W e l c o m e To My B l o g
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
มารู้จักวิธีการทดสอบการสารแพ้กันดีกว่า


มารู้จักวิธีการทดสอบการสารแพ้กันดีกว่า

เนื่องจากเครื่องสำอางเป็นสารเคมีจากภายนอกร่างกาย เมื่อนำมาใช้กับร่างกายจึงมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาต่างๆ กับร่างกายได้ ปฏิกิริยาต่างๆ ที่ร่างกายไม่ต้องการ เรียกว่า “การแพ้” การแพ้ที่พบบ่อยจากการใช้เครื่องสำอางจะเป็นลักษณะ ผื่นแพ้ (Contact dermatitis) เกิดได้หลายๆ แบบ คือ ผื่นแดงนูน ตุ่มน้ำใส หรือมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่ใช้ บริเวณของร่างกายที่มีโอกาสแพ้ได้มากที่สุด คือ บริเวณใบหน้าและที่เปลือกตา เพราะเป็นบริเวณที่ผิวหนังบางที่สุด

สารบางชนิดในเครื่องสำอางอาจเกิดการแพ้เป็นรอยด่างดำหรือเกิดรอยด่างดำ เมื่อทาสารนั้นแล้วไปถูกแสงแดดได้ สารที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางแล้วทำให้เกิดการแพ้ได้บ่อยคือ น้ำหอม สารกันบูด และน้ำยาย้อมผม

การทดสอบว่าสารตัวไหนที่ทำให้เกิดการแพ้ เรียกว่า การทำแพ็ทเทสต์ (Patch test) โดยการเอาสารที่สงสัยมาทาไว้ที่ผิวหนังและดูผลว่ามีผื่นเกิดขึ้นหรือไม่ การทำแพ็ทเทสต์ มี 2 วิธี คือ

1. Open patch test

เป็นการทดสอบโดยการเอาสารมาทาไว้ที่บริเวณท้องแขน หลัง หรือ หลังหู ขนาด 1 ตารางเซนติเมตร โดยไม่มีการ ปิดทับด้วยวัสดุใดๆ สารที่นำมาทดสอบด้วยวิธีนี้ มักเป็นสารที่มีประวัติให้ความระคายเคืองหรือเกิดการแพ้ได้บ่อย เช่น ผงซักฟอก สบู่ น้ำยาดัดผม แต่ถ้าเป็นสารที่เกิดปฏิกิริยามาก อาจทำการเจือจางเสียก่อน โดยให้ลดความเข้มข้นลงเหลือ 1 ใน 10 ก็พอ สารที่ทำให้ระคายเคืองมักจะเห็นผลภายใน 12 ชั่วโมง ส่วนสารที่ทำให้เกิดการแพ้นั้นจะแสดงปฏิกิริยาภายใน 48 ถึง 72 ชั่วโมง หรือทำการทดสอบง่ายๆ โดยการทาสารนั้นที่ใบหูทุกวันติดต่อกันนานประมาณ 10 วัน


2. Close patch test

เป็นการทดสอบโดยใช้ผ้าก๊อซและแผ่นพลาสเตอร์ที่มีสารเคมีหรือสารตัวอย่างที่จะทำการทดสอบ และนำมาติดที่ผิวหนัง ถ้าทำจำนวนน้อยก็อาจทำบริเวณต้นแขน หรือทำบริเวณแผ่นหลังในกรณีที่ต้องการทดสอบสารจำนวนมากและจะอ่านผลหลังจาก 48 ชั่วโมง จะดึงแผ่นที่แปะออกและดูว่าบริเวณที่แปะมีอาการแพ้หรือไม่ อาการแพ้อาจเกิดที่บริเวณอื่นที่ไม่ได้ติดแผ่นทดสอบก็ได้ การทดสอบสารบางอย่างอาจจะมีการฉายแสงโดยใช้หลอดไฟ Mercury arc lamp เพื่อใช้แทนแสง UV ด้วย หากมีปฏิกิริยาการแพ้เกิดขึ้นเรียกว่า Photoallergic contact dermatitis




ถ้าข้อมูลซ้ำกับใคร ต้องขออภัยด้วย เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ เลยนำมาให้อ่านกัน



Create Date : 15 มีนาคม 2551
Last Update : 2 มกราคม 2553 7:30:34 น. 0 comments
Counter : 356 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ooh_kk2007
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ ชาว bloggang ทุกท่านครับ
-->
Friends' blogs
[Add ooh_kk2007's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.