Bloggang.com : จ้าว..จอม : 3 เดือน กับหนาวนี้ ที่อัมพวา

3 เดือน กับหนาวนี้ ที่อัมพวา

อัมพวา, สมุทรสงคราม ณ วันที่ 19-20 Dec 08

เที่ยวแต่ทะเลมาซะเยอะ ปีนี้ลองเที่ยวที่ใหม่ๆ บ้าง หลังจากติดใจกับอากาศเย็นๆ ที่สวนผึ้ง ราชบุรี คุณสามีก็ชวนยิกๆๆๆ ให้ไปเที่ยวค้างคืนที่อัมพวากัน เพราะเพื่อนที่ทำงานมีส่ง link ที่พักที่น่าสนใจมาให้

แรกๆ ก็ไม่อยากไป เพราะเคยไปตอนสงกรานต์แบบไม่ได้ค้างน่ะ รถติดตั้งแต่ทางเข้าตลาดน้ำ เดินตลาดน้ำอัมพวาแล้วหงุดหงิดมาก เพราะมีแต่คน อยู่ได้ 5 นาที ก็กลับเลย กลายเป็นว่า ไม่ประทับใจซะงั้น

แต่....เนื่องจากตอนนี้ตั้งท้องอยู่ และรู้สึกอยากสูดอากาศดีๆ ก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวดู เพราะภาพที่พักก็น่าไปดี แต่เพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะ ก็ไปวันธรรมดา ไปศุกร์ กลับเสาร์

Trip นี้พาน้าไปด้วย 2 คน แม่ไม่ยอมไป เพราะบอกเปลี่ยนที่นอน แล้วนอนยาก เลยไม่อยากบังคับเค้า เลยมากัน 4 คน

ออกเดินทางจากกรุงเทพ 9.30 มุ่งหน้าไปตลาดนครไชยศรีก่อน เพราะอยากกินข้าวที่ร้านติ๊กโภชนา (เคยมากะเพื่อนๆ ที่ทำงาน ตอนเลี้ยงอาหารที่บ้านพักคนชรา) ตั้งใจมาก่อนเที่ยง คนจะได้ไม่เยอะ มาถึงยังไม่ 11.00 ดี เลยไปให้อาหารปลากันก่อน ก่อนให้ ไม่เห็นวี่แววปลาเลยน่ะ พอโยนขนมปังไปเท่านั้นแหละ มาจากไหนกันไม่รู้ ยั้วเยี้ยไปหมด

พอให้อาหารปลาเสร็จ ก็ไปกินกันเลย ตั้งใจจะถ่ายรูปมา ถ่ายได้รูปเดียว หลังจากนั้น พออาหารมา มันลืมตัวอ่ะ รีบจ้วงๆๆๆ รู้ตัวอีกที ไม่รู้จะถ่ายอะไรแล้ว

มีสั่งไปทั้งหมด 4 อย่าง
- ห่อหมกปลา อร่อยดี (เป็นเมนูที่แทบทุกโต๊ะสั่งกัน)
- หอยจ๊อปู (เห็นมีแต่คนสั่ง)
- ปลาช่อนแช่น้ำปลาทอด (ปลากรอบมาก เนื้อเยอะ แต่เราชอบแบบมีน้ำปลาราดมากกว่าอ่ะ)
- ต้มยำกุ้งแม่น้ำ (แซ่บ อร่อยมากๆๆๆๆๆ)

มีแต่รูปห่อหมกอ่ะ

จริงๆ มีสั่งอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียม แต่กุ้งยังไม่มาส่งค่ะ จะมาตอนเที่ยง เลยอดกินเยย....

พอกินเสร็จก็แวะซื้อส้มโอไปถาดนึง รสชาติอร่อยมาก หวานอมเปรี้ยว หมดภายในพริบตา

ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ สมุทรสงครามกันต่อ โดยตรงไปที่พักเลย แต่ก่อนเข้าที่พัก เราไปที่ครัวแม่อุไรกันก่อน ซึ่งอยู่ใกล้ที่พัก เพื่อสั่งอาหารสำหรับเย็นนี้ ให้เค้ามาส่งที่บ้านพักได้ค่ะ (เค้าส่งอยู่บ่อยๆ จนมีกุญแจบ้านด้วยน่ะ)

บรรยากาศร้านจริงๆ ก็น่านั่งมาก ทุกโต๊ะอยู่ติดแม่น้ำ ตอนไปถึงประมาณบ่ายโมง ลมดีมาก อากาศเย็นสบาย ถนนที่วิ่งเข้ามา เป็นอารมณ์บ้านสวนเลยแหละ

