The House Bunny - ความโง่ ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ตีพิมพ์ลงนิตยสาร Starpics น.740 หน้าปก Australia



ถ้าหากหญิงสาวในหนังรวมตัวแม่อย่าง Sex and the city คือตัวแทนของสาวสมัยใหม่ หัวก้าวล้ำทางความคิด มีความสามารถรอบด้านตั้งแต่การงาน หน้าตาทางสังคม ฐานะทางการเงิน ความกล้าแสดงออกทั้งเบื้องหน้าและบนเตียง พฤติกรรมเปรี้ยว พูดจาขวานผ่าซากโดยไม่เกรงใจชายหน้าไหน


กระทั่งซีรีย์(รุ่นตัวลูกของ Sex and the city) เกี่ยวกับผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงวัยสาวตอนปลายอย่างใน CASHMERE MAFIA (2008) ซึ่งเล่าเรื่องของผู้หญิงสี่คนซึ่งมีอาชีพอาทิ โซ(ฟรานเซส โอ คอนเนอร์)ครีเอทีฟมากความสามารถในขณะเดียวกันหล่อนต้องกระเตงลูกถึงสองคน มีอา (ลูซี่ ลิว)บรรณาธิการสาวที่ต้องช่วงชิงตำแหน่งกับแฟนหนุ่มจนมีอันต้องแตกหักกันไปข้างหนึ่ง เคตลิน (บอนนี่ ซอมเมอร์วิลล์) หัวหน้าฝ่ายการตลาดที่สับสนในเพศของตนและ จูเลียต (มิแรนด้า ออตโต้) ซีอีโอโรงแรมที่ต้องเผชิญปัญหาผัวนอกใจและลูกสาวหัวขบถ


หนังและซีรีย์ข้างต้น พวกเธอจึงเปรียบดัง “สถานะ” ของหญิงสาวในยุคปัจจุบันที่กำลังเดินหน้าขึ้นมาทัดเทียมสุภาพบุรุษซึ่งในอดีตพวกเขาถูกขนานนามให้เป็นดั่งช้างเท้าหน้า แต่เวลานี้สาวๆก็พิสูจน์ได้แล้วว่าความสามารถของพวกเธอนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามนุษย์เพศผู้เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำภารกิจของพวกหล่อนก็ดูหนักหนากว่าบรรดาคุณผู้ชายอย่าแจ่มชัด จะเห็นได้ว่าตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวอย่างข้างต้น พวกเธอล้วนแล้วแต่เป็นแกนนำขององค์กรทั้งสิ้นเปรียบเป็นดั่งหัวเรือใหญ่ของบริษัทเลยก็ว่าได้ ขณะที่ในรั้วบ้านสาวๆก็รับศึกหนักไม่แพ้กัน



ทว่าหญิงสาวใน House Bunny กลับอยู่ขั้วตรงข้ามกับสถานะของบรรดาตัวอย่างข้างต้นโดยสิ้นเชิง เชลลี(แอนนา ฟาริส)นางเอกของเรื่อง เธอเป็นสาวในสังกัด เพลย์บอย ในขณะที่สาวเจ็ดนาง(เด็กสาวที่เธอเชลลีต้องเป็นเหมือนพี่เลี้ยง)เป็นฉากหลังให้ยัยสาวบันนี่ พวกเธอก็ดูเป็นพวกสาวเห่ย กระจอก ขี้แพ้ ขณะที่สาวตัวร้ายอย่างหัวหน้าบ้านไฟโอตามิวก็ยังเป็นพวกอยากเอาชนะด้วยการใช้ผู้ชายเป็นเหยื่อล่อ(ล่ออะไรต้องหาคำตอบเอง)! หรือพี่เลี้ยงหัวโบราณที่ยึดถือขนบธรรมเนียมว่า หญิงสาวทึ่สวมใส่ยกทรงและเสื้อสายเดี่ยวล้วนแล้วแต่ไร้สมอง!



