|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เทคนิคช่วยในการอ่านหนังสือ
หัวข้อสนทนา : เทคนิคช่วยในการจดจำในการอ่านหนังสือ
อย่างที่ผมเคยโพสไปหลายครั้งแล้วว่าคนเราเมื่ออะไรประมาณสี่ครั้ง จะจำได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ที่เพื่อนหลายคนมีปัญหาคือเมื่ออ่านหนังสือไปแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ กังวลว่ามีหนังสือหลายเล่มที่ต้องอ่าน ผมจึงอยากแนะนำคือว่าเราอ่านหนังสือรอบแรกก็เหมือนเราเพิ่งรู้จักเพื่อนคนใหม่ เรายังไม่สามารถรู้จักนิสัยเขาได้ดีพอในครั้งเดียว จำต้องใช้เวลาสักระยะ ดังนั้นการอ่านหนังงสืออย่าได้มัวที่จะกังวลว่าจำได้หรือไม่ได้ ให้พยายามอ่านให้ได้เยอะที่สุด มากที่สุด ให้เห็นในภาพรวมเพื่อความสบายใจว่าได้อ่านหนังสือเล่มนั้นๆ เรื่องนั้นจบแล้ว และคิดว่าเดี๋ยวคงได้กลับมาอ่านอีก
การอ่านหนังสือควรวางสายตาให้อยู่ตรงกลางของบรรทัดโดยพยายามถ่างสายตาเหมือนดูภาพรวมๆ ให้เร็วที่สุด แต่ตรงไหนที่อ่านเร็วๆแล้วรู้สึกว่าติดขัดจึงค่อยอ่านช้าลงในช่วงนั้น แต่ส่วนใหญ่ให้พยายามถ่างสายตา โดยประมาณถ้าเป็นคำบรรยายทั่วไปชั่วโมงหนึ่งควรอ่านได้ประมาณ สิบห้า ถึง ยี่สิบหน้า แต่ถ้าเป็นจูริสที่เป็นฎีกาจะได้ประมาณสิบถึงสิบห้าหน้า (แรกๆจะช้าแต่ถ้าฝึกเรื่อยๆจะพัฒนาไปเอง และควรกำหนดว่าแต่ละวันจะอ่านกี่หน้า) หลายคนจะแย้งว่าอ่านมากหรือน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่เข้าใจหรือไม่ แต่ที่ผมบอกคือว่าเรานักกฎหมายต้องอ่านหนังสือเยอะมาก และรอบแรกอ่านก็ไม่เข้าใจ ถ้ามั่วอ่านช้าๆและกว่าจะทำความเข้าใจทีละเรื่อง ก็อ่านไม่ทัน แถมเรื่องที่เข้าใจก็ไม่ออกข้อสอบ ดังนั้นรอบแรกควรพยายามอ่านให้จบตามเป้าหมาย รอบสองตรงนี้คือสมองมนุษย์เราจะมีทั้งที่ใช้ในความจดจำทางสายตา ซึ่งทำงานเหมือนกล้องถ่ายรูป ก็คือเวลาเราอ่านก็จะจำและถ่ายทอดไปสู่สมอง(สังเกตุคนที่ท่องตัวบท จะไม่ค่อยเปลี่ยนเล่มเพราะรูปบรรทัดและย่อหน้าตัวบทที่เคยใช้แล้วจะคุ้นเคยกว่า) และสมองอีกส่วนหนึ่งคือส่วนนึกคิด ซึ่งตรงนี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้ คือจะอ่านๆและก็อ่านซ้ำๆจนกว่าจะจำได้ ผมจึงอยากบอกว่าเราอาจใช้สมองทั้งสองส่วนในการช่วยจดจำกับการอ่านหนังสือครั้งหนึ่งๆได้คือ อย่างที่บอกว่าเราอ่านหนังสือครั้งหนึ่งสมาธิอยู่ได้ ๕๐ นาที ใช้เวลาจากเริ่มนั่งจนมีสมาธิ ๑๐ นาที รวมตั้งแต่เริ่มนั่งจนถึงลุกขึ้นเดิน ๑ ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้เมื่อนั่งอ่านหนังสือจบเรื่อง ใน ๑ ชั่วโมงแล้วให้รุกเดินให้สมองผ่อนคลายและนึกเรื่องที่ได้อ่านมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว เล่าให้เพื่อนหรือตนเองฟัง ถ้าเล่าได้แสดงว่าเข้าใจ ถ้าเล่าไม่ได้ก็แสดงว่าเข้าใจไม่จริง เล่าได้ถึงตรงไหน ติดขัดก็ไปเปิดตรงนั้นและพยายามเล่าต่อให้จบที่ผ่าน ก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจเรื่องที่อ่านมาได้หมด
