วันที่สาม (๒) เข้าป่าแล้วจ้าาา
เราเริ่มเดินทางกันประมาณบ่ายสามโมง เดินสักพักก็ถึงฝายท้ายหมู่บ้าน ยายกาลา ลุงโส่ยและกล้า (กล้าเป็นลูกเขยของลุงโส่ย) นั่งรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเราก็ออกเดินทาง พี่หญิงบอกว่า คืนนี้ เคิ้ง (ลูกชายลุงโส่ย พี่ชายน้องเติ้ง) จะเป็นคนตีผึ้ง แต่จะตามมาทีหลังพวกเรารีบเดินเพราะกลัวจะมืดค่ำ
เนื่องจากฝนหยุดตกใหม่ๆ จึงทำให้ใบไม้ใบหญ้าสดใส ป่าดูมีชีวิตชีวา และดูรกกว่าครั้งที่แล้ว อากาศค่อนข้างชื้น ยุงชุม เราเดินกันประมาณชั่วโมงกว่าๆ หยุดพักหลายครั้ง "จากนี้ไปต้องเดินขึ้นเขาไต่เขาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง" ลุงโส่ยพูด "อีกไกลไหมคะ" ฉันถาม ^^''
"ไม่ไกล เิดินขึ้นเขาก็ถึงแล้ว" ลุงโส่ยตอบแววตาิยิ้มเป็นประกาย
คณะเดินทางของเราในครั้งนี้ กระเหรี่ยง 8 หมา 7 ลาวอุบลอีก 1 ^^ กำลังนั่งรอพี่หญิง เพราะเจ้าหมาลูกหมาตัวเล็กๆ มันข้ามลำห้วยมาไม่ได้ และดู เหมือนว่ามันจะหลงทาง คงจะเป็นการเข้าป่าของมันครั้งแรก อิอิ
ภาพน่ารักๆ น้องเติ้งกำลังป้อนโยเกิร์ตให้ลุงโส่ย รู้สึกว่าลูกสาวคนนี้จะขี้อ้อน มากมาย เห็นแล้วก็รู้สึกอบอุ่น ^__^
จากนั้นเราก็เดินทางต่อแต่ลุงโส่ยกับกล้ายังนั่งสูบยาสบายใจ เหมือนไม่รีบร้อนอะไร เดินมาประมาณครึ่งชั่วโมง ทางเริ่มลาดชันขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเหนื่อย หายใจหอบและคอแห้ง จึงหยุดพักดื่มน้ำซึ่งเหลืออยู่ไม่มากนัก น้าเบหยิบขวด M 150 ออกมา ก่อนจะส่งให้ยาย ไม่บอกก็รู้มัน "ดีกรี" ^_^ จากนั้นก็ส่งต่อให้ฉัน ฉันส่ายหน้า พลางตอบว่ายังไม่อยากลงไปนอนเล่นในหุบข้างล่าง อิอิ ในใจก็อยาจะจิบอยู่หร๊อก แต่ดูสังขารแล้วไม่ไหว ^^'' เรานั่งพักกันนานพอสมควร ฉันหันไปดูข้างหลังยังไม่เห็นลุงโส่ยกับกล้า คิดว่าคงจะนั่งรอเคิ้ง พอหายเหนื่อยเราก็เดินทางต่อ
เดินไปได้สักพักฉันก็ต้องตกใจ ก็ลุงโส่ยกับกล้านั่งสูบยารออยู่ข้างหน้า ฉันแปลกใจมาก เพราะว่าทางที่เราเดินมามันไม่มีทางไหนจะเดินได้อีกแล้ว มันเป็นทางเดินเลียบเขา อีกทั้งทางค่อนข้างลาดชันและแคบ หากเดินไม่ระวังมีหวังได้ลงไปนอนเล่นในก้นหุบ ลุงโส่ยกับกล้ามาได้ยังไง? ฉันถามน้าเบ เขามาทางลัด น้าเบตอบ ทางลัดที่ไหนไม่เห็นมีเลยน้าเบ ฉันถามต่อ ไต่เขาขึ้นมา น้าเบตอบหน้าตาย ห๊า!!! ไต่เขาขึ้นมา ฉันอุทานพร้อมกับค่อยๆ ชะโงกหน้าไปมองทางลัดของลุงโส่ย นั่นมันทั้งรก ทั้งชัน อีกทั้งกอไผ่ขึ้นรกเต็มไปหมด ดินก็น่าจะเป็นดินผสมลูกรังด้วย มองยังไงก็ไม่เห็นก้นหุบ ไต่กันมาได้ไงนี่ หัวใจจะวาย
