ก่อนอื่นคงต้องระมัดระวังเรื่องการสัมผัสน้ำที่สกปรก ยิ่งโดยเฉพาะในเด็กๆ ที่อาจจะสนุกสนานกับการเล่นน้ำ โดยไม่ได้ระมัดระวัง เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ เราควรหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำที่ท่วมขังเนื่องจากในน้ำมีสิ่งปนเปื้อนมากมาย รวมทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคตาแดง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส ติดต่อได้ง่ายและรวดเร็ว ปกติพบได้บ่อยในฤดูฝน
อาการของโรคตาแดงที่มักระบาดในช่วงน้ำท่วม มีดังนี้่
1.ตาขาวบวมแดง มีขี้ตามาก
2.ระคายเคืองตา คันหรือเจ็บตา
3.ปวดตา
4.สู้แสงไม่ได้ น้ำตาไหลมาก
โดยอาการเหล่านี้อาจเริ่มเป็นเพียงข้างเดียวก่อนแล้วจึงลุกลามไปอีกข้างหนึ่ง
การดูแลรักษาเบื้องต้น
1.ถ้าน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา แนะนำให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาด
หรือน้ำยาล้างตาเบื้องต้น สังเกตอาการหลังจากนั้นว่า มีอาการที่บ่งบอกว่าอาจจะติดเชื้อหรือไม่ ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 วันควรรีบพบแพทย์
2.หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เนื่องจากทำให้ตาบวมมากขึ้น และมือที่เปื้อนเป็นแหล่งที่ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายมากขึ้น เมื่อไปจับสิ่งของต่างๆ
3.หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ควรเช็ดมือให้แห้ง
4.ถ้าใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ควรถอดออก หยุดใส่โดยเปลี่ยนเป็นใส่แว่นแทน จนกว่าอาการดีขึ้น
เนื่องจากจะมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนร่วมด้วยได้มาก
การรักษาโรคตาแดง
เมื่อได้รับการตรวจจากแพทย์แล้ว ผู้ป่วยมักจะได้รับยาหยอดตา อาจเป็นกลุ่มยาลดอาการระคายเคือง ลดการอักเสบในกรณีเกิดจากเชื้อไวรัส หรืออาจได้รับยาปฏิชีวนะชนิดหยอดร่วมด้วย ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์อาจให้ยาแก้ปวด ลดคัน เพื่อบรรเทาอาการ อาการมักค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ถ้ามีขี้ตามาก แนะนำให้ใช้สำลีชุบน้ำบิดหมาดๆ หรือกระดาษสะอาดซับ และทิ่้งลงถังขยะ ไม่ควรใช้ผ้าเช็ด เนื่องจากเชื้อโรคจะสะสมในผ้าได้และแพร่กระจายได้มากกว่า ไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ อาจใส่แว่นกันแดดเนื่องจากเมื่อโดนแสงอาจมีอาการระคายเคืองมากขึ้นไม่ควรใช้ผ้าปิดตาเพราะจะทำให้ติดเชื้ออื่นร่วมด้วยได้มาก ควรหยุดพักงาน หรือหยุดเรียนจนกว่าอาการดีขึ้น เนื่องจากติดต่อง่ายมาก ถ้ามีอาการ สู้แสงไม่ได้ ตามัวลง หรือขี้ตามากขึ้น อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีการอักเสบของกระจกตาร่วมด้วย ควรรีบกลับไปพบแพทย์