เพิ่มเติมในตอนต้นนิดนึง เพื่อนๆหลายคนที่มีปัญหาว่าอ่านแล้วก็ลืม เรื่องที่เคยเข้าใจแล้ว พอมาอ่านอีกวิชาหนึ่งก็ลืม ทำให้เครียดว่าจำอะไรไม่ได้เลย ตรงนี้อย่ากังวลนะครับ การที่เราอ่านอะไรแล้วลืมเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ถ้าเรามีทบทวนอีกรอบมันจะเร็วขึ้น การเลือนหายไปของความจำเป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าเรานึกถึงบ่อยๆ ก็จะทำให้การเลื่อนหายน้อยลงไป
สรุปดังนี้นะครับ คือให้เราใช้สมองของเราทั้งสองส่วน ส่วนที่เป็นเหมือนกล้องถ่ายภาพคือการอ่านด้วยสายตา กับอีกส่วนคือส่วนนึกคิด ทั้งสองอย่างในการอ่านหนึ่งครั้ง จะทำให้จดจำดีขึ้น มีเป้าหมายในการอ่านในแต่ละเดือน สัปดาห์ วัน หรือแบ่งเป็นช่วงเช้าบ่าย หรือแต่ละชั่วโมง อาจกำหนดเป็นหน้า หรือเป็นวิชา หรือเป็นบทๆ ไปก็ได้ และพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนการทำโน้ทย่อก็ดีนะครับ ก็คือการสรุปอย่างที่ผมบอกข้างตนคือการเล่าให้ตัวเองฟังเป็นตัวหนังสือ(แต่บางทีเราไม่เข้าใจเพราะเพียงแต่จดหัวข้อลงไปในโน้ทเท่านั้น) แต่ถ้าเข้าใจด้วย โน้ทย่อด้วยยิ่งดีใหญ่ เรื่องการถ่างสายตาในการหนังสือก็ลองฝึกดูนะครับเป็นประโยชน์มากๆ เพราะเราต้องอ่านหนังสือเยอะ การอ่านเร็วๆทำให้เห็นภาพรวมได้ทั่วของแต่ละวิชาและสามารถเห็นได้ว่าตรงไหนสำคัญ ตรงไม่สำคัญ เมื่อมาอ่านรอบสองที่ต้องจำแล้วจะทำให้จัดลำดับความสำคัญได้ถูกต้อง
ผมพิมมาเรื่อยๆไม่ได้ทบทวนอีกครั้ง อาจวนๆบ้างนะครับ แต่หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ จากคุณ : นักกฎหมายมือสะอาด - [21 ม.ค.51 19:31]
ความคิดเห็นทั้งหมด 21 ความคิดเห็น แสดงหน้าที่ 1/1
ความคิดเห็นที่ 1 : เอี๊ยดด...ด!!!! เกือบลืม การอ่านหนังสือผมอยากให้เพื่อนๆจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่อ่านนะครับ คือว่า ในการสอบของแต่ละสนามเราจะสอบทั้งหมดแต่ละวันประมาณ ๑๐ วิชา ต้องเอาคะแนะมาเฉลี่ยกัน เกิน ๕๐ เปอร์เซ็น จึงจะผ่าน และคะแนน ที่ ๑-๕ ของแต่ละข้อได้ง่าย แต่คะแนนที่ ๗-๑๐ ได้ยาก ดังนั้นเราจึงควรทำให้ได้ทุกข้อ ดีกว่าเต็มขอหนึ่ง ศูนย์ข้อหนึ่ง
ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆ จัดเนื้อหาของแต่ละข้อออกเป็น สามส่วน
ส่วนแรก คือชั้นที่หนึ่ง ที่เป็นเนื้อหาที่ใช้ออกข้อสอบบ่อยๆ มีฎีกาข้อกฎหมายเยอะๆ ดูได้จากข้อสอบเก่าๆ ที่แต่งโจทก์แล้วเป็นประเด็นน่าสนใจ ส่วนสอง คือชั้นที่สอง ที่เป็นเนื้อหาที่ออกข้อสอบบ้างบางครั้ง มีเอามีแต่งบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย ส่วนสาม คือส่วนที่เป็นทฤษฎี ที่แบบว่าถ้าเราอ่านมาไปเล่าให้คนอื่นฟังไม่มีคนรู้เรื่อง แม้แต่อาจารย์ที่สอนเองยังเห็นไม่ตรงกัน
