+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!
ชีวิตของผม [OncE UPoN'-'a MaN] กับการดู{หนัง} ...ตอนจบ : "วันนี้ผมอยู่ได้..เพราะมีหนังเป็นอากาศ"

ตอนที่ 2 และตอนจบ... "วันนี้ผมอยู่ได้..เพราะมีหนังเป็นอากาศ"




หลังค้างคาจากบทที่ 1 ไปนานจนแทบลืมแล้ว... ก็ได้เวลากลับมาทวนความจำกันต่อ กับเรื่องราวของหนังในชีวิตของผม ...และในคราวนี้จะว่ากันถึง ช่วงเวลาที่ผมเริ่มจะติดกับ ตกหลุมรักหนังลึกลงไปเรื่อยๆ

ความเดิมตอนที่แล้ว... ผมได้บอกเอาไว้ว่าแต่แรกที่ได้เข้าโรงหนังนั้น ว่ายังไม่ได้รู้จักมักจี่กับสิ่งที่เรียกว่า ภาพยนตร์ บนจอมากมายนัก... คิดเห็นว่ามันก็คงเหมือนทีวี ที่มีภาพและเสียงเหมือนๆกัน แต่มันถูกทำให้ขยายกว้างใหญ่ขึ้น

แต่เมื่อวันเวลาได้ทำให้คนเติบโต เกิดการพัฒนาทางการเรียนรู้ ...สมองก็ซึมซับและเกิดความจำ ว่า ภาพยนตร์ มีอะไรมากไปกว่า ภาพและเสียงที่อยู่บนจอผืนใหญ่ๆ ...มันยังมีเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไปพร้อมๆกับสิ่งที่เคลื่อนไหวตรงหน้าของเรา ...มันก็อาจจะคล้ายจากที่เราได้ดูละครอันมีเรื่องมีราวเนื้อหายาวๆหลายตอนนี่แหละ หากแต่หนังมีความยาวที่สั้น และกระชับกว่า ...ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เราก็ดูมันได้จบในตอนเดียว โดยรวมๆจะสนุกหรือไม่สนุก ก็เป็นอีกเรื่องที่เราตัดสินได้เลยทันทีที่โรงหนังเปิดประตู

ในตอนแรกๆ ผมก็ต้องไปดูหนังกับคนในครอบครัว โดยตลอด และหนังที่ได้ดูส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นบิ๊กโปรแกรมหนังมีฟอร์ม แทบทั้งนั้น... จนเมื่อปี 2001 (ถ้าจำไม่ผิด) ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูหนังเพียงคนเดียวไม่เกี่ยวกับใครบ้าง และหนังเรื่องนั้นที่ผมไม่น่าน่าจะจำผิดก็คือ การ์ตูนอนิเมชั่น ยักษ์เขียว "Shrek" ภาคแรก



นับแต่ครานั้นที่ผมได้ลองดูหนังคนเดียว เป็นต้นมา ...การเข้าโรงหนังโดยส่วนมากในคราวถัดๆมาจนถึงวันนี้ ก็มักเป็นผมที่เข้าโรงหนังเพียงคนเดียว โดยก็มีบ้างที่มีคนอื่นไปเป็นเพื่อนหรือดูกับญาติๆ ในครอบครัว

และจากแต่ก่อนที่ดูเป็นแต่หนังมีฟอร์ม เน้นความอลัง ชอบความสนุกเข้าว่า ...ความชอบอันมีต่อหนัง ที่ฝังเข้าเลือดไปเรื่อยๆ ก็เปิดทาง เปิดตาให้ได้พบว่า การดูหนังเล็กๆ ที่ไม่ต้องเน้นฟอร์ม ไม่ต้องเข้าถึงตลาด อีกทั้งไม่ต้องการความสนุกเป็นนักหนา ก็ให้อะไรกับเราๆได้อยู่ ไม่ว่าจะมากหรือจะน้อย มันก็คือเรื่องของความบันเทิงครือกัน อีกทั้งก็มีสาระเล็กน้อยไปถึงมากที่หนังแต่ละเรื่องจะมอบให้กับเรา ไม่ได้แตกต่าง แม้คำว่า เล็ก กับ ใหญ่ จะถูกนิยามให้ต่างกันก็ตามที

