"Over 3,000 Miles in 20 Days" : U.S. West Coast Road Trip [DAY 2]"Hollywood City & The Getty Center"

//pantip.com/topic/32106193

สวัสดีครับ

หลังจากวันแรกของการเดินทาง มาถึง L.A.เป็นที่เรียบร้อย  วันที่สองนี้เราจะเริ่มเดินทางออกไปเที่ยวในตัวเมืองกันบ้างครับ  จริงๆแล้ว ที่แอลเอ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งทีเดียว  ทั้ง Universal Studio, Disneyland ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวันในการเที่ยว แต่เรามีเวลาไม่มากดังนั้นรอบนี้ขอผ่านไปก่อนละกัน   วันนี้เลยเลือกเฉพาะสถานที่ที่อยากไป  ที่แรกเป็น ป้าย Hollywood อันใหญ่ยักษ์ ที่หลายคนคงคุ้นตา  ถ้ามาแล้วไม่มีรูปกับป้ายฮอลลีวู้ดนี้ ถือว่ามาไม่ถึงแน่ๆ  , The Getty Center มิวเซียม ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี ภายในจัดแสดงผลงานทางศิลปะมากมายหลายประเภท  



นอกจากนั้นก็ยังมีสถานที่อื่นๆ  ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้ง Hollywood Boulevard, Bevery Hills, Santa Monica, 3rd Promenade , Griffith Observatory เรียกว่าในหนึ่งวันคงเที่ยวแอลเอไม่ครบทุกที่แน่ๆ  เดี๋ยวมาลองดูกันว่า เราจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง

พร้อมแล้วขึ้นรถกันเลยนะคร้าบ



:: อุปกรณ์ถ่ายภาพ ::
Nikon D90 + Nikkor 18-105 mm + Tokina tokina 11-16 mm  + Tamron 70-300 mm vc

สำหรับแผนการเดินทางในวันนี้

ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


เช้าวันแรกของการท่องเที่ยว ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นสบาย ฤกษ์ดีมากๆเลยครับ

จัดการทำธุระส่วนตัว ทานข้าวเช้าให้เรียบร้อย  จากนั้นก็เตรียมตัวออกไปเที่ยวกันเลยยย



จากแผนการเดินทางของเรา  เป้าหมายแรกในวันนี้คือ ไปถ่ายรูปกับป้าย Hollywood ครับ   ออกเดินทางกันตั้งแต่ก่อน 8 โมง ผู้คนกำลังเดินทางออกไปทำงานกัน รถเยอะทีเดียวครับ







มี GPS นำทาง สบายขึ้นเยอะเลยครับ แต่ก็ต้องคอยดูเส้นทางดีดี เพราะบางทีถึงทางเลี้ยว เครื่องยังไม่เตือน ทำให้เลี้ยวไม่ทัน  ต้องเสียเวลาไปวนรถกลับมาใหม่



นี่คงเป็นตึกสูงที่เรามองเห็นจากบนเครื่องครับ



ตึกสีขาวด้านซ้าย ที่ติดกับตึกสีแดงนั่นคือ " คุก " ครับ



ตามผนังกำแพงใต้ทางด่วน ก็ไม่ปล่อยให้ให้โล่ง ทำเป็นรูปศิลปะ ดูสวยดี



นานๆ จะเห็นแท็กซี่สักคันบนท้องถนน  หากต้องการใช้บริการ ต้องโทรจองเท่านั้นครับ ไม่สามารถโบกกลางทางเหมือนบ้านเราได้



ตอนนี้เรามาถึง  North Beachwood Drive แล้วครับ หลายคนก็แวะถ่ายภาพกับป้าย Hollywood กันที่บริเวณนี้  แต่มันก็ยังดูไกลไปหน่อยครับ มาทั้งที ขอขึ้นไปถ่ายใกล้ๆดีกว่า



เราเลือกมาทางเส้น  Mulholland Hwy ซึ่งถนนที่ขับขึ้นมาเป็นทางขึ้นเขา ชันนิดหน่อย มีโค้งบ้างเล็กน้อย