เมื่อเห็นเนื้อหาสามส่วนข้างต้นแล้ว เพื่อนๆหลายคนที่อ่านหนังสือวันละหลายชั่วโมง แต่ไปอ่านส่วนที่สาม ก็จะทำให้สอบไม่ผ่าน เพราะส่วนดังกล่าวไม่ออกข้อสอบ (แม้เวลาคุยกับเพื่อนจะดูเท่ เพราะคนอื่นไม่รู้ เพราะไม่เคยอ่าน) หรือหลายคนที่อ่านทั้งสามส่วนของแต่ละข้อแล้วสอบตก เพราะทำได้แค่บ้างข้อ เนื่องจากอ่านข้ออื่นไม่ทัน คำแนะนำของผมก็คือ เวลาที่เพื่อนๆอ่านหนังสือให้อ่านส่วนที่หนึ่ง ของแต่ละวิชาให้ครบ สิบข้อก่อน จะทำเราได้ ๑-๔ คะแนนของแต่ละข้อแล้ว(พอมั่วได้แล้ว) และต่อมาให้อ่านส่วนที่สองของแต่ละข้อ จะทำให้ข้อไหนทำได้ก็ ๖-๘ คะแนะ ทำไม่ได้ ก็ ๒-๕ คะแนน แต่เมื่อรวมแล้วก็เกิน ๕๐ คะแนน และเมือเวลาเหลือจริงๆ จึงอ่านส่วนที่สาม เพื่อให้ได้คะแนะเต็มเพื่อบางปีที่ออกข้อสอบบางข้อแหวกแนว สรุปนะครับทุกสนามต้องการคนที่มีความรู้ผ่านมาตราฐานไม่ได้ต้องคนที่เก่งข้อใดข้อหนึ่ง แม้ได้สิบเต็มแต่รวมข้ออื่นแล้วไม่เกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ก็ไม่ผ่านนะครับ จึงเห็นควรให้จัดเนื้อหาก่อนแล้วจึงเริ่มอ่านนะครับโดยพยายามอ่านส่วนที่หนึ่ง ครบทุกข้อ แล้วจึงอ่านส่วนที่สองให้ครบ แล้วเวลาเหลือจึงอ่านส่วนที่สาม ต้องพยายามเตือนตัวเองเวลาที่อ่านรอบแรกด้วยนะครับว่าเรากำลังเข้าไปอ่านในส่วนที่สามแล้วหรือไม่ (เพื่อนอย่ากังวลกับข้อสอบเก่าบางปีที่ออกมาตราแปลกๆมา เพราะข้อสอบเหล่านั้นคือฎีกาดังในช่วงนั้นๆและไม่ออกซ้ำในการอ่านหนังสือเอาที่สำคัญๆก่อน ส่วนที่แปลกให้ดูฎีกาหใหม่) หลายคนพยายามอ่านให้หมดทุกเรื่องแล้วทำให้อ่านไม่ทัน
***จากคุณ : นักกฎหมายมือสะอาด - [21 ม.ค.51 19:48]
จากคุณ : เคยเก็บน่านี้ไว้อ่ะ 1 - [12 ส.ค.51 02:03] จากคุณ : ^___________________^ - [18 ส.ค.51 15:42] ความคิดเห็นที่ 8 : หัวข้อสนทนา : เทคนิคการอ่านหนังสือ โดยทั่วไปการจดจำของมนุษย์ต้องทำอะไรประมาณสี่ครั้ง ถึงจะทำให้จำได้ แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจดจำของแต่ละคน ดังนั้นเราควรอ่านหนังสือประมาณสี่รอบ จะได้ให้เข้าใจได้เป็นอย่างดี การอ่านหนังอย่างแรกต้องวางขอบเขตหรือหนังสือแต่ละวิชาที่เราจะอ่านก่อน โดยมีกำหนดเวลาที่เหมาะสมกับปริมาณหนังสือนั้นๆ ในการอ่านรอบแรกอย่าพยายามจดจำทุกอย่างเพราะจะได้ให้อ่านได้ช้าและท้อ แต่ต้องพยายามอ่านให้เยอะที่สุดและคิดว่าเดี๋ยวก็กลับมาอ่านอีก หลายๆส่วนที่อ่านไปก็ไม่ได้ออกข้อสอบ แต่เราต้องอ่านให้จบเพราะจะได้ไม่กังวลว่ายังไม่ได้อ่าน เมื่อเราอ่านจบแล้วก็จะสบายใจ พออ่านรอบที่สอง คราวนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจ รอบนี้ เราจะจำได้ง่ายแล้ว พยายามอ่านจบหนึ่งเรื่องแล้วเล่าให้เพื่อนหรือตัวเองฟัง ถ้าเราแสดงว่าเราเข้าใจ เล่าไม่ได้ก็ไม่เข้าใจ ติดตรงไหน ก็ไปเปิดตรงนั้น รอบสาม ให้ทำโน้ทย่อ ในส่วนที่สำคัญๆ รอบสี่ อ่านโน้ทย่อไปแล้วก็ไปสอบ แต่ถ้าทำได้สองรอบ คิดว่าคงทำข้อสอบได้แล้ว