แต่สิ่งที่ผมอยากจะเล่ามากกว่าการดูหนังในโรง ...ก็คือ การได้มาตามเก็บหนังดีหนังเด่นดังที่เข้าข่ายคลาสสิคหลายต่อหลายเรื่องในการดูบนจอทีวี ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมได้มาสนใจในตอนที่แถวบ้านมีร้านเช่า VCD มาเปิดใหม่ ในจังหวะที่บรรดาหนังแผ่นกำลังมาบูม

จะว่าไปการดูหนังกับทีวี มันก็เป็นสิ่งที่คุ้นเคยดีอยู่ ...อย่างง่ายๆ ก็ดูได้จากรายการในช่องฟรีทีวีต่างๆ อย่างทุกคืนวันเสาร์ใน Big Cinema ของช่อง 7 หรือกับ Movie on Three ของช่อง 3 (พอดีที่บ้านไม่เคยติดเคเบิ้ลมาแต่ไหนแต่ไร...นานๆทีได้ดู ก็ต้องไปอาศัยอยู่ที่อื่น)... หรือจะอยากเสียตังค์แพงสักนิด ก็ซื้อ VDO มาเก็บ ...แต่มันก็ไม่อาจสู้ในเรื่องความคงทนอยู่นานได้มากไปกว่า VCD ...ถ้าไม่ติดว่าช่วงก่อนบูม ราคาก็แพง (อาจไม่เท่า DVD สมัยแรกๆที่เข้าบ้านเรา...แต่ก็ไม่มีทางที่ผมจะเก็บตังค์ซื้อได้)

จนเมื่อตลาดหนังแผ่นบูม เกิดร้านวีซีดีขึ้นมามากมายอย่างกับดอกเห็ด แถมราคาซื้อก็ถูกลงในระดับร้อย สองร้อย งั้นเอง ...ทางเลยสะดวกให้ผมตามติดดูหนังทั้งที่ดีและไม่ดีได้มากขึ้น ซึ่งไม่ได้ดูตามโรงมา ...ในหมู่มวลของหนังที่เรียกว่าดีได้นั้น เรื่องแต่ละเรื่องที่ผมเลือกมา ก็มักจะมาจากความมีชื่อเสียง เคยได้ยินได้คุ้น หรือมีอะไรที่คลาสสิคจนเป็นอมตะ... ยกตัวอย่างเช่น...



"Forest Gump" ...ดูไปก็อึ้งไป (เห็น ทอม แฮงค์ส ไปปรากฏกายแล้วจับมือ JFK อย่างงี้) ทั้งซาบซึ้งไปในความมหัศจรรย์ที่หนังสักเรื่องจะสร้างกำลังใจได้มากขนาดนี้ และยิ่งดูซ้ำรอบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรักหนังเรื่องนี้มากขึ้นเท่านั้น (นี่คือหนังในดวงใจอันดับ 1 สำหรับผมจนถึงเวลานี้) ...



ไตรภาค "Star Wars IV-VI" ...นี่เป็นหนังที่ดูรอบแรกก็ประทับใจพอท้วมๆ ในความอมตะของมัน (จะมองไม่ให้เชย มันก็ค่อนข้างยาก) แต่ก็ต้องมีรอบต่อมาแบบมาราธอน ซึ่งเป็นการบังคับตัวเองดูให้ได้เพื่อการนี้ (คลิกที่นี่แล้วจะรู้ว่าเพื่อการไหน) แล้วพอได้ในสิ่งที่ต้องการก็กลายเป็นรักหนังชุดนี้ไปในบัดดล ...



"The Terminator" ...ภาคแรก ดูน่าเบื่อไปสักนิด บู๊ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ ...แต่ภาคสองนี่สิ ที่อยากจะให้เพลาๆความมันส์ลงหน่อย เพราะมันลุ้นจนไม่ไหวจะลุ้นแล้ว ...



"Beauty & the Beast" ...หนังการ์ตูนเทพนิยายดิสนีย์เพียงเรื่องเดียวที่หาญกล้าเข้าชิงออสการ์หนังยอดเยี่ยม ในเรื่องราวอมตะความรักอันเป็นอมตะของโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ...แม้เป็นอะไรที่ดูน้ำเน่า แต่เงาจันทร์ก็สวยงามติดตาติดใจเหลือเกิน ...



"The Silence of the Lamb" ...เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยว่าเหตุไฉน แอนโธนี่ ฮอปกิ้นส์ คือ ตัวร้ายในหนังที่ร้ายที่สุดตลอดกาล ...เพราะบท ฮันนิบาล เลคเตอร์ ของลุงท่าน เอี้ยอันตรายสุดๆ ...