พอมาถึงจุดนี้ก็ต้องหาที่จอดละครับ เราจอดกันริมทางข้างถนน ครับ



เพราะด้านบนถนนชันและแคบ เดินไปดีกว่าครับ ไม่ไกลมาก แต่ก็แอบเมื่อยขาเล็กๆ





ถึงแล้วครับ ผมว่ามุมนี้เข้าถึงง่าย และสวยกว่ามุมอื่นๆ นะครับ  หากใครต้องการเดินไปที่ตัวป้าย รู้สึกจะมีเส้นทางเดินขึ้นจากเขาด้านหลังตัวป้ายด้วยครับ  

สำหรับความเป็นมาของป้ายนี้  เดิมที มาจากคำเต็มๆว่า " HOLLYWOODLAND " ซึ่งเป็นป้ายโฆษณาของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนั้น   พอเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทเริ่มมีปัญหาทางการเงิน ตัวอักษร H ชำรุดตกลงไป  ไม่มีใครดูแล   ทางการจึงได้ซ่อมแซม และนำคำตัวอักษร 4 ตัวท้าย  LAND ออก  จากนั้นก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ Hollywood จนถึงปัจจุบัน



//www.hollywoodsign.org/





สำหรับจุดอื่นๆ ที่สามารถมองเห็นป้าย Hollywood มีอีกหลายแห่งครับ  เช่น Hollywood & Highland Center, Griffith Observatory,

Griffith Park Hiking Trail, Sunset Ranch Hollywood หรือทาง Aerial Views ซึ่งบางจุดก็เดินทางยากไปนิด ก็เลือกเอาตามความเหมาะสม

ละกันครับ

//www.discoverlosangeles.com/blog/best-views-hollywood-sign











จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยัง  Bevery Hills ผ่าน Hollywood Boulevard ซึ่งเราจะกลับมาแถวนี้อีกครั้งช่วงบ่ายๆครับ จริงๆมาช่วงสายๆ ก็ดีเหมือนกันครับ นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร



ขับตาม GPS ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ดูรถตามท้องถนนไปเรื่อยครับ ที่นี่มีรถหลายยี่ห้อ หลากรุ่น  แถมราคารถยนต์ที่อเมริกาก็ ถูกกว่าบ้านเรามากเลยครับ





ตามร้านค้าร้านอาหาร ก็จัดดิสเพลย์กันอย่างสวยงาม



ระลึกไว้เสมอนะครับ ที่นี่ขับรถชิดขวาไว้ เพราะช่องทางจราจร จะตรงกันข้ามกับบ้านเรา



บริเวณ West Hollywood ที่แยก Santa Monica Blvd กับ San Vicente Blvd มีทางข้ามเป็นสีรุ้งด้วยครับ เห็นเจ๊แมว มาเดินแว๊บๆ

//laist.com/2012/08/21/wehos_rainbow_crosswalks_will_be_pe.php





เห็นป้ายแบบนี้แสดงว่าถึง Bevery Hills แล้ววว

Bevery Hills เป็นเมืองทางด้านตะวันตกของแอลเอ  ที่นี่ถือว่าเป็นย่านคนรวยของเหล่าเศรษฐี และดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง ตลอดเส้นถนนเป็นที่ตั้งของบ้านหลังใหญ่ ที่หรูหรามากมาย ราคาบ้านเฉลี่ยก็หลังละ 2.2 ล้านดอลลาร์ เท่านั้นเองครับ (ถู๊กถูก)  เรามาขับผ่านชมบ้านสวยๆ กันไม่นานครับ  ได้รูปมาแค่นี้ เพราะถ่ายไม่ทัน









จากนั้นเราเดินทางต่อไปยัง The Getty Center พอเห็นแยกนี้แสดงว่าเรามาถึงแล้วครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย หลังจากที่ไปขับหลงอยู่แปปนึง 555 (ขนาดมี GPS นะเนี่ย)

ที่นี่เปิดบริการทุกวัน ปิดทุกวันจันทร์ ครับ  เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10:00 a.m.–5:30 p.m.ยกเว้นวันเสาร์เปิด 10:00 a.m.–9:00 p.m.