การนั่งอ่านหนังสือไม่ควรอ่านเป็นเวลาสองสามชั่วโมงเพราะจะทำให้สมองล้า สมาธิคนเราจะมีประมาณ ๕๐ นาทีเท่านั้น เวลาเริ่มนั่งอ่านกว่าจะเข้าสมาธิได้ก็ประมาณ ๑๐ นาที ดังนั้นจึงควรอ่านครั้งละประมาณ ๑ ชั่วโมง แล้วเดินเล่าสิ่งที่อ่านให้ตัวเองฟัง จะทำให้เราได้ใช้สมองส่วนนึกคิดช่วยในการจำจด หนึ่งสัปดาห์ควรมีเวลาพักผ่อนเล่นกีฬาด้วยนะครับอย่างน้อยหนึ่งวันให้ตัวเองรู้สึกผิด แล้วกลับมาอ่านหนังสืออย่างจริงจัง เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่เตรียมสอบทุกสนามนะครับ
***จากคุณ : นักกฎหมายมือสะอาด - [20 ม.ค.51 21:44 ................................................................................
หัวข้อสนทนา : เทคนิคการท่องตัวบท อย่างที่เคยบอกไปแล้วนะครับ ว่าสมองเราทำงานมีระบบในการจดจำสองส่วนคือที่ทำงานคล้ายกล้องถ่ายรูป กับส่วนนึกหรือระลึกถึง ในเรื่องการท่องตัวบทซึ่งเป็นเหมือนอาวุธหรือสิ่งสำคัญที่เราเหล่านักกฎหมายต้องใช้ในการสอบทุกคร้ง(บางคนบอกว่าจำแต่หลัก แล้วก็เขียนก็สอบผ่าน แต่เชื่อผมนะครับสำหรับการสอบทั้งสามสนาม คนตรวจยังเป็นนักกฎหมายรุ่นเก่าๆ จำนวนมาก ยังอดให้คะแนนตัวบทไม่ได้แน่นอน) ดังนั้นเราคงต้องพยายามจดจำหรือท่องตัวบทให้ได้ การท่องตัวบทเราก็ต้องจัดความสำคัญตัวบทที่เราจะท่องก่อนว่า มาตราไหนที่ต้องจำอย่างแม่นยำ มาตราไหนจำแต่หลักๆ มาตราไหนให้พอรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แบ่งเป็นสามส่วนเหมือนการจัดเนื้อหาในการอ่านหนังสือนั่นละครับ
เมื่อเราจัดลำดับมาตราเป็นสามส่วนแล้วก็มาถึงการที่จะท่องตัวบท ผมอยากให้เพื่อนๆวางตารางการท่องตัวบทตั่งแต่เนิ่นๆ เช่นก่อนสอบ สาม สี่เดือน โดยท่องทุกวันวันละ ๕-๒๐ มาตรา ใช้เวลาในช่วงเช้า รอบแรกก็จะจำได้ยากและท้อ แต่เราต้องท่องประมาณ ๓-๔ รอบจึงจะสามารถจำได้ หลายคนท่องไปแล้วลืมก็เครียด อันนี้อยากบอกว่าเป็นเรื่องปกติครับ ไม่ลืมสิแปลก แต่การที่เราท่องตัวบททุกวันจะทำให้สอง สาม วันก่อนสอบ เราสามารถทบทวนได้ทัน และจำได้เร็ว แต่ถ้าไม่ท่องก่อน ไปอัดๆช่วงใกล้สอบจะเอียน และไม่อยากจำ ทั้งมีความกังวลกดดดันทำให้จำไม่ได้ สรุปนะครับ คือเทคนิคการท่องตัวบท ๑. จัดลำดับความสำคัญของมาตราต่างๆ ในแต่ละเรื่อง ถ้าเวลาน้อยเลือกๆมาท่อง โดยจัดลำดับความสำคัญตามโอกาสในการออกข้อสอบ ๒. ท่องตัวบททุกวัน โดยวางตารางแต่ละวันให้ถึงวันสอบแล้วได้ประมาณ ๓ รอบ โดยให้แต่ละรอบเวลาน้อยลงตามลำดับ แรกๆวันละ ๕-๑๐ มาตรา ต่อมา ๑๐-๒๐ มาตรา ก่อนสอบอาจทบทวนวันเดียวทั้งหมดก็ได้ ( สมองพวกเราทำได้จริงๆนะครับ) และให้ท่องสลับวันสอบกัน เช่น เอามาตราวันสอบวันที่แรกมาท่องก่อน และท่องของวันที่สอง ประมาณเวลาการท่องทั้งสองรอบให้ครบก่อนวันสอบวันแรกหนึ่งสัปดาห์และใช้สัปดาห์สุดท้ายท่องของวันแรกแล้วเข้าไปสอบ และใช้สัปดาห์ก่อนสอบวันที่สองทบทวนตัวบทของวันที่สอง..............