"Die Hard" ... ภารกิจอึดตายยากภาคแรกของเฮีย จอห์น แมคเคลน ถือว่ามันสุดลิ่มทิ่มประตู ฮิปปี้ ไคเย เป็นที่สุด ...พอเป็นภาคต่อๆกันเรื่อยมา มันก็ไม่อาจเทียบเท่าอะไรได้นักหนา แม้กระทั่งภาค 4 ที่ดูในโรง แล้วโคตรสนุก มันส์สาดๆ พอดูจบก็ให้เครดิตน้อยกว่าภาคแรกอยู่ดี ...



"Alien" และ "Predator" ...หนังในตระกูลนี้ (ถ้าไม่นับอันที่เอามาป๊ะกัน..ซึ่งข้ามจะพูดไปได้เลย) ต่อให้เคยผ่านความสยองจากหนังเรื่องไหนๆมานัดต่อนัด ก็ไม่อาจจะต้านทาน ความแหวะ อี๋ จะอวก เอากับความซาดิสม์ของพวกมันเหลือทน ...



"James Bond 007" ...เมามันส์สุดๆ กับการตามกวาดตามเก็บอภิมหาหนังสายลับหลายภาคชุดนี้ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังมีบางเรื่องที่ขาดหายไม่ได้ดูอยู่เสียด้วยซ้ำ ...



"Contact" ...นี่เป็นหนังที่อยากดูเพราะ โจดี้ ฟอสเตอร์ คนเดียวเท่านั้น ...แต่พอดูจบแล้วก็ประทับใจ และรักในเรื่องราวไซไฟ ที่พูดถึงความสัมพันธ์ในสายใยของพ่อลูกได้อย่างลึกซึ้งทึ้งน้ำตาเป็นสาย ...

ที่กล่าวมานี้ เป็นแค่ที่นึกออกในเวลาที่พิมพ์อยู่นี้เท่านั้น ...เพราะถ้าเอาที่จำพอได้ก็มีอยู่เยอะมาก ที่ผมเคยดู แล้วถึงตอนนี้ก็ยังขาดหนังที่ว่าอมตะไปอีกหลายเรื่องเลยเชียวล่ะ ซึ่งไม่รู้ที่คิดวนเวียนเดี๋ยวลืมเดี๋ยวจำอยู่ในหัวนับสิบๆ นั้นจะได้ดูเมื่อไหร่...ก็คงได้แต่พยายามตามเก็บกันต่อไป ...แล้วยิ่งวันนี้ ที่ตลาด VCD ก็เฟลลงไป DVD เข้ามาแทนที่ (นี่ยังไม่รวม Blu-Ray หรือ HD-DVD ที่กำลังค่อยๆบุกด้วยนะนั่น) มันก็ย่อมสนุกมากขึ้น ที่เราจะตามเก็บหนังเหล่านี้ โดยมีฟีเจอร์อะไรๆประกอบให้ได้ดูไปมากกว่าหนัง ...ถึงแม้ว่าส่วนตัวผมจะมีเวลาดูหนัง VCD/DVD ไม่ได้ว่างบ่อยๆอะไรนัก แต่มันก็ย่อมดีไม่น้อย ที่บางที เราเกิดพลาดอะไรไปตอนที่ฉายโรง หรือจำเป็นต้องพลาดเพราะเกิดไม่ทัน ก็ยังกลับมาตามเก็บได้ ซึ่งจะเมื่อไหร่ ตอนไหน เวลาใด ก็ไม่มีปัญหาอะไรนักแล ...ในเมื่อเราก็เป็นคนหนึ่งที่รักหนัง แล้วมีหรือที่จะเหนื่อยกับเรื่องแค่นี้

วันนี้ ผมกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าผมเป็นคนรักหนัง รักที่จะตามติดติดตามในสิ่งที่มันเป็นเพียงความบันเทิงในห้วงเวลาหนึ่ง ที่มีเริ่มต้นแล้วก็ต้องจบไปเป็นธรรมดา ต่อให้หนังแต่ละเรื่องละคนกันไป มันจะทำให้คุ้มหรือไม่คุ้มหมุนเวียนสับเปลี่ยน กระนั้นก็ไม่หากเปลี่ยนใจให้ผมเลิกรัก สิ่งที่เรียกว่า ภาพยนตร์ นี้ได้ ...แม้มันอาจจะไม่ใช่ลมหายใจเข้า-ออกที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ แต่มันก็คือ อากาศ ซึ่งสำคัญกับการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต และผมกล้าพูดได้เลยว่า ถ้าขาดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็อาจจะหมายความถึงว่า ผมได้สูญสลายไปจากโลกใบนี้แล้ว