//www.getty.edu/visit/center/



พอขับเข้าไปด้านใน ให้เข้าไปจอดรถที่อาคารครับ ในลานจอด รถเยอะมากกก ขนาดว่ามาตั้งแต่เช้า สงสัยเพราะเมื่อวานปิดด้วย วันนี้คนเลยเยอะเป็นพิเศษ  อันนี้เป็นหน้าตาบัตรจอดรถ  ก่อนกลับอย่าลืมไปจ่ายเงินที่ตู้ด้วยนะครับ  ราคาค่าจอด ก็ $15 ครับ



จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน เพื่อขึ้น Tram ไปอีกอาคารนึง   มีตู้สำหรับชำระค่าจอดรถตั้งอยู่บริเวณนี้เลย  สามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ครับ







พอขึ้นลิฟท์มาชั้นบน ก็จะเจอเจ้าหน้าที่ยืนต้อนรับ พร้อมกับแจกเอกสาร ว่าแต่ละวันมีกำหนดการอะไรที่น่าสนใจบ้าง





ขึ้น Tram กันก่อนดีกว่าครับ ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ



จากจุดจอด Tram เราก็จะเห็นอาคารสีขาวอยู่ด้านบน พร้อมกับศิลปะ ประติมากรรม รูปปั้นต่างๆ







เข้ามาภายในอาคารหลักกันครับ

The J. Paul Getty Museum ตั้งอยู่ใน The Getty Center ครับ ภายในประกอบไปด้วยส่วนบริการข้อมูลข่าวสารต่างๆ รวมถึงร้านจำหน่ายของที่ระลึก















J. Paul Getty คนนี้ เป็นเจ้าของงานศิลปะทั้งหลายที่จัดแสดงโชว์อยู่ภายในมิวเซียมแห่งนี้ครับ ซึ่ง ที่นี่ถูกสร้างขึ้นหลังจากเขาได้เสียชีวิตลง นอกจากที่นี่แล้วยังมี  The Getty Villa ที่ Malibu อีกแห่งด้วยครับ

//www.getty.edu/visit/villa/





อาคารแต่ละหลังจะมีทางเดินเชื่อมถึงกัน  บริเวณด้านนอกก็จะมีเก้าอี้ไว้ให้นั่งพักผ่อน ปิคนิคกันได้แบบสบายๆครับ เราเลยนั่งทานมื้อกลางวันกันที่นี่ก่อน  จริงๆ แล้วที่นี่ก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ ต่างๆ บริการเหมือนกันครับ ตั้งอยู่ที่ The Restaurant/Cafe building

//www.getty.edu/visit/center/eat.html





หรือจะแวะชิมของว่าง กาแฟ มื้อเที่ยงแบบง่ายๆ ก็ที่ Garden Terrace Cafe เลยครับ มีสวนสวยๆ ให้ชมด้วย  เสียดายที่ไม่ได้ลงไปชม เพราะอากาศร้อนมากๆ และมองดูแล้วเหมือนสวนกำลังปรับปรุงด้วยครับ





หลังจากจัดการมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเดินชมมิวเซียมสักหน่อย  (จริงๆก็ไม่ได้ชอบเข้ามิวเซียมเท่าไรนะครับ อิอิ)

มาที่อาคารแรก North Pavillion จัดแสดงศิลปะยุคก่อนปี ค.ศ.1700 ครับ ส่วนจัดแสดงมี 2 ชั้น ชั้นล่าง เป็น Sculpture and Decorative Arts และ Illuminated Manuscripts สำหรับชั้นบนเป็นส่วนจัดแสดง Painting  

มัวแต่รีบๆเดิน เลยเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน



เข้ามาภายในก็จะเป็นห้องแสดงศิลปะต่างๆ



Femal Figure (Possibly Venus)
1571-73



Pair of Sphinxes on Scrolls
about 1560



Head of a Man (Possibly a Portrait of Cicero)



A Hare in the Forest
about 1585



Dog and Bear
Italian or Possibly German, about 1600



Saint Margaret
German, about 1420-30




Saint John the Baptist
about 1515



จานกระเบื้อง จาก Italy



จากนั้นเดินมาต่อที่ South Pavillion กันต่อ ภายในจัดแสดงศิลปะยุคก่อนปี ค.ศ.1600-1800 และ 1900-2000 ครับ