แล้วสมองเราจะไม่สับสน ๓. มาถึงสิ่งที่พวกเพือนๆอยากรู้คือทำยังไงจึงจะจำได้ อันนี้ลำบากนิดนึงแต่พยายามได้ครับ คือเราใช้สมองในการอ่านตัวบท ทำความเข้าใจ และพยายามใช้สมองที่เหมือนกล้องถ่ายรูปจดจำรูปประโยคและย่อ บรรทัด ของตัวบทที่เราใช้ แล้วปิดและนึกถึงสิ่งที่เราท่อง เวลาท่องควรเดินให้เกิดการหมุนเวียน สิ่งที่พยายามจำเข้าสู่สมอง(อันนี้ความเชื่อส่วนตัว) ๔. การใช้สมองส่วนนึกคิดนั้นนอกจากจะใช้ตอนอ่าน เพื่อนๆอาจใช้เวลาต่างๆได้อีก คือให้เราพยายามถือประมวลกฎหมายติดตัวไปทุกที่ เมือเราเห็นตัวเลข จากป้ายทะเบียนรถ หรือป้ายโฆษณา หรือจากที่ไหนก็ตามให้เราทำเหมือนเล่นเกม คือสมุด เราเห็น ตัวเลข ๕๔๒๐ ก็ให้เราพยายามนึกว่า มาตรา ๔๒๐ แพ่งคืออะไร อาญาคืออะไร วิแพ่งคืออะไร วิอาญา คืออะไร อันนี้ก็จะได้ตอบ ถ้าเป็นมาตราสำคัญต้องจำได้ทั้งหมด สำคัญบ้างต้องจำหลักได้ ถ้าไม่สำคัญต้องให้รู้ว่ามาตราดังกล่าวอยู่ในเนื้อหาส่วนไหน หรือต้องนึกให้ออกว่าตัวบทที่เราท่องมีถึงมาตรานั้นหรือไม่...........นึกไม่ออกก็เปิดตัวบทที่เราถือติดตัวมาดูนั่นละ เหมือนเราเล่นเกมสนุกกับตัวเองและได้ความรู้ตลอด
เราเป็นนักกฎหมายตราบใดที่ยังต้องพยายามสอบ ให้พยายามพกตัวบทติดตัวเสมอนะครับ เหมือนกระบี่ของพวกเรา ผมพยายามอธิบายแต่คง งงๆบ้างนะครับ เพราะไม่เหมือนนั่งคุยกัน และยกตัวอย่างให้เห็นโดยการพูด แต่หวังว่าที่พิมมาข้างบนจะให้ประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะครับ
จากคุณ : นักกฎหมายมือสะอาด - [22 ม.ค.51 22:45]
ความคิดเห็นทั้งหมด 32 ความคิดเห็น แสดงหน้าที่ 1/1
ความคิดเห็นที่ 1 : จากตัวเลข ๕๔๒๐ข้างบนเราอาจเล่นต่อด้วยการปิดสองตัวแรก แล้วถามคำถามเดียวกันว่า มาตรา ๒๐ ของแต่ละประมวลคืออะไร หรือปิดตัวท้ายก็เช่นเดียว ก็จะได้ เลข ๕๔๒ ให้พยายามสนุกกับการเล่นกับตัวเลข ซึ่งบ้างครั้งเกินมาตราสุดท้าย ก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าประมวลนั้นมีไม่ถึงเลขดังกล่าว
***จากคุณ : นักกฎหมายมือสะอาด - [22 ม.ค.51 22:50]
จากคุณ : เครดิต ของคุณ นักกฎหมายมือสะอาด ครับ จากคุณ : >_______________________< - [18 ส.ค.51 15:43] ความคิดเห็นที่ 9 : ความคิดเห็นที่ 5 : อ่านคำบรรยายประกอบกับจูริสครับ
ถ้าเห็นคำบรรยายสิบกว่าเล่มแล้วบอกว่าเยอะไม่อยากอ่าน ก็เลิกเรียนไปเถอะครับ พูดตรง ๆ นะ ไม่ต้องให้กำลังใจอะไรกันมากมาย