พอหายเหนื่อยเราก็เดินทางต่อ ประมาณ 40 นาทีก็ถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือต้นผึ้ง! ต้นผึ้งยืนตระหง่านสูงเสียดฟ้าาาาา ต้นผึ้งต้นนี้มีผึ้งมาเกาะทั้งหมด 7 รัง!!! แต่มัน ทิ้งรังไปแล้ว 5 เหลือแค่ 2 รัง เสียงพี่หญิงคุยกับน้าเบเป็นภาษากะเหรี่ยง น้ำเสียงผิดหวัง
ผึ้งมันเริ่มทิ้งรังแล้ว สงสัยคงไม่มีน้ำหวาน กลับไปนอนบ้านเถอะ น้าเบพูด "จะกลับไปนอนบ้านหรือจะนอนในป่า" พี่หญิงถาม ฉันรู้ว่าน้าเบอยากกลับไปนอนที่บ้าน แม้ตอนกลับมันจะมืด แต่ฉันก็รู้ว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่มีวิีถีชีวิตหากินอยู่กับป่ามานาน ยังไงก็ได้ ฉันตอบเสียงเศร้า (แงๆ) ตอนนั้นประมาณหกโมงเย็นกำลังจะมืด พี่หญิงเหมือนรู้ใจว่าฉันอยากนอนป่าจึงบอกว่า มาถึงแล้วก็นอนนี่แหละจะมืดค่ำอยู่แล้ว ลงไปหาที่พักกันข้างล่างกันดีกว่า ว่าแล้วพี่หญิงก็ค่อยๆไต่ลงเขาซึ่งค่อนข้างชัน บางครั้งก็ลื่นไถล แต่คว้ากิ่งไม้ไว้ได้ ไม่นานก็ถึงลำห้วยเล็กๆ ข้างล่าง มีพวกผักกูด และต้นบอนเต็มไปหมด ใบบอนใบใหญ่เขียวสด ยังกะใครเอาร่มมากางไว้ เราเลือกทำเลข้างๆ ห้วยๆ เป็นที่พัก พี่หญิงบอกฉันเขียนข้อความลงในกระดาษความว่าไม่ต้องมาแล้ว ผึ้งไปหมดแล้ว ให้กล้าเอาไปติดไว้ต้นทางที่คิดว่าเคิ้งจะมองเห็น (แอบเศร้า) ที่พักของเราอยู่ใกล้ๆกับต้นผึ้ง ต้นผึ้งอยู่บนเนินเขา ส่วนเราพักอยู่ริมห้วยข้างล่าง สามารถมองเห็นต้นผึ้งได้ชัดเจน ไม่ทันที่กล้าจะไป เสียงลุงโส่ยคุยกับใครก็ไม่รู้ดังมาจากเนินเขา ฉันจึงหันไปดูพร้อมกับยิ้มดีใจ เคิ้ง นั่นเอง เคิ้งยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ต้นผึ้งแล้ว ^___^ (ตอนนั้นเคิ้งดูจะเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวเลย แอบมีหวัง อิอิ) แต่ก็ยังไม่วายว่าจะยุติภารกิจนี้แล้วกลับไปนอนบ้าน หรือจะเสี่ยงโชคตีผึ้งต่อไป แล้วแต่เคิ้งจะตีหรือไม่ตี เพราะดูท่ามันจะไปกันหมดแล้ว พี่หญิงตะโกนบอกเคิ้ง (ลุ้นๆๆ) มาถึงแล้วก็ต้องตี เคิ้งตะโกนตอบ เย้ๆๆ!!! น่ารักที่สุดเลย (แอบคิดในใจ) หลังจากแอบหดหู่มานาน ตอนนี้เริ่มกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว เราเริ่มจัดการที่พักให้เรียบร้อย
>>> โปรดติดตามตอนต่อไป ^^''
Create Date : 21 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 18 เมษายน 2560 23:52:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 533 Pageviews. |
|
|