ส่วนจัดแสดงมี 2 ชั้น ชั้นล่าง เป็น Sculpture and Decorative Arts สำหรับชั้นบนเป็นส่วนจัดแสดง Painting และ Modern Outdoor Sculpture

เราเข้ามาชมชั้นล่างกันครับ ภายในก็จะแต่งเหมือนกับเป็นห้องแต่ละห้อง ดูยิ่งใหญ่ อลังการหรูหรา ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ลวดลายบนผนัง และอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ดูแล้วเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่ปราสาท OLOS เลย 555















มารอ Tram กันที่จุดเดิม



นั่งไปลงที่อาคารจอดรถ เก็บภาพศิลปะ แถวๆจุดขึ้นรถอีกนิด ก่อนออกเดินทางต่อครับ







จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปแถว Hollywood Boulevard จากทื่ตอนแรกวางแผนจะไป Santa Monica ก่อนก็ตัดทิ้งไปครับ







เราจอดรถกันที่ Hollywood & Highland Center ครับ เดินออกมาด้านหน้าก็จะเจอกับ  " Dolby Theatre "

//www.dolbytheatre.com/



" Dolby Theatre " ตั้งอยู่ภายใน Hollywood & Highland Center ซึ่งเป็นศูนย์การค้า มีร้านค้าชื่อดังมากมายตั้งอยู่ที่นี่   เดิมทีโรงละครแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น และใช้ชื่อ " Kodak Theatre " มาตั้งแต่ปี 2001 และเพิ่งมาเปลี่ยนชื่อภายหลังเป็น Dolby Theatre เมื่อปี 2012 เนื่องจาก บริษัท อีสท์แมนโกดัก กำลังจะล้มละลาย  ทุกๆปีที่นี่จะถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานออสการ์  มีการปิดถนนด้านหน้า และปูพรมแดง ต้อนรับเหล่าดารา และเซเลบริตี้ชื่อดังจากทั่วโลก

นี่เป็นบันไดทางขึ้นสู่ Dolby Theatre ครับ



พอเดินก้าวออกมาจากห้าง ก็จะเจอ  Hollywood Boulevard บริเวณนี้จะเห็นบริเวณพื้นผิวทางเท้าทั้งสองฝั่งถนน เต็มไปด้วย ดวงดาว มากมาย

จุดนี้ก็คือ  Hollywood Walk of Fame นั่นเองครับ  ที่นี่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2501 กินพื้นที่ตลอดแนว ถนน Hollywood Boulevard ในทิศตะวันออกถึงตะวันตก และ ถนน Vine Street ในแนวทิศเหนือใต้  โดยดวงดาวทั้งหมดกว่า 5,000 ดวงเหล่านี้ จะจารึกรายชื่องนักแสดง และบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการมายา จาก 5 วงการทั้ง วงการภาพยนตร์,วงการโทรทัศน์, วงการดนตรี, วงการวิทยุ และวงการละครเวที  โดยผู้ที่ได้รับการจารึกนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลที่มีอยู่จริงนะครับ  บางชื่ออาจเป็นตัวละครในภาพยนตร์ อย่าง มิกกี้เมาส์ สโนไวท์ ก๊อดซิลลา หรือแม้แต่ชื่อบริษัท อย่าง ดิสนีย์แลนด์ ก็ถูกจารึกเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผู้ที่ได้รับการจารึกชื่อทุกคน จะต้องชำระเงินค่าธรรมเนียม เป็นเงิน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแผ่นหินดวงดาวนี้ด้วยนะครับ  ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะเนี่ย

//www.walkoffame.com/



ตลอดเส้น Hollywood Boulevard เราจะเห็นผู้คน นักท่องเที่ยวมากมาย ต่างมาชมบรรยากาศของถนนแห่งนี้  จริงๆแล้วตอนแรกอยากจะมาตอนช่วงค่ำๆ จะได้ดูสีสันยามค่ำคืน แต่ก็กลัวว่าคนจะเยอะ แสงน้อย ถ่ายรูปลำบาก เลยมาช่วงบ่ายๆแทน ซึ่งความจริงแล้ว คนก็เยอะไม่แพ้กัน ตลอดทางเท้า จะเห็นคนมาแต่งตัวเป็นตัวละครดังที่เราคุ้นเคย ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ   ผมได้แต่แอบถ่ายจากมุมไกลๆ ครับ กลัวเสียตังค์ อิอิ







