"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
นอกจากติดตามตัวผมในบล็อกนี้แล้ว ก็ขอชวนไปสนุกกันในอีกช่องทางกับ "Facebook" และ "Twitter" ด้วยครับ
Like Me @ //www.facebook.com/Onc3.UPoN.a.MaN
และ Follow Me @ //twitter.com/once_upon_a_man
รีวิวนี้ ถูกเผยแพร่ไปแล้วก่อนหน้า ทาง //www.chicministry.com ลิงค์
พูดถึงชื่อของ อินทรีแดง ..ก็เชื่อได้ว่า แทบทุกคน คงต้องนึกถึงชื่อของบุคคลอีกคนหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเขาคนนั้น ก็คือ มิตร ชัยบัญชา ..อดีตตารานักแสดงที่เป็นขวัญใจของคอหนังไทย สร้างประวัติศาสตร์กับการรับเล่นหนัง ด้วยผลงานที่นับไม่ถ้วน (แม้วันนี้ จะน้อยกว่า ดาราร่วมรุ่นอย่าง สมบัติ เมทะนี แล้วก็ตาม) และอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างเอาไว้ แต่ก็ถูกจารึกไว้อย่างไม่มีวันลืมเลือน อันคือ อุบัติเหตุการพลัดตกจากเฮลิคอปเตอร์ ขณะแสดงหนังในฉากสำคัญของเรื่อง อินทรีแดง แม้ที่สุดจะไม่เคยได้ดูหนังเรื่องนั้น ..แต่เราก็ยังสามารถรู้จักคำว่า อินทรีแดง ได้จากหน้าประวัติศาสตร์อยู่ดี
หากกระนั้น ในแง่ประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เรายังต้องจดจำ แต่แวดวงหนังไทยก็ต้องเดินก้าวหน้าต่อไป และยังไงก็ต้องมีสักวันที่ อินทรีแดง จะกลับมาอีกครั้ง ...แม้รู้ทั้งรู้ว่า อินทรีแดง สำหรับคนไทยแล้ว จะมีผู้เดียวที่ใช่ อยู่ในใจก็คือ มิตร ชัยบัญชา ก็ตาม
วันนี้ อินทรีแดง กลับมาแล้ว ..และกลับมาพร้อมลุคใหม่ ที่เปลี่ยนไปทั้งในแง่รูปธรรม และนามธรรม อีกทั้งสังคมไทยของเรา ก็ยังเปลี่ยนไปจากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว อย่างชัดเจน แถมมีรังแต่จะแย่กว่าดี!
หน้าที่ของอินทรีแดง ในวันนี้ เลยไม่ใช่แค่ปราบอธรรมขี้กร่าง ริทำตัวเป็นโจร ไปวันๆ เหมือนเคย... แต่เขาต้องกลายมาเป็นศาลเตี้ย ผู้ตัดสินชะตาคนเลว ที่คอยบั่นทอนสังคมไทยให้เละเทะ ..ระดับ นักการเมือง ก็ไม่เว้น!
เรื่องราวของ อินทรีแดง ในเวอร์ชั่นปี 2010 นี้ ..ก็ยังคงมีจุดเริ่มต้นจากคนที่ชื่อ โรม ฤทธิไกร เช่นเดียวกับทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านพ้นมา ...แต่คราวนี้ จะเป็น โรม ฤทธิไกร ในเวอร์ชั่นที่มีโทสะความแค้น เป็นพลังที่จุดไฟให้เขา ยินดีจะสวมบทบาท ฮีโร่ ผู้หมายมุ่งตั้งปณิธานจะเปลี่ยนสังคมไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ..เพราะถ้าเ ขาสามารถจะปราบปรามคนที่ขี้นชื่อว่า เลว ให้หมดไปได้มากเท่าไหร่ แผ่นดินไทยก็จะถูกยกขึ้นสูงได้มากเท่านั้น
อินทรีแดง เป็นผลงานการกำกับเรื่องใหม่ล่าสุดของ วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง ..ผู้ซึ่งก่อนหน้าเคยมีเครดิตในการทำหนังอินดี้มาเน้นๆ ดังอย่าง ฟ้าทะลายโจร หรือ หมานคร ...ฉะนั้นกับ อินทรีแดง เรื่องนี้จึงเป็นเหมือนเข็มทิศที่อาจจะชี้ทางชีวิตให้เขา ได้รู้ว่า เขาจะเหมาะสมกับการเบี่ยงเข็มมาทำหนังตลาด หรือไม่? ..แล้วยิ่งครั้งนี้ยังเป็นหนังตลาดที่มีทุนสร้างระดับสูง ลงทุนพร้อมความเสี่ยงเข้าขั้นหนัก เหตุฉะนี้ ความกดดัน จึงยิ่งทบทวี ให้เป็นบทพิสูจน์ว่าเขาจะสามารถสอบผ่านได้คะแนนดี หรือไม่?