พอสั่งอาหารเสร็จ ก็ไปที่พักเลย ขับไป 2-3 นาทีก็ถึงแล้ว ที่พักชื่อว่า The Lazy River House เป็นบ้านหลังใหญ่ 2 ชั้น มี 2 ห้องนอน พักได้ถึง 10 คน เจ้าของบ้านค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัว ดังนั้นจะไม่มีป้ายชื่อที่พักเลย เหมือนเป็นบ้านคนแถวนั้น บ้านหลังนี้ เค้าจะให้พักได้แค่เจ้าเดียว ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนคน ส่วนเจ้าของบ้านก็อยู่อีกบ้านนึงในบริเวณเดียวกัน

เข้าไปดูบ้านกันดีกว่า

ชั้นล่างมีห้องทานข้าว มุมนั่งเล่น ห้องครัว และห้องน้ำ มีหนังสือให้อ่าน มีเพลงให้ฟัง ชิวมาก

ในครัว จะมีอุปกรณ์ จาน กระติกน้ำร้อน ที่ปิ้งหนมปัง microwave ชาม ต่างๆ อย่างครบถ้วน แต่เค้าขอไม่ให้ทำอาหารในบ้าน ทำได้ที่ศาลาริมน้ำ แต่ได้แค่ย่างเท่านั้น

ขึ้นไปดูห้องนอนที่ชั้น 2 บ้าง

ห้องนี้เป็น Garden View ลมดี้ดี มี 3 เตียงใหญ่ค่ะ ห้องนี้ให้น้านอน ทั้ง 2 ห้องจะมี TV เครื่องใหญ่ พร้อมหนังมากมายให้ดู อีกห้องคล้ายๆ กัน มี 2 เตียง เป็น River View นี่เป็นระเบียง มองไปเห็นแม่น้ำสวยๆ และ สวนเขียวๆ

ห้องน้ำที่ชั้น 2 ค่ะ ไปพักที่นี้ ต้องเอาผ้าเช็ดตัวไปเอง นอกนั้นเค้ามีให้ ห้องน้ำโดยรวมมี 3 จุดน่ะ มีชั้น 2 ชั้นล่าง และเป็น outdoor อีกอัน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา และไม่ได้ไปใช้บริการด้วย เพราะอากาศเย็นเกินไป

ลงมาข้างล่างดีกว่า อยากเดินไปดูริมน้ำแล้ว จากตัวบ้าน เดินออกไปริมน้ำ จะผ่านสวนเขียวๆ ก่อน ร่มรื่นมากๆ

อยู่ตรงศาลาแล้ว มองย้อนกลับมาที่ตัวบ้าน

พื้นที่ตรงริมน้ำใหญ่มาก เค้าทำเตียงไม้อันเบ่อเริ่ม ไว้นั่งเล่น นอนเล่น แถมด้วยเก้าอี้ผ้าใบอีก 3 ตัว เดินตรงไปอีกจะเป็นที่ทำ BBQ พร้อมโต๊ะกินข้าว และ sink ล้างจาน

บรรยากาศริมน้ำ ดีใจเห็นน้าๆ มีความสุข เล่นกันเป็นเด็กไปเลย

เรางีบหลับตรงศาลานี้ไปชั่วโมงนึงแหน่ะ ตื่นมา 16.00 ก็ชวนกันไปเดินเล่นที่ตลาดน้ำอัมพวา ดีใจมาก คนไม่เยอะ เป็นครั้งแรกที่ได้ข้ามสะพานไปอีกฝั่งน่ะเนี่ย ได้เดินค่อนข้างทั่วเลย เสียดาย ร้านค้าเปิดไม่ครบหมด

ได้เดินดูอาหารและขนมแปลกๆ สนุกไปอีกแบบ
ลูกชุบรูปสัตว์ กับ ขนมหม้อแกง (จริงๆ)

5555 อัณฑะปลาหมึก และ ร้านขายน้ำแบบเก๋ๆ ชื่อ classic มาก สมานการค้า

อมยิ้มหลากสีสัน

ต่างหูขนมหวาน กล่องใส่ของ และ ต้นไม้

แวะกินไอติมโบราณที่ร้านกำปั่น คนขายมุขแพรวพราว น่ารักดี น้ากินรสรวมมิตร (ลอดช่อง & สลิ่ม) เรากินโกโก้

เดินไปอีก zone เป็นแหล่งรวม Home Stay เพิ่งรู้ว่ามี zone นี้ด้วย บ้านพักดูดีกว่าที่คิด ฟากนี้คนไม่จอแจ ดูสงบดี