เลี้ยวซ้ายจาก Hollywood & Highland Center เดินมาเรื่อยๆ ก็พบกับ มาริลิน มอนโร (Marilyn Monroe)นั่งโพสท่าอยู่ริมทางเท้า (คิดในใจ) คนจริงๆ หรือหุ่นเนี่ย ดูไม่ค่อยออกเลย  พอยืนดูสักพัก ไม่ขยับ อ่ออออ หุ่นนี่เอง



จากนั้นก็เดินย้อนกลับไปทางห้าง Hollywood & Highland Center เพื่อไป " TCL Chinese Theatre " หรือเรียกสั้นๆว่า " Chinese Theatre "  โรงละครแห่งนี้ ตั้งอยู่บน Hollywood Boulevard เพียงเดินไม่กี่ก้าวจาก  Hollywood & Highland Center ก็ถึงแล้วครับ    

Chinese Theatre  ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี  1927 เดิมทีใช้ชื่อ  Grauman's Chinese Theatre และเปลี่ยนชื่อเป็น Mann's Chinese Theatre ในปี 1973 และเปลี่ยนเป็นชื่อ TCL Chinese Theatre เมื่อเดือน มกราคมปี  2013 หลังจากทีซีแอลคอร์ปอเรชั่น ได้เข้ามาร่วมบริหารที่นี่

//www.tclchinesetheatres.com/



บริเวณพื้นที่ด้านหน้าของ Chinese Theatre จะเต็มไปด้วยรอยประทับทั้งมือ และเท้า จากเหล่าคนดังทั้งหลาย


cr: //www.tclchinesetheatres.com/imprint-ceremonies/

รอยประทับจาก Silvester Stallone (จริงๆน่าจะถอดรองเท้าเนอะ อิอิ)



รอยนี้ของ  Will Smith



ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับ Chinese Theatre ก็คือ " El Capitan Theatre " เจ้าของก็คือ Walt Disney นั่นเองครับ ที่นี่ถูกใช้เป็นที่ฉายหนังรอบพรีเมียร์ของวอลท์ดิสนีย์ด้วยนะครับ

//elcapitantheatre.disney.com



ภายในก็ตกแต่งสวยงาม หรูหรามากๆเลยครับ


cr: //elcapitantheatre.disney.com/about

ใกล้ๆกับ Chinese Theatre ยังเป็นที่ตั้งของ Madame Tussauds ด้วยครับ

//www.madametussauds.com/hollywood/



ด้านหน้า Dolby Theatre ชัดๆครับ  





จากแผนตอนแรกจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ Griffith Observatory แต่ต้องตัดทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย เพราะแต่ละคนเริ่มเหนื่อย และกลัวจะกลับถึงบ้านดึกเกินไป พรุ่งนี้ก็ต้องเตรียมตัวเดินทางกันแต่เช้า เลยมุ่งหน้ากลับบ้าน และแวะช็อปของสดกันที่ Super Irvine International Market เพื่อไปทำอาหารมื่อเย็นนี้

//superirvine.com/



ที่นี่มีผักผลไม้ให้เลือกเยอะแยะเลยครับ



พริก สะระแหน่ และผักอื่นๆ ที่บ้านเรามี ที่นี่ก็มีขาย แต่ที่นี่ไม่ขายเนื้อหมูนะครับ เพราะเป็นฮาลาล



และแล้วมื้อค่ำของเราก็เสร็จเรียบร้อย ไข่เจียว ลาบไก่ และ แกงจืดสาหร่าย  อิ่มอร่อยไปอีกมื้อ เป็นอันจบการเดินทางของวันที่ 2 ครับ



--------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะมาชม นะครับ  พบกันใหม่คราวหน้าครับ

หากเพื่อนๆต้องการติดตามหรือพูดคุย เชิญที่นี่นะครับ

FB: https://www.facebook.com/oLosMagazine

Instagram :onelightoneshadow

Create Date : 26 พฤษภาคม 2557		0 comments
Last Update : 26 พฤษภาคม 2557 11:19:57 น.
Counter : 2188 Pageviews.
Share Tweet