แค่นี้ยังอ่านไม่ไหว จะไม่ต่อไม่ได้แน่นอน
ยังไงก็ต้องอ่านครับ
อนาคตหลังจบเนติถ้าอยากไปต่อ หนักหนากว่านี้อีกเยอะครับ
อ่านไปเถอะอย่าขี้เกียจ อย่าคิดว่าอ่านจูริสไม่กี่เล่มไม่มีหน้าแล้วจะสอบได้
ผมสอบผู้ช่วยได้ก็อ่านจูริสเป็นสิบรอบ แต่อ่านคำบรรยายเนติแค่สามรอบ แต่อยากจะบอกว่าผมอ่านคำบรรยานเนติก่อนนะครับอ่านจนคิดว่าพื้นดีแล้ว ก็ค่อยไปอ่านจูริสเพื่อเจาะฏีกาในเชิงลึกขึ้น จนพอเข้าใจก็ข้อทำสอบเก่า ๆ ไป ส่วนหนังสือเสริมอื่น ๆ ไม่ต้องไปสนครับหนักหัวเปล่า ๆ
สรุปว่ายังไงก็ต้องอ่านครับ อย่าท้อ อย่ากลัวลืม อ่านสะสมไว้นาน ๆ ครับ อ่านหลาย ๆ รอบมันฝังไปในหัวเองครับ สอบไม่ได้ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่หลายคนที่สอบไม่ได้เพราะยังขยันไม่พอเองครับ หวังเคล็ดลับ หวังหนังสือที่ดี หวังอะไรที่จะช่วยย่นเวลาอ่าน แล้วก็หวังอะไรก็ตามที่จะช่วยให้สอบได้ โดยไม่คิดจะอ่านให้มากๆ อย่างสม่ำเสมอ ก็อย่างที่ว่าข้างต้น อ่านคำบรรรยายกับจูริสไปเถอะครับ สะสมความรู้ไว้ตั้งแต่สอบเนติแล้วถ้าจะไปต่อก็สะสมวิชาต่อไปอย่าทิ้ง ทิ้งหนังสือสองวันเท่ากับต้องเริ่มอ่านใหม่แต่ต้นครับ จำไว้
ผมจริงใจนะอยากให้ทุ่มเทกันมากกว่านี้ การสอบไม่มีอะไรยากครับแต่อยู่ที่ตัวคุณเองเตรียมตัวถึงแค่ไหน
จากคุณ : ถ้าคุณอยากไปต่อ - [08 มี.ค.51 08:45] ความคิดเห็นที่ 6 : อ้อลืมบอกไปอีกว่า เวลาอ่านหนังสือน่ะถ้าอ่านไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปตกใจไม่ต้องท้อครับ อ่านรอบแรกผ่าน ๆ ไปก่อน แล้วอ่านรอบต่อไปจะเข้าใจดีขึ้น อ่านรอบต่อไปก็จะเข้าใจมากขึ้น ต่อ ๆ ๆๆ ๆ ๆ ไปก็จะซึบซับไปเองครับ วิธีนี้สำหรับคนไม่เก่งสมองไม่อัจริยะแบบผมก็ต้องอ่านตะบันมันเข้าไป
ใครว่าสักแต่ว่าอ่านแต่ไม่เข้าใจแล้วจะสอบไม่ได้นั่นอย่าไปสนใจครับ
ถ้าอ่านถึงจริง ๆ มันจะเข้าใจไปเองครับ เชื่อผมเถอะ
ให้ตะบันอ่านเข้าไปเข้าใจไม่เข้าใจก็อ่านไปก่อน หลาย ๆ รอบจะตกผลึกเองครับ
ลองทำดูก่อน จากคุณ : ความเห็น ๕ - [08 มี.ค.51 08:49]
ความคิดเห็นที่ 9 : จำได้จำไม่ได้ไม่เกี่ยวครับ อยากจะเน้นเลยว่าให้อ่านเข้าไปเยอะ ๆ เท่านั้น ไม่มีหลักการไม่มีเคล็ดลับใด ๆ ทั้งสิ้นครับ อ่านเก็บเล็กผสมน้อยไปทุก ๆ วันอย่างสม่ำเสมอครับอย่าหยุดอย่าท้อ เตรียมตัวสองปี อ่านเข้าไปจำได้จำไม่ได้ก้อ่านไปหลาย ๆ รอบเดี๋ยวมันจำได้เองล่ะ ผมสอบผู้ช่วยได้ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน ใช้ความสม่ำเสมอ อ่านเยอะ ๆ ผมเรียนไม่เก่งความจำไม่ได้ เข้าใจอะไรยาก แต่อาศัยการอ่านเยอะ ๆ อ่านจนเห็นเลขฎีกาก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร อ่านจนหลับตาก็นึกหน้าในหนังสือที่มีคำตอบเรื่องนั้น ๆ อยู่ได้
