ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ในปีนี้ เราก็ยังจะได้เห็นหนังอีกหลายเรื่อง ที่ว่ากระทบกันมาจากเหตุการณ์ในวันนี้ทั้งเพียงเล็กๆ และใหญ่ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของสงครามการล้างแค้น ที่อเมริกาส่งทหารหาญไปฆ่าตัวตายในดินแดนตะวันออกกลาง และโดยทั้งหมดของหนังจำพวกนี้ ก็ได้รับการหมายตาว่าจะมีบทบาทสำคัญต่อความเข้มข้นของเวทีการมอบรางวัลในปลายปีนี้ ยันถึงออสการ์ ยกตัวอย่างที่น่าสนใจอย่าง หนังโรเบิร์ต เรดฟอร์ด "Lions for Lamb" , ผลงานกำกับเรื่องใหม่ ของ พอล แฮกกิส "The Valley of Elah"
และหลังจากนี้ไปแล้ว หนังเนื่องมาจากเหตุการณ์ 9/11 คงจะยังไม่จบลงง่ายๆ หมายความว่า ต่อไปเราจะต้องได้เห็นหนังที่ว่ากระทบกันตรงๆ หรืออ้อมๆอีกมากเรื่อง ...นี่ยังไม่รวมไปถึงหนังมหาวินาศกรรมทำลายล้างที่ได้คืนกลับมาสู่ระบบทำเงินอย่างเต็มตัวอีกครั้ง อย่างที่ล่าสุด เราก็เพิ่งได้เห็น The White House ระเบิดตูมใน Die Hard 4.0 กันมาจะๆ
ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย
นอกจากผลกระทบเรื่องของเหตุการณ์ทางการเมือง การสู้รบ การแหกมติยูเอ็นของชาติที่คิดว่าตัวเองเป็นพ่อประเทศอื่นเขาไปทั่วโลกแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและจะหยั่งรากลึกไปอีกยาวนานคือสภาพสังคมที่คนต้องหันมาระแวดระวังภัยที่อาจมาเยือนตัวเองอย่างไม่คาดฝัน รวมไปถึงคนมุสลิม คนอาหรับ คนเปอร์เซีย อีกหลายล้านคนที่ต้องถูกหลอกหลอนด้วยอคติที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพวก muslim-fundamentalists จำนวนไม่กี่คนที่สร้างภาพลักษณ์เลวทรามให้กับพวกเขา พร้อมกับคนอเมริกันที่พร้อมจะรับแนวคิดอคตินี้ใส่สมองโดยไม่ต้องคิดอะไร...
นอกจากภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้โดยตรงแล้ว ภาพยนตร์อีกนับร้อยนับพันเรื่องที่จะกำเนิดออกฉายสู่สายตาประชาคมโลกหลังจากนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะสะท้อนสภาพสังคม และความเป็นไปของโลกหลังเหตุการณ์วิปโยคครั้งนั้นอย่างแน่นอน