โดยส่วนตัวของผม หลังจากได้ดู อินทรีแดง ในมุมมองของวิศิษฐ์ จบแล้ว ..ก็ให้เกิดรู้สึกออกมาได้ถึงสองอย่าง มันคือ ความโล่งใจ กับความปลื้มใจ โล่งใจ... ที่คุณวิศิษฐ์ สอบผ่าน! และ ปลื้มใจ... ที่หนังดูสนุก และยังเป็นการทำให้ อินทรีแดง กลับมาได้สมศักดิ์ศรีจริงแท้
ซึ่งแม้ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว อินทรีแดง 2010 ก็ใช่ว่าจะเพอร์เฟกต์ไปหมดเสียทุกอย่าง ..และยังคงมีจุดตำหนิบางจุดที่ดิ้นให้ไม่คิดถึง ก็สลัดไม่หลุดอยู่ดี ...แต่หากมองกันที่ภาพรวม ดูเอาความรู้สึกที่คุ้มค่าเป็นสำคัญแล้ว คงต้องถือว่า อินทรีแดง 2010 ..ดีมากพอ สำหรับการเป็นหนึ่งหนังไทยแห่งปีนี้ ที่น่าจดจำ
วัดกันที่ความตั้งใจของคุณวิศิษฐ์ จากที่เห็นในหนัง ก็รู้เลยว่า เขาเอาจริงเอาจังและยอมเสียเวลายาวนานหลายปี ไปกับหนังเรื่องหนึ่งได้อย่างไม่เสียดาย ..เพราะเพียงถ้าเขารีบสร้าง และรีบออกฉาย แบบคนทำหนังไทยอีกหลายๆคนโดยไม่รอเวลาที่คิดว่าเหมาะสม ก็เชื่อได้ว่า อินทรีแดง คงจะออกมาเป็นภาพที่เสียหายในความทรงจำของผู้คนซะมากกว่า
ดูตัวอย่างได้จาก ฉากที่เป็น CG ก็ยังได้.. ซึ่งเราก็คงรู้กันว่า นี่คือ หนึ่งในสิ่งที่หนังไทย ไม่เคยทำออกมาได้ดีแบบเนียนๆเลยสักครั้ง ...แต่กับ อินทรีแดง ครั้งนี้ อาจช่วยเปลี่ยนความรู้สึกของคนไทยที่เคยมีกับ CG ในหนังไทยได้ ไม่มากก็น้อย ..ซึ่งน้อยที่สุด ก็ทำให้ได้เห็นว่า เราก็ได้มีหนังไทยสักเรื่องเข้าใกล้ความเนียนที่สุดเท่าที่ทุนทรัพย์จะอำนวยได้แล้ว
แต่กับ CG ก็เป็นแค่ส่วน support ที่ต้องมีในหนังเท่านั้นเอง ..เพราะที่ อินทรีแดง ควรจะดูน่าสนใจยิ่งกว่านั้น ก็คือ ส่วนของเรื่องราว ตัวละคร และความสนุกของเหตุการณ์ ที่เป็นส่วนสำคัญให้เราอยากติดตามหนังเรื่องนั้น ไปได้ทั้งเรื่องแต่ต้นจนจบ
ซึ่งก็อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า เอาเข้าจริง กับอินทรีแดง ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะที่อยู่ในเรื่องของ บท ..เพราะโดยส่วนตัวก็ยังรู้สึกอินไม่มากพอ กับการสร้างความรู้สึกว่าคนไทยต้องมี อินทรีแดง และก็ไม่เห็นรู้สึกว่า คนไทย จะตื่นเต้นกับการมี ฮีโร่ผู้ปราบอธรรม เป็นตัวเป็นตนเอาซะเลย ..นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนว่า อินทรีแดง มีคุณค่าค่อสังคมไทยจริงๆ แม้จะพอเข้าใจได้ว่า เขาเลือกจะฆ่าคนสำคัญ เพราะอยากให้ความสำคัญกับสังคมไทยจริงๆก็เถอะ
แต่หากมองข้ามจุดเหล่านี้ ที่หนังของเราอาจจะยังไปได้ไม่ไกลถึงขั้น Batman ในแบบ คริสโตเฟอร์ โนแลน ..แล้วโฟกัสกัน เฉพาะหนังแอ๊คชั่นฮีโร่ สำหรับบ้านเราเป็นเน้นๆ ก็จะเห็นได้ว่า อินทรีแดง ย่อมมาได้ไกลกว่าที่ผ่านมาๆ บ้านเราเคยมี!