ขนาดผมยังทำได้แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้ล่ะ ผมใช้เวลาสองปี อ่านเฉลี่ยวันละ ๓ ถึง ๕ ชั่วโมงในวันทำงาน วันหยุดอ่านสิบชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งอ่านได้เกือบห้าสิบชั่วโมง เฉลี่ยชั่วโมงละ ๑๐ หน้า อ่านรอบสองก็จะเร็วขึ้น รอบสามก็จะอ่านเร็วขึ้นอีก จนรอบที่ ๗ ที่ ๘ เห็นเลขฏีกาแล้วเปิดผ่านหน้านั้นไปได้เลย
อ่านจนเข้าที่ก็เอาข้อสอบเก่ามาทำจับเวลาเสมือนจริง ให้คะแนนตัวเองเล่น ๆ ดู
ทำวนไปวนมาเรื่อย ๆ
สอบได้แน่นอน
ทำได้จริง ๆ ผมรับรองผล
ถ้าไม่เชื่อแสดงว่ายังไม่ได้ลอง ถามผู้ช่วยรุ่นเดียวกันที่สอบได้ถ้าจริงใจคุยกันก็จะทำแบบนี้กันทั้งนั้น แต่ถ้าผู้ช่วยที่อวด ๆ หน่อยก็จะบอกว่าไม่ค่อยได้อ่านก็สอบได้ ซึ่งไม่จริงหรอกครับ
สี่สิบเอ็ดคนจากเกือบหกพันคนทำแบบนี้ทั้งนั้นจึงสอบได้ ผมก็คนหนึ่งในสี่สิบเอ็ดจึงกล้ามาบอกครับ
ขอให้โชคดีทุกคนครับผม
จากคุณ : ผู้ช่วยรุ่นที่ ๕๕ ครับ - [04 มี.ค.51 17:58] ความคิดเห็นที่ 10 : อ้อลืมบอกไปว่าไม่ต้องไปอ่านหนังสือหลายสำนักหลายอาจารย์ให้มากมาย ผมอ่านแค่คำบรรยายเนติกับจูริสและฎีกา ๕ ปีหลังเท่านั้น อ่านหลับวนไปวนมาแค่นี้หลาย ๆ รอบก็พอแล้ว
ถ้าไปอ่านทฤษฎีอาจารย์อื่น ๆ เยอะ ๆ แล้วจะงงครับ เวลาตอบจะไปตอบตามทฤษฎีแนวคิดอะไรก็ไม่รู้ซึ่งไม่ใช่แนวฎีกาก็จะออกทะเลไปได้ครับ ดังนั้นอ่านแค่นี้พอครับแต่อาศัยอ่านซ้ำ ๆ
จากคุณ : ผู้ช่วยรุ่นที่ ๕๕ ครับ - [04 มี.ค.51 18:12]
ความคิดเห็นที่ 10 : บางคนใช้ความเข้าใจนำไปสู่ความจำ
แต่ผมใช้ความจำนำความเข้าใจครับ
ยกตัวอย่างเช่นตัวบทมาตราที่ซับซ้อนหนึ่งมาตรา พยายามจะอ่านเพื่อทำความเข้าใจเพราะขี้เกียจท่อง สรุปอ่านยังไงก็งงอ่านประกอบคำบรรยายหรือฎีกาก็งง ก็เลยท่องมันให้ขึ้นใจไปซะเลยแม้จะยาวหน่อยท่องนานหน่อยก้ท่องไปก่อน
พอท่องได้ลองกลับไปอ่านฏีกาที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นดูอีกที โอ้โหทีนี้ทะลุปรุโปร่งเลย พออ่านฏีกาหลาย ๆ รอบก็แบบทีนี้ลึกซึ้งเลยครับ
ไม่เชื่อลองดู แค่ท่องจำหรืออ่านหลาย ๆ รอบมันจะไปยากอะไร
แต่ต้องใช้เวลาครับ
จะบอกให้เลยว่าการตอบข้อสอบผู้ช่วยนั้นให้ลืมการตอบแบบเนติไปเลยครับ หลักกฎหมายอะไรไม่ได้ไปใส่มากเลยครับ อ่านโจทย์แล้วต้องเขียนได้ทันทีไม่มีเวลาให้คิด แล้วจะเขียนยาวก็ไม่ดีเขียนเยอะก็ผิดเยอะไม่รู้จริงอย่าไปเขียนเยอะตอบเท่าที่ถามไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
คำตอบที่จะตอบคืออะไร มีหลักกฎหมายอะไรอ้างเข้าไปประกอบคำตอบเรา
เอาเฉพาะเลขมาตราเท่านั้นถ้อยคำในตัวบทแม้จำได้ก้ไม่ต้องไปใส่ เอาแค่เลขมาตราแล้วก็หลักจริง ๆ ของมาตรานั้นเท่าที่โจทย์ถามเท่านั้นมาใส่ประกอบเลขมาตราไป
เช่น " การที่...(ลอกโจทย์เฉพาะตรงที่เป็นประเด็นเอาแค่สั้น ๆ ).....เป็นการกำหนดความเสียหายไว้ล่วงหน้า จึงเป็นเบี้ยปรับตามมาตรา......