ขณะที่ผู้ชายในหนังเรื่องนี้กลับกลายเป็นดั่งพระราชาที่ผลาญเวลาไปกับการเคล้านารีซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในหนังดังนี้ ชายแก่เลี้ยงต้อย หนุ่มหุ่นดีแต่ดูไร้สมอง ไอ้งั่งหน้าตาพอไปวัดไปวาได้แถมมีสาวสวยมาตกหลุมรักในตอนท้าย ซึ่งสุภาพบุรุษเหล่านี้ไม่ต้องออกแรงหว่านเสน่ห์หรือทำอะไรเพื่อมัดใจสาวๆให้เมื่อยตุ้ม พวกเขาแค่เพียง ยืนเฉยๆ นั่งถ่างขา หรือชายสายตา สาวๆก็บินว่อนถลาเข้าอ้อมอกพวกเขาแต่โดยดี สถานะของเพศชายในเรื่องนี้จึงถูกยกค่าให้ดูสูงส่งกว่าสตรีอย่างแจ่มชัดและที่สำคัญก็คือหนังพูดด้วยน้ำเสียงของนางเอกว่า “สุดท้ายแล้วชั้นก็แค่ อยากมีเจ้าชายสักคนมาครองรักแบบ แฮปปี่ลี่ เอเวอร์ อาฟเตอร์” นั่นแสดงถึงว่าผู้หญิงอย่างพวกเธอ “ขาด” ผู้ชายไม่ได้ (ฟังแล้วชวนขนลุกไหมล่ะครับท่าน)



หนังเล่าเรื่องราวของยัยสาวบันนี่ตกอับเนื่องจากสังขารร่วงโรย เชลลี(แอนนา ฟาริส) หล่อนโดนไล่ตะเพิดออกจากบ้าน(หลังมหึมา)ซึ่งได้รับการขนานนามว่ามันเป็นซ่องนางโลม เต็มไปด้วยสาว(ผมบลอนด์)เอ๊าะๆ ซึ่งชื่อเป็นทางการคือบ้านเพลย์บอย หลังจากลากสังขารหล่อนไปนั่งจิตตกอยู่พักหนึ่ง เธอก็เหลือบไปเห็นบ้านพักของสาวมหาวิทยาลัยด้วยความซื่อใสใจบริสุทธิ์(โง่) หล่อนจึงแสดงความจำนงว่าเธอจะขอเข้ามาอยู่โดยจ่ายค่าเช่า แน่นอนว่าเธอต้องถูกปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยสุดท้ายหล่อนก็เศร้าใจไม่มีที่อยู่ แต่โชคยังดีที่พฤติกรรมยั่วแบบไม่ได้ตั้งใจของเธอดันไปเข้าตาสาวนาตาลี (เอ็มมา สโตน) หัวหน้าบ้านเซต้าที่มีแต่สมาชิกสุดเห่ยอีกหกคนและเป็นบ้านพักสตรีที่กำลังจะโดนยุบในเร็ววัน หล่อนจึงได้รับเชิญให้ไปเป็นพี่เลี้ยงประจำบ้าน



การเปิดบ้านรับเชลลีเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงของสาวๆทั้งเจ็ดดูเหมือนตอนแรกจะเป็นปัญหา ไม่เพียงเท่านั้นพวกเธอต้องช่วยกันปกป้องบ้านหลังนี้โดยการหาสมาชิกให้ครบ 30 คนเพื่อความอยู่รอดต่อไป แน่นอนยัยบันนี่ซี้ดย่อมใช้ทักษะเฉพาะตัว(ที่คาดว่าทั้งสมองหล่อนคงมีแค่นี้)แนะนำวิธีที่ดีที่สุดให้เลดี้ทั้งเจ็ดนางแปลงโฉมให้สวยเริ่ด เฉ้ง กระเด้ะ ก่อนเป็นอันดับแรก



แน่นอนว่าลูกเป็ดขี้เหร่ก่อนที่มันจะกลายเป็นนางหงส์ในตอนหลังนั้น ในความเป็นจริงแล้วมันอาจจะต้องผ่านกรรมวิธีเมคโอเวอร์แบบสุดฤทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามนี่คือหนังไม่ใช่ชีวิตจริง พวกสาวๆทั้งเจ็ดจึงไม่ต้องเฉาะเฉือน ศัลยกรรมให้งามหรือทำหน้าเด้งให้เจ็บตัวแต่อย่างใด แค่พวกเธอแต่งหน้า วิ่งไปชอปปิ้งเสื้อผ้าสีจัดจ้าน ทำผม เข้าสปา จากบรรดาสาวเนิร์ดเลยกลายเป็นสาวงามในพริบตา