พ่อ แม่ และญาติๆ เคยถามผม... ว่ารักหนังมากขนาดนี้ ทำไมไม่ทุ่มเทตัวเองไปเรียนสายวิชาทางภาพยนตร์ หรือสายบันเทิงซะเลยล่ะ ...อันนี้ มันก็มีเหตุผลบางอย่างที่บอกผมว่า ผมคงไม่เหมาะจะไปจับงานอย่างนี้ซะเท่าไหร่ ...มันก็จริงที่ผมชอบมันมาก และพยายามศึกษามันไปเรื่อย แต่เรื่องบางเรื่องที่ดูไม่ใช่ทาง จะให้พยายามเบี่ยงเบนใจคอตัวเองซะแค่ไหน มันก็ยังไม่ใช่อยู่อย่างนั้น ...สำหรับผม ตอนนี้พอใจเป็นที่สุดแล้ว ที่ได้เป็นคนดูหนัง เป็นเพียงคนๆหนึ่งที่เป็นผู้บริโภค ที่ปลื้มการเสียตังค์เข้าโรงเพื่อไปค้นหาความบันเทิงข้างในนั้น หรือชอบที่จะจ่ายเงิน แลกความสุขกับการเช่าหรือซื้อ หนังแผ่นมาดู ...เนี่ยแหละ ที่เป็นตัวผมจริงๆ โดยไม่จำเป็นต้องขู่เข็ญบังคับ ให้เข้าไปสู่โลกของหนังที่ยุ่งยากใจมากกว่า ถึงต่อให้จะเสียเชิงไม่ได้รู้อะไรมาก หรือที่มีอยู่ก็ได้มาเพียงแค่งูๆปลาๆ แต่มันก็เป็นเรื่องที่สบายใจ และมีความสุขอย่างมากมายกับ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "หนัง" แล้ว




สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "หนัง" ...คราวหน้า เริ่มต้นหนังเรื่องแรก กับ อันดับ 1 ในดวงใจตลอดกาล ..."Forest Gump" ครับผม


Create Date : 24 มีนาคม 2551
Last Update : 24 มีนาคม 2551 15:37:32 น. 8 comments
Counter : 2516 Pageviews.

 
สวัสดีจ้าเข้ามๅดูหนัง




More Graphics Comment click here.


โดย: Opey วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:0:36:32 น.  

 
55555555555+

มีเรื่องในดวงใจในที่เขียนด้วยนะ

วันหลังเอาเป้นหนังไทยมั้ง


โดย: passonvichan IP: 125.25.252.200 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:2:20:01 น.  

 
55555555555+

มีเรื่องในดวงใจในที่เขียนด้วยนะ

วันหลังเอาเป้นหนังไทยมั้ง


โดย: passonvichan IP: 125.25.252.200 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:2:20:01 น.  

 
ทุกเรื่องที่เขียนมา ผมชอบเรื่อง Contact ที่สุดเลยครับ (ความเห็นส่วนตัวนะ) ผมเป็นคนที่ดูหนังคนเดียว น้อยเรื่องมาก ไม่ไช่ว่าดูไม่ได้นะครับ มันมักจะมีโอกาสได้ดูกับคนอื่นทุกที ไม่มี คนประจำ เพราะยังไม่มีแฟน 555

จำได้ ในชีวิตนี้ หนังเรื่องที่ดูคนเดียว คือเรื่อง ข้างหลังภาพ เวอร์ชั่น คาร่า กะเคน นั่งร้องไห้คนเดียว น้ำตา ทะลัก สะอื้นเป็นบ้าเป็นหลัง อายคนข้างๆ โคตรๆ แต่ตอนนั้น อารมณื พาไป หยุดไง ก้อไม่อยู่ รัก ศรีบูรพา มากๆ ชอบ หนังสือเรื่องนี้ ที่สุด ว่าแล้ว ก้ออ่านอีกรอบ ดีกว่า


โดย: Zypherus IP: 192.55.18.36 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:11:33:42 น.  