ดูอย่าง ฉากแอ๊คชั่น ที่เป็นดังเส้นเลือดใหญ่ของ อินทรีแดง ..ฉากเหล่านี้ ล้วนอัดฉีดกระตุ้นอะดรีนาลีน สร้างความตื่นเต้นให้หัวใจได้ทำงานอย่างหนักหน่วงเอาการ ..แม้อาจจะมีบางห้วงที่รู้สึ กว่า น่าจะมากกว่านี้ได้อีก น่าจะจัดหนักกว่านี้อีกหน่อย แต่เมื่อมามองว่านี่เป็นหนังไทย ก็ให้ยอมเข้าใจว่า นี่คือ ความเต็มที่ที่สุดแล้ว
แต่จะว่าไป ก็ยังมิวายมาเสียดายกับฉากต่อสู้ไคลแม็กซ์ ที่รู้สึกว่า มันง่ายดายไปหน่อย! ..ควรจะเต็มที่กว่านี้ได้อีก
หลังจากได้เปลือยหมดเปลือก ใน ชั่วฟ้าดินสลาย ยังไม่ทันที่ภาพคราก่อนจะสร่างซาไป (แถมหนังก็ยังฉายอยู่ในโรงบ้าง ที่ใหญ่ๆเป็นบางแห่ง) ..อนันดา เอฟเวอริ่งแฮม ก็กลับมาโชว์หน้าหล่อเซอร์บาดจิตสาวของเขาในเร็ววัน ที่ยังผนวกมาด้วยหน้ากากสีแดงแสนเท่ห์อันเป็นเอกลักษณ์อีกหนึ่ง ...บทบาท อินทรีแดง ของ อนันดา นั้น หากว่ากันด้วย นามธรรม (จิตวิญญาณ) อาจจะยังรู้สึกว่าเขาปลดปล่อยความเป็นฮีโร่ออกมาได้ไม่เต็มที่นัก (ส่วนหนึ่งก็เกี่ยวกับบทหนัง ที่ยังไม่ชัดเจนในส่วนของคาแรกเตอร์ ความเป็นมา และผลตอบรับของผู้คน) แต่เมื่อมามองพินิจดูที่รูปธรรม (รูปภายนอก) ก็ต้องยอมรับว่า เขาดูเหมาะกับการเป็น อินทรีแดง เสียจริงๆ ..เป็นการเลือกคนที่ไม่ผิดพลาด และอนันดา ก็ทำได้ดีกับการเล่นหนังแอ๊คชั่น (ที่ดีกว่า เมื่อครั้งเล่น ปืนใหญ่จอมสลัดอย่างมาก)
ขณะอีกสองตัวละครสำคัญอย่าง ญารินดา บุนนาค และ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ..ต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี มีความหมาย โดยเฉพาะกับคนหลังที่เป็นตัวสร้างสีสัน กวาดเสียงหัวเราะของคนดู (ในหนังที่มีพระเอกเป็นคนซีเรียส!ซะงั้น) เป็นจอมขโมยซีนคนเก่งที่แม้เพิ่งมีผลงานเรื่องแรก ก็ทำให้ตัวเองเกิด และเป็นที่จดจำได้แล้ว
ถึงจุดนี้ คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ผมคงต้องเชียร์ อินทรีแดง ในฐานะที่เป็นหนังฮีโร่แบบไทยๆ เรื่องหนึ่ง ซึ่งทำออกมาได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ..และก็ยังเป็นหนังที่ใส่สาระแบบไทยๆ ลงไปได้อย่างเข้มข้น ชวนให้ต้องติดตามความเป็นไป โดยอาจนึกคล้องภาพกับสังคมปัจจุบันไปด้วย ก็ยิ่งสนุก (ที่ชวนสลด!)
เชื่อเลยว่า ใครได้ดู อินทรีแดง 2010 ภาคแรกแล้ว ..เกิดไม่อยากให้มีภาคต่อบ้าง ก็คงจะมีอยู่น้อยมาก!
ขอแนะนำ...ครับ
เกรด A- ... {}
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ |
|
|
Create Date : 18 ตุลาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 10:20:24 น. |
Counter : 5317 Pageviews. |
|
|
|
ไม่ชอบไรที่แอบแฝงแบบนี้
ความเห็นส่วนตัวนะคะ
ผ่านเข้ามาอ่านค่ะ
^^