ความไม่สวยและไม่เริ่ดของสาวบ้านเซต้าในตอนแรกนั้น เมื่อพวกหล่อนโดนสังคม(ส่วนมาก)ตราหน้าในพฤติกรรมอันไม่ค่อยปกติของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็นสาวพังค์ที่นิยมเจาะรูบนร่างกาย สาวผิวสีแบบเนิร์ดๆที่ไม่พูดแต่ส่งข้อความทางโทรศัพท์แทน โรบอทเกริล์ที่คาดว่าเธอคงเคยประสบอุบัติเหตุบางอย่างจนเป็นปมฝังใจ ไม่กล้าถอดเครื่องช่วยประคองตัวจนทำให้เธอดูเหมือนหุ่นยนต์ ตัวละครท้อง(และไม่มีพ่อ) อินเดียแดงสาวเสียงดุ สวนอวบที่ไม่กล้าแสดงออก เหล่านี้เป็นภาพลักษณ์ที่หนังเลือกให้ตัวละครดูแปลกประหลาด น่าเวทนาและกลายเป็นตัวตลกของสังคมโดยปริยาย



ซึ่งการประณามที่พวกเธอได้รับคือการที่น้องนีทั้งแปดนางตะลอนไนท์ไลฟ์ตามผับแล้ว ยัยบันนี่ดันมีความคิดก๋ากั๋น อยากให้พวกสาวเนิร์ดเข้าไปทำความรู้จักกับผู้ชายประมาณว่า “พวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด” หล่อนจึงให้พวกสาวเฉิ่มไปลองเชิงผู้ชาย โดยที่ไม่ได้แลสารรูปของพวกเธอว่ามันจะชวน”มอง”เพียงใด ผลสุดท้ายแทนที่พวกหล่อนจะได้รับการสนใจกลับกลายเป็นการดูหมิ่นจากเพศชายด้วยท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์แบบสุดๆ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอยังถูกขับไล่ลงจากเวทีคาราโอเกะในเพลง Like a Virgin เพราะเสียงของพวกเธอฟังแล้วชวนอยากไปโดดตึกตายจริงๆ จึงไม่แปลกเลยที่พวกเธอจะกลายเป็นตัวประหลาดอย่างสมบูรณ์แบบต่อสาธารณชน



นั่นจึงกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้พวกเธอแปลงโฉม ยกเครื่องตัวเองเสียใหม่จนน่าจับตามองของเหล่าชายหนุ่มส่วนมาก เพราะสิ่งที่สาวเชลลีเสี้ยมสอนสาวๆก็คือ “ยิ่งเสื้อผ้าน้อยชิ้น แหก แหวกมากเท่าไหร่ ยิ่งถูกใจผู้ชายมากขึ้นเท่านั้น” และที่เลวร้ายหนักเข้าไปใหญ่คือ พวกเธออย่าลืมนะจ้ะว่า “ผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่ชอบผู้หญิงฉลาด” พูดง่ายๆคือผู้ชายชอบผู้หญิงสวย โง่ โต อึ๋ม แค่นั้นแหละคือทาร์เกตที่พวกหล่อนต้องบรรลุให้ได้




แน่นอนว่าพวกหล่อนทำสำเร็จ มันทำให้พวกเธอเริ่มมีตัวตนปรากฏอยู่ในแผนที่โลกก็คราวนี้แหละ ดังนั้นสิ่งแรกที่พวกเธอคิดได้ในการเปิดตัวต่อสังคมคือการถ่ายปฏิทินวาบหวิวโชว์สัดส่วนเพื่อนำไปขายในงานนิทรรศการของมหาวิทยาลัย เป็นดังคาดว่ามันย่อมขายดีเป็นเทน้ำเทท่าสำหรับคุณผู้ชายที่นิยมเสพย์รูปภาพชวนสยิว แต่สิ่งที่น่าตื่นตระหนกไปมากกว่านั้นคือการให้ตัวละครนาตาลี แต่งชุดโชวอึ๋มแล้วเดินเร่แจกฮอทดอกให้ผู้ชายซึ่งทำหน้าตาหิวซก เข้ามาหยิบไปอย่างสนุกมือ แต่ขณะเดียวกันปากของเธอกลับป่าวประกาศเชิญชวนผู้หญิงในงาน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเซต้า (หาสมาชิก) ฉากนี้เราสามารถตีความและอนุมาน(เชิงเข้าข้างตัวเอง)ว่ามันเป็นการสะท้อนเชิงสัญลักษณ์ ถ้าหากเราเปรียบอาหารดังกล่าวเป็นดั่งอวัยวะเพศชาย ที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามในถาดที่ถือโดยสตรีสุดเซ็กซี่ผู้กำลังป่าวประกาศหาสาวมาเข้าร่วมอยู่ในชายคาเดียวกัน มันคงจะไม่ต่างอะไรจากการยกผู้ชายไว้ให้สูงส่งกว่าผู้หญิง ดังเช่นที่หนังนำเสนอบุคลิกของตัวละครเพศชายที่ปรากฏอยู่ในหนังตลอดมา



