Men in Black III [B+](Barry Sonnenfeld,2012) ท่องไปในช่วงมหาอำนาจอย่างอเมริกากำลังรุ่งเรือง
จริงๆเราชอบการเขียนบทและทำ Reserch ของอีธาน โคเฮนไม่เบา (Tropic Thunder) เพราะเรารู้สึกว่าข้อมูลประวัติศาสตร์ในปี 1969 นอกจากการปล่อยกระสวยอวกาศแล้ว ตอนการข้ามเวลาของวิลล์ สมิธที่ตัดผ่านช่วงเวลาไปช่วงตลาดวอลล์ สตรีทล่ม ก็ถือเป็น Gimmic คนตึกตกเล็กๆที่หนังพูดถึงภาวะทางการเงินของอเมริกา ณ ช่วงเวลาเดียวกันนี้ได้อย่างน่าสนใจ
กระทั่งตัวร้ายอยากอาแปะมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในคราบคนจีน สะท้อนอะไรบางอย่างว่า ในสายตาคนอเมริกาแล้วพวกเขากำลัง "เกรงกลัว" มหาอำนาจใหม่ในประเทศเอเชียผู้นี้ในระดับเดียวกับหนังสายลับในยุคสงครามเย็นที่มุ่งเป้าที่ประเทศอย่างรัสเซีย
ความตลกขบขันที่เบาบางลง แต่สำหรับคนที่เกทไปมุขแขวะการเมือง อาทิ "ประธานาธิบบดี มาเยี่ยมบ้านหนู เขาเอานมช็อคโกแลตไปแบบไม่ขอหนูก่อน" "พวกคุณควรจะให้ความยุติธรรมก่อนบ้าง ใช่ว่าผมใส่สูท ขับรถมีราคา แต่คุณจะจับผมเพราะผมเป็นคนดำ" "หรือกระทั่งยิปปี้ต่างดาว" เหล่านี้สะท้อนการจิกกัดประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ชาติได้อย่างหยิกแกมหยอก
ไคลแมกซ์ของการส่งยานอพอลโล่ไปที่ดวงจันทร์นั้น เคลือบแฝงแนวคิดที่ว่า อเมริกาที่ผู้นำทางด้านดาราศาสตร์และจักรวาลวิทยา แถวด้วยการปกป้องโลกใบนี้จากต่างดาวผู้รุกราน โดยหารู้ไม่ว่า คนเบื้องหลังอีกหนึ่งคนอย่างมนุษย์ต่างดาวผู้ทำนายอนาคตได้อย่างกริฟฟินเขาอาจจะลืมบอกความจริงบางอย่างในอนาคตอันใกล้กับเอเจนท์เคและเอเจนท์เจว่า "ถึงโลกจะไม่แตกแต่ขั้วอำนาจของโลกกำลังจะเปลี่ยนไป"
นี่คือความจริงที่ไม่ว่าหนังเรื่องไหนก็ต้องยอมรับ อย่ามัวแต่เอาความรุ่งเรืองในอดีตมากลบความจริงเลย!
ถ้าชอบบทความติดตามเป็นแฟนเพจกันได้นะครับ