 
พี่ดูคนเดียวคนแรก Minority Report มั้ง ตอนนั้นยังอยู่ต่างจังหวัดอยู่เลย จำได้แอบพ่อไปดู ขี่จักรยานไปห้างคนเดียวตอนปิดเทอมกลางวัน 55+

หลังจากนั้นก็ดูหนังคนเดียวมา(เกือบ)ตลอด หุหุหุ


โดย: nanoguy IP: 125.24.79.250 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:11:41:14 น.  

 
กรี๊ด.........มากๆ คะ หนังทุกเรื่องเป็นหนังที่เคยดูมาแล้ว
และบางเรื่องก็เป็นหนังในดวงใจด้วยนะ
แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาไปดูหนังตามโรงเลยค่ะ
อาศัียรอมันออกแผ่นแล้่วค่อยไปหาซื้อ แต่มันก็ไม่ได้อารมณ์เหมือนดูในโรง

สวัสดีวันทำงานจ้า


โดย: หมูอ้วน (◕‿◕✿) (pigarea ) วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:12:24:45 น.  

 
+ ดูหนังคนเดียว เรื่องแรกในยุคหลัง (ตั้งแต่หาเงินเองได้) ของพี่ น่าจะเป็น Silence of the lambs ครับ (บ่งบอกอายุเจงๆ ) ... ส่วนหนังอาร์ต-อินดี้ เรื่องแรกๆ ที่ดูแล้วจี๊ดใจ (ถึงแม้จะไม่ค่อยรู้เรื่อง) ก็คือ Pulp fiction และหลังจากนั้น พี่ก็ค่อยๆ เริ่มเสพย์หนังอินดี้เรื่อยมา จนตอนหลังๆ ชักจะเริ่มชอบมากกว่าหนังเมนสตรีมซะแล้ว และช่วงที่พี่เซ็งที่สุดก็คือช่วงหนังซัมเมอร์อ่ะครับ เพราะยุคก่อนๆ นู้นมักมีหนังฟอร์มยักษ์ แต่ตีหัวเข้าบ้าน สร้างกันออกมาซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางเรื่องที่ไม่เป็นแบบนั้น ต้องเลือกๆ ดูเอาเหมือนกัน

+ Shrek 1 ชอบตรงความจี๊ด กับมุกจิกกัดเทพนิยายอ่ะครับ
+ Forrest Gump พี่ก็ชอบนะครับ แต่บังเอิญหนังอันดับ 1 ในดวงใจพี่ กลับเป็นหนังปีเดียวกันที่ได้เข้าชิงออสการ์พร้อมๆ กับเรื่องนี้ และต้องพ่ายแพ้ แถมยังมือเปล่ากลับบ้านไป แต่ทุกวันนี้กลับเริ่มจะกลายเป็นหนังคลาสสิคไปแล้ว นั่นคือ The Shawshank redemption ไม่ทราบนัทได้ดูรึยังอ่ะครับ? ถ้ายัง ลองหามาดูเน้อ แนะนำๆ

+ Star wars มันคลาสสิคจนขึ้นหิ้งไปแล้ว ส่วน T1 พี่มาดูทีหลังใน UBC แฮะ แต่ยังไง T2 ก็สุดยอดสุดๆ อยู่แล้วเนาะ (โปรดอย่าเอ่ยถึง T3 และแอบลุ้นเสียวกับ T4 ที่กำลังจะออกมา ว่าจะดีหรือคว่ำกันแน่ )

+ B & B รู้สึกจะยังไม่ได้ดูแฮะ ส่วน Die hard 1 ก็มาดูใน UBC เลือนๆ ไปแล้นอ่า
+ Contact มันดีตรงอารมณ์ดราม่าที่หนังใส่เข้ามา กับการแสดงของโจดี ฟอสเตอร์ นั่นแหละครับ

+ อ้าว! ตกลงกรุ๊ปนี้มีแค่ 2 ตอนก็จะจบซะแล้วเหรอคับเนี่ย? อุๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:20:15:34 น.  

 
สวัสดีคับ แวะเข้ามาดู เห็นลงหลาย ๆ เรื่องก็เป็นหนังที่หลาย ๆ คนประทับใจเอามาเปะ ไว้ให้ดูกัน ดีจังคับ ไว้จะแวะเข้ามาดูบ่อย ๆ นะ คับ


โดย: palao วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:22:03:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.