ไม่เพียงเท่านั้นสาวๆบ้านเซต้า ยังคงต้องเรียกคะแนนเสียงโดยการจัดปาร์ตี้เพื่อแสดงให้สาวๆที่กำลังจะเลือกบ้านใหม่ มองภาพลักษณ์ว่าสาวบ้านนี้ไม่ได้เนิร์ดและเป็นพวกตัวประหลาดอย่างที่สังคมตราหน้าไว้ พวกเธอจึงออกแบบปาร์ตี้แนวโบราณที่มีจุดขายของงานคือการบูชายันต์สาวเวอร์จิ้น มันยิ่งไปการสะท้อนภาพลักษณ์ของตัวละครเพศหญิงที่ถูกข่มไว้โดยสังคมชายเป็นใหญ่ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น



จุดเดือดทะลักของการข่มผู้หญิงในหนังเรื่องนี้ยังไม่จบลงเท่านั้น ตัวละครอย่างเชลลีเธอกลับไปพบรักกับหนุ่มหน้าตีพอไปวัดไปวาได้แต่มีความคิดในระดับชนชั้นกลาง ด้วยบุคลิกก๋ากั่นบวกความไม่ฉลาด(ในหนังบอกว่าหล่อนอินโนเซนต์) เดทแรกของเธอกับหนุ่มคนดังกล่าวจึงแลดูกลายเป็นหายนะอยู่ไม่น้อย มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวละครนี้เริ่มจะวิวัฒนาการทางความคิด(ย้ำว่า ยัยนี่ต้องใช้คำนี้เท่านั้น) เริ่มอ่านตำรา หาความรู้ ซึ่งหนังก็ยังแสดงถึงความไร้สมองแบบสุดโต่งของตัวละครตัวนี้แบบสุดขั้ว ด้วยการให้เธอจำๆสงครามเกาหลี บ้าบอคอแตกลามเลยไปถึงความคิดเห็นเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หล่อนก็เลยกลายเป็นนังงั่งที่โดนเพื่อนสาวแปลงโฉมให้เธอดูเนิร์ด มีภูมิและคงแก่เรียน แต่คนโง่ก็ย่อมไม่มีปัญญาอยู่วันยังค่ำ อย่างไรก็ดีเดทครั้งที่สองก็ยังคงล่มไม่เป็นท่าอยู่ดี




จนกระทั่งเมื่อทุกๆอย่างเริ่มขมวดปม สาวที่กลายเป็นหงส์แบบปลอมๆเริ่มฉุกคิดได้ว่าพวกเธอหลังจากแปลงโฉมตัวเองให้สวยสะพรั่ง กลับเริ่มมีนิสัยใจคอแบบผู้หญิงโหดร้ายที่คิดว่าตนเองนั่นดี สวยและเลิศเลอไปกว่าผู้อื่น พวกเธอจึงทบทวนคิดไปคิดมาและท้ายที่สุดก็ลงความเห็นว่าทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นความผิดของยัยบันนี่ที่โผล่เข้ามาในชีวิตพวกเธอ!! แน่นอนเชลลีอัปเปหิตัวเองออกจากแหล่งที่เธอนิยามมันว่า “บ้าน” ที่แท้จริง (ที่สำคัญสาวๆในบ้านหลังนี้พวกเธอสมองน้อยกันจริงๆ)



และแน่นอนว่า เวลายิ่งผ่านไปเพียงใดสาวๆในเรื่องก็เริ่มทบทวนสิ่งที่เองกระทำลงไปแล้วคิดว่าความเป็นจริงแล้ว พวกเธอต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน รวมไปถึงการเลือกเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ไม่ควรจะสวยเริ่ดจนเกินไป เนิร์ดจนเอ๋อนอกคอกไป แต่สิ่งสำคัญคือความเป็นกลางพอดีตามหลักทางสายกลาง (แว้ก ตัวละครเกิดพุทธิปัญญาแบบเฉียบพลัน) ซึ่งนำไปสู่บทสรุปเทศนาชาดกสักกรรณ ที่ว่าด้วยความพอเพียง!! พอดีและความสุขของชีวิต