มุมทานอาหารเก๋ๆ แอบเอาโต๊ะเรียนมาทำเป็นโต๊ะกินข้าวด้วย

เดินพอหอมปากหอมคอ ได้ของติดไม้ติดมือไปบ้าง มีเสื้อของสามี ตุกตาลิงของดิชั้น ตุกตาสังกะสีไขลาน รูปกระต่ายกะเป็ดของดิชั้น อาหารจิ๋วฝากน้องเป้ ได้เวลานัดครัวแม่อุไรมาส่งอาหารที่บ้านแล้ว ก็รีบกลับดีกว่า พระอาทิตย์กำลังตกน้ำเลย

นี่คร้าบบบ......อาหารที่สั่งไว้ มานั่งกินที่ศาลากัน มีปูทะเล 2 ตัว กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่มาก 4 ตัว ต้มยำกุ้งแม่น้ำ (อร่อยโคดๆๆ) ไข่เจียวกุ้ง และ เห็ดออรินจิผัดพริกไทยดำ (เฉยๆ) เรากินได้ไม่เยอะ เพราะท้อง 3 เดือนแล้ว กินมากจะจุก กินปูกะกุ้งแม่น้ำไปคำ ก็ต้องวาง กินไม่ได้ สู้กลิ่นไม่ไหว ก็ได้แต่มอง สามี และ น้า รับประทานกันอย่างมีความสุขกันไป

และแล้วคืนนี้ ก็เข้านอนกันแต่หัวค่ำ 3 ทุ่มกว่าก็หลับแล้ว พัดลมไม่ต้องเปิด เกาะผ้าห่มอุ่นๆให้แน่นๆ ก็พอ หลับสบายเหมือนนอนที่บ้านเลย เสียอย่างเดียว เสียงเรือมาถี่มาก ไม่ว่าจะเรือดูหิ่งห้อย เรือสำราณเหรอเปล่าไม่รู้ พร้อมเสียงเพลงคาราโอเกะที่โหยหวน ได้ยินแล้ว แอบสงสารชาวบ้านเหมือนกันน่ะ ที่โดนรบกวนจากการท่องเที่ยวทางเรือขนาดนี้

เช้าวันใหม่ที่สดใส ตื่นรับอรุณตั้งแต่ 6.30 ก็เดินไปที่ริมน้ำกันเลย อากาศเย็นสะใจ แม่น้ำก็สวยเป็นประกาย จนอดแปลงร่างเป็นนางแบบไม่ได้จริงๆ

ทีแรกเข้าใจว่าไม่มีอาหารเช้าให้ เลยจิบโมโลพร้อมขนมจากร้านอาม้า
ปรากฎเจ้าของบ้านเดินมาบอกว่า เดี๋ยวมีข้าวต้มมาส่ง เป็นข้าวต้มกุ้ง & หมู อร่อยมากค่ะ

ดูได้จากลีลาการกินของทั้ง 3 คน

ส่วนดิชั้น ยังสนุกกับการเป็นนางแบบอยู่ ชอบเหลือเกินมุมนี้ ต้นไม้แอบน่ารัก เป็นรูปหัวใจเสียด้วย

อันนี้เป็น logo ที่พัก ซึ่งเป็นของตกแต่ง และคาดว่าใช้เป็นที่เขี่ยบุหรี่ด้วย (อันนี้เดาเอง)

ตบท้าย ถ่ายรูปกับคุณสามีสักหน่อย แต่หน้าตาเทอแบบ เต็มใจมั่กๆๆ น่ะย่ะ

และแล้วก็ได้เวลา check-out แล้วค่ะ พวกเราก็แวะไปทานข้าวเที่ยงที่ ครัวลายคราม ซึ่งเจ้าของบ้านแนะนำว่า เป็นร้านข้าวแกงฝีมือเหมือนคุณยายทำ ทีแรก ขับรถเลยไปอย่างไกลมาก เพราะไม่คิดว่าเป็นร้านเล็กแบบนี้อ่ะ มีคนทำแค่ 2 คนเอง

อาหารน่ากินทั้งงั้น เราสั่งกันมา 5 อย่าง มีปลาทูทอด 4 ตัว (ทอดกันเดี๋ยวนั้น) น้ำพริกกะปิ (อร่อยได้ใจเดี๋ยนมาก) ผักลวกราดด้วยกะทิตามสูตรดั้งเดิม แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย (ทำกันสดๆ) ต้มข่าไก่ และ ผัดหน่อไม้ พวกเราเบิ้ลน้ำพริกไป 2 ชุดค่ะ ซื้อกลับบ้านด้วย ตบท้ายด้วยลอดช่องกะทิ น้ำกะทิอร่อยดีอ่ะ