ประเด็นละสองบรรทัดพอครับ เขียนเยอะเสียเวลา เอาแค่คำตอบที่ถูกธงกับหลักกฎหมายพอ ส่วนเรื่องที่ถามฎีกาก็ใส่ถ้อยคำในฎีกาไปนิดหน่อย
ยังไงก็ตามต้องจำให้ได้ทั้งตัวบทและถ้อยคำในฎีกาเรื่องต่างๆ ไม่งั้นอ่านโจทย์แล้วมัวแต่มานั่งคิดนั่งตีความไม่ทันกินครับ อ่านโจทย์แล้วต้องตอบได้เลย ต้องรู้ว่ามีหลัก มีฏีกาเรื่องนั้น ๆ ว่าอย่างไรแล้วเขียนไปเลย สี่ชั่วโมงเหลือ ๆ ครับ
แต่ต้องอ่านหนังสือให้ถึงจริง ๆ นะครับ ผมอ่านจูริสอย่างเดียวทุกเล่ม เล่มละเกือบสิบรอบ ไม่ได้ท่องจำแต่อ่านซ้ำเยอะๆ อ่านจน จำได้ขนาดเห็นเลขฎีกาก็รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ลองทำดูมันจำได้เอง ไม่ได้อัจริยะอะไร แต่มันตกผลึกเอง
เวลาตอบข้อสอบจะรู้เลยว่าคำตอบอยู่ในจุริสเล่มไหนหน้าไหน ไม่ต้องเอาความเข้าใจอะไรมาก อ่านไปจนจำได้เองแล้วจะเข้าใจเองครับ
แล้วพอไปเข้าห้องสอบก็สบายอ่านโจทย์แล้วตอบทันที ตอบก็ฟันธงไปกับหลักเท่านั้น ตอบเน้น ๆ แค่ครึ่งหน้าได้ ๘.๕ แต่ตอบเน้น ๆเหมือนกันแสดงภูมิเต็มที่ อธิบายไปหน้าครึ่ง ได้แค่ ๓ ถึง ๕ ก็ลองคิดดูแล้วกันจะตอบแบบไหน
จากคุณ : รุ่น ๕๕ - [12 มี.ค.51 18:44]
เคยเห็นเค้าโพสไว้ในกระทู้เก่าๆ
จากคุณ : T________________________T - [18 ส.ค.51 15:44]
//www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=808252
Create Date : 18 สิงหาคม 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 22:20:28 น. |
Counter : 8890 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Noom (khaonaun ) 17 มกราคม 2553 12:40:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใยบัว. (เกวียนเก่า ) 14 ธันวาคม 2553 19:21:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: โจโฉ (joechou ) 7 พฤษภาคม 2554 11:27:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: found IP: 124.122.174.197 14 ธันวาคม 2554 14:33:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอมวรินทร์ IP: 171.6.235.156 30 กันยายน 2560 11:40:24 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
" อย่ามักน้อยหวังเพียงปัญญา เพื่อใช้ทำมาหากิน อย่าหวังเพียงเรียนกฎหมายให้จบสิ้น เพื่อทรัพย์สินชื่อเสียงตำเเหน่งงาน
ขอจงเป็นดั่งเทพยุติธรรม ผู้รู้โลกลึกล้ำเกินคำขาน
บูชาความถูกต้องเป็นตำนาน มุ่งสืบสานประโยชน์สุขเเก่มวลชน "
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณนะค่ะ