ดังนั้นเราจึงเห็นตัวละครเชลลีหวนกลับมาในช่วงวิกฤตของบ้านเซต้าที่กำลังจะโดนยุบในตอนท้าย ใช้สมองอันน้อยนิดของเธอพูดคำพูดในแนวเสริมสร้างกำลังใจ เกิดแรงบันดาลใจให้ชีวิต(ซึ่งต้องโทษคนเขียนบทว่าทำตัวละครตัวนี้ให้ฉลาดขึ้นโดยสวนทางกับเนื้อเรื่องตลอดมา) แต่กระนั้นหนังก็ยังจิกกัดตัวเองด้วยการให้ตัวละครพี่เลี้ยงหัวโบราณของบ้านไฟโอตามิวสวนกลับมาว่า “แหม ไม่เจียม โง่ยังอวดฉลาดอีกนะ” (ฟังแล้วสะใจชะมัด ผมเห็นด้วยทุกประการ)



แต่นางเอกก็ย่อมเป็นนางเอกวันยังค่ำ ฉากที่เหลือก็คงจะไม่ต้องเดาให้เหนื่อยกันว่าจะเป็นเช่นไร กระนั้นผมก็ยังอดห่วงไม่ได้ว่าถึงอย่างไร ตัวละครทุกตัวในเรื่องก็ยังคงเป็นสาวๆที่อยู่ในกะลาครอบของชายหนุ่มอยู่ดี และที่สำคัญแม้ว่าหนังจะจบลงตัวละครทุกตัวก็ยังคงโง่เสมอต้นเสมอปลาย พวกเขาและเธอยังคงอยู่ในโลกของความเป็นขาวกับดำแบบชัดเจน แม้ว่าหนังจะบอกว่าเราควรเดินทางสายกลางก็เถอะ



มิเช่นนั้นแล้วตัวละครอย่างเชลลีหล่อนก็สมควรจะได้รับชะตากรรมตามที่สาวไร้สมองควรได้รับ มิใช่ได้รับการยอมรับจากชายหนุ่มในฐานะแฟนสาว สาวๆบ้านเซต้าก็ควรได้รับบทเรียนที่สาสมว่าความเป็นจริงคงไม่มีอะไรสำเร็จได้โดยหวังโชคชะตาและเซอร์ไพรส์แบบในหนัง


แต่จะทำไงได้ล่ะก็ในเมื่อหนังตอนเริ่มเรื่องเปิดเรื่องมาด้วยการเปิดหนังสือแล้วทำเป็นว่าหนังเรื่องนี้เป็นนิยาย ตอนจบนิยายสาวเชลลีที่เป็นคนอ่านเลยเข้าข้างตัวเองด้วยการปลอบประโลมคนดูว่า “สุดท้ายนิยายเล่มนี้ก็จบลงแบบ happily ever after”



After หลังจากตัวละครพวกนี้จะตื่นจากในหนังแล้วลุกขึ้นมาบนโลกแห่งความจริงน่ะสิ แล้วพวกเธอจะได้รู้กันเสียทีว่าความโง่นั้นมันไม่ได้ทำให้เราประสบความสำเร็จแบบที่โชคเข้าข้างอย่างพวกเธอนะจะบอกให้.....


คุณรู้จักผมในนาม นามตั้มน้ำเต้าหู้/Onlineza/และชื่อจริงที่คุณผู้อ่านรู้จักครับ



Create Date : 16 ธันวาคม 2551
Last Update : 16 ธันวาคม 2551 0:23:38 น.
Counter : 5123 Pageviews.

2 comments
  
อื่ม ไปดูมาแล้วเหมือนกัน ตั้มเขียนได้ดีนะ
โดย: Thainy IP: 203.152.32.5 วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:10:49:14 น.
  
ดูแล้วค่า

ชอบนะ น่ารักดี ให้ข้อคิดด้วย
โดย: ีสาวน้อย IP: 10.0.3.115, 117.47.38.91 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:16:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Onlineza
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล้อกของผมนะครับ

ถึงแม้จะแต่งบล้อกให้สวยงามไม่ค่อยเป็น แต่รับรองว่าเข้ามาในบล้อกแห่งนี้ มีเรื่องราวให้อ่านมากมายกว่าที่คิด

เร็วๆนี้อ่านจะเพิ่มเติมหัวข้อพากิน พาเที่ยวเพิ่มถ้ามีเวลานะครับ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ

Fanpage : http://www.facebook.com/EntertainmentBite
https://entertainmentbite.wordpress.com/
ธันวาคม 2551

 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog