า สมปรารถนา
บทความที่เกี่ยวข้องอ่านได้ที่://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=operahouse-tang&month=10-2010&date=06&group=1&gblog=12 ชุดงิ้วหมวดชุดคลุม 行头 - 帔
凤冠霞帔 - เฟิ่งกวานเสียะเพ่ย จึงมีความหมายถึงเครื่องยศสตรีในสมัยโบราณ ส่วนมากมักจะได้รับพระราชทานเพราะสามีที่รับราชการทำความชอบต่อแผ่นดิน หรือในบางรายก็ได้รับตั้งแต่ยังไม่ออกเรือนเป็นกรณีพิเศษ และสองสิ่งนี้ก็ได้พัฒนาจนมาเป็นอุปกรณ์ในการแสดงงิ้วที่ทำให้เราเพลินเพลินและดื่มด่ำไปกับความสวยสดงดงามและแฝงความหมายดีๆหลังจากที่ผ่านกาลเวลามานับหลายร้อยปี
VIDEO
มงกุฎหงส์ที่เลียนแบบจากสมัยราชวงศ์หมิง (ละครโทรทัศน์ความฝันในหอแดง ปี2010)
หมายเหตุ:เสียงภาษาจีนในบทความเป็นสำเนียงจีนกลางทั้งหมด
Create Date : 07 สิงหาคม 2555
3 comments
Last Update : 31 สิงหาคม 2556 16:53:53 น.
Counter : 15394 Pageviews.