ช้างไทยแสนอาภัพ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนดูข่าวโทรทัศน์เห็นท่านนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าต่อไปนี้จะไม่มีช้างเร่ร่อนหากินบนถนนในกรุงเทพฯอีก รัฐบาลจะรับซื้อช้างจากผู้เลี้ยงที่ไม่มีกำลังทรัพย์เพื่อนำช้างมามอบให้มูลนิธิเลี้ยงดูต่อไป ก็ได้แต่โมทนาสาธุกับโครงการและภาวนาเอาใจช่วยให้ทำได้สำเร็จ ช้างไทยจะได้พ้นจากทุกขเวทนาแสนสาหัสเสียที ทุกวันนี้เวลาดูข่าวช้างประสบชะตากรรมต่างๆนานาเช่น ตกเหว ตกคลอง ถูกรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัส ยอมรับว่าไม่กล้าดูจนจบ รู้สึกสะเทือนใจมาก น้ำตาไหลราวกับชาติก่อนเคยเกิดเป็นช้าง
คณูปการของช้างไทยมีมากมายเหลือคณานับ คนไทยโบราณรักและให้ความสำคัญกับช้างเห็นได้จากธงชาติไทยก่อนจะมาเป็นธงไตรรงค์ในปัจจุบันก็เป็นธงช้างมาก่อน เรื่องราวของช้างกู้ชาติ เช่นเจ้าพระยาไชยานุภาพ พาหนะคู่พระองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในการทำศึกยุทธหัตถี จากความในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ตอนยุทธหัตถี พระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ดังนี้
"สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า จึงตรัสร้องเรียกด้วยพระสุรเสียงอันดังว่าพระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกันให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว พระมหาอุปราชาได้ฟังดังนั้นแล้ว ละอายพระทัย มีขัตติยราชมานะ ก็บ่ายพระคชาธารออกมารับ เจ้าพระยาไชยานุภาพเห้นช้างข้าศึก ก็ไปด้วยฝีล้นน้ำมันมิทันยั้งเสียที พลายพัทกอได้ล่างแบกรุนมา พระมหาอุปราชาจ้างฟันด้วยพระแสงของ้าว สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าเบี่ยงพระมาลารับพระแสงขอมิได้ต้องพระองค์ เจ้าพระยาไชยานุภาพสลัดลงได้ล่างแบกถนัด พลายพัทกอเพลี่ยงเบนไป
สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าได้ที จ้วงฟันด้วยพระแสงพลพ่ายต้องพระอังสาเบื้องขวา พระมหาอุปราชาตลอดลงมา จนประจิมุราประเทศ ซบลงกับคอช้าง"
นอกจากช้างกู้ชาติแล้ว ช้างแสนรู้ในอดีตอีกเชือกหนึ่งเป็น"ช้างขุนนาง"ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชเล่าไว้ในหนังสือ"อารมณ์ขันของคึกฤทธิ์ว่า"ช้างขึนนางเชือกนี้คือพระเศวตฯช้างต้นในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งอยู่ที่โรงช้างต้นในพระบรมมหาราชวัง พระยาช้างต้นในยุคนั้นจะมีหมอควาญคอยดูแลและมีเครื่องยศประจำตัวเป็นโต๊ะโตกที่ทำด้วยเงินสำหรับใส่หญ้าและอ้อยใช้ในงานพิธี ในโรงช้างเผือกมีลิงเผือก และกาเผือกเลี้ยงไว้ตามความเชื่อถือของคนโบราณที่ถือว่า กาและลิงรับโรคภัยไข้เจ็บแทนช้างได้พระเศวตฯเชือกนี้ท่านเป็นช้างใจบุญและธรรมะธัมโม ในสมัยนั้นจะมีพระสงฆ์เข้าไปรับบิณฑบาตในวังวันละหลายร้อยรูป หลังจากพระรับบาตรจากเจ้านายฝ่ายในแลวก็ถึงตอนพระกลับเรียกว่า"พระล่อง" จะมีข้าราชการฝ่ายหน้าและคนอื่นๆไปคอยใส่บาตรที่ข้างหน้าวัง พระเดินผ่านโรงช้างต้นรับบาตรจากคุณพระเศวตฯทุกวัน ภาพที่เห็นคือ คุณพระยืนอยู่หน้าโรงช้างมีควาญยืนอยู่ข้างๆ ตรงหน้าตั้งโต๊ะวางขันข้าวใส่ บาตรใบใหญ่ ข้างโต๊ะมีโต๊ะไม้อีก ๑ ตัว บนโต๊ะมีโตกเงินใส่กับข้าวคาวหวาน ของคาวบางวันก็มีไข่เค็ม ของหวานเป็นกล้วยไข่ กล้วยหอม ส้มเขียวหวาน
พอได้เวลาพระล่อง คุณพระก็เอางวงจับทัพพีตักข้าวในขันลงในบาตรแล้วก็วางทัพพี ค่อยๆหยิบของคาวและหวานใส่บาตรพระ จากนั้นก็เอางวงจบตรงหน้าผากไหว้พระ วันไหนมีของคาวเป็นไข่เค็มหรือของหวานเป็นกล้วยหอม คุณพระจะค่อยๆชำเลืองดูควาญ พอเห็นควาญ
เผลอก็เอางวงหยิบไข่เค็มหรือกล้วยหอมขยับงวงมาใส่ปาก
ถ้าควาญมองเห็นเสียก่อนก็จะพูดว่า"คุณพระ"
"คุณพระก็......ไม่น่าเลย"
"อย่าน่า คุณพระ บาป"
คุณพระก็จะเอาของวางไว้ที่เดิม
นับว่าคุณพระท่านเป็นช้างที่มีความยับยั้งชั่งใจ และห้ามใจตัวเองได้ดีกว่าคนบางคนเสียอีก น่าทึ่งไหมล่ะ
ในอนาคตช้างไทยจะมีชะตากรรมอย่างไรก็สุดที่จะคาดเดาได้ ธรรมชาติเปลี่ยนไปมากมาย ช้างตัวโตๆก็ยิ่งประสบความยากลำบากในการดำรงชีวิตให้รอด เด็กๆในอนาคตอาจจะได้รู้จักช้างจากรูปภาพและเพลง"ช้างๆๆๆ น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า ช้างมันตัวโตไม่เบา จมูกยาวๆเรียกว่างวง มีเขี้ยวใต้งวง้รียกว่างา
มีหูมีตาหางยาว




Create Date : 30 สิงหาคม 2548
Last Update : 11 กันยายน 2548 18:48:42 น. 2 comments
Counter : 338 Pageviews.

 


โดย: บอล IP: 203.156.49.30 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:49:21 น.  

 
อยากเรียนเก่งเก่ง


โดย: ลอย IP: 203.156.49.30 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:51:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อึ่งปากขวด
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
สิงหาคม 2548
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อึ่งปากขวด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.