|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ปัญญา เรณู: จากสายตาของคนเมืองคนหนึ่ง
บอกก่อนเลยครับว่าผมเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด
ฟังสำเนียงอีสานไม่ออก เกลียดหนังตลกคาเฟ่(ยกเว้นบางเรื่อง) ไม่ดูรายการชิงช้าสวรรค์ และแม้รู้ความหมายของคำว่า "เสี่ยว" ในภาษาอีสาน แต่พอโดนเพื่อนด่าด้วยคำนี่ก็เคืองทุกที ถ้าจะว่าไปแล้วผมดูจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้เอาซะเลย แต่ที่ผมไปดูหนังเรื่องนี้ก็คงเพราะกระแสพันทิป และเพราะผมชอบหนังเด็ก
ทันทีที่ดูจบ (21 ก.พ.) ผมก็ไม่แปลกใจว่านี่จะเป็นกระแสปากต่อปากที่รุนแรงไม่แพ้ โหมโรงและสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารักแน่นอน
นอกจากการแสดงของเด็ก ๆ ที่น่ารักสุด มุกตลกที่ฮา สะอาด ไม่ยัดเยียดเกินไป การสะท้อนสังคมอีสานได้สมจริง และการดึงอารมณ์โหนหาอดีตของผู้ชม (ที่แฟนฉัน และสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก ทำสำเร็จมาแล้ว) มันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่คนพูดถึงน้อยมาก ก็คือเรื่อง บท ที่หลายคนอาจมองว่ามันแผลเยอะแต่สำหรับผมแล้ว ผมกลับรู้สึกว่าบทหนังเรื่องนี้มันก็มีความลุ่มลึกไม่น้อย
สังคมอีสานในปัญญา เรณู เปิดตัวปัญญาที่แก้ผ้าอาบน้ำท่ามกลางกรุ่นไอจากซึ้งข้าวเหนียว มันก็ประกาศเป้าหมายของทีมงานอย่างชัดเจนแล้วว่าจะเปลือยให้เห็น "สังคมอีสานแท้ ๆ" ให้เราดู แม้ว่าผมจะรู้สึกลึกว่าอีสานในปัญญาเรณูมัน "อุดมคติ" ไปหน่อย แต่ก็ต้องขอบคุณทีมงาน ที่ช่วงทำลายภาพเก่า ๆ ของสังคมอีสาน ที่ "ล้าหลัง งมงาย เฉิ่ม เชย เสี่ยว ฯลฯ" ออกไปจนหมดสิ้น
วิธีที่หนังใช้ ก็เป็นวิธีง่าย ๆ แต่ได้ผลมาก ๆ ก็คือนำเรื่องเหมือนจะตลก เชย ต่าง ๆ มาเล่าอย่างซื่อตรง และ "จริง" ที่สุด เช่น เรื่องผีแม่ม่าย ที่เดิมเคยเป็นตัวอย่างของความล้าหลังงมงายของคนอีสาน แต่หนังกลับนำเสนออย่างไม่ดูถูกเลยสักนิด ฉากที่พ่อปัญญาแต่งหญิงมานั่งคุยกับปัญญานั้น เป็นฉากธรรมดา ๆ ที่ผมชอบมาก มันทำให้ผมเข้าใจได้ ว่าคนอีสานเขาไม่ได้โง่หรอก แต่พฤติกรรมที่ดูเหมือนจะไร้เหตุผล จริง ๆ มันก็มีเหตุมีผลของมัน (ถ้าเป็นหนังตลกเรื่องอื่น คงใส่มุกกันจนเละเทะไปแล้ว)
เรื่องอย่างเรื่อง ปลิงเข้าหำ จริง ๆ มันก็ชวนนำไปสู่เรื่องตลกสัปดนอยู่แล้ว แต่หนังกลับไม่ขยี่มุกจนเกินไปแต่กลับทำให้เห็นวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมของอีสานแบบตรง ๆ ดิบ ๆ มากขึ้น (ผมเคยอ่านเจอว่าถ้าเอาปลิงไม่ออก บางทีอาจถึงตายเลยนะ ฉากปัญญาบนกับพระนั้น ใครจะขำแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันดราม่ามาก ๆ) ความอดอยาก แร้นแค้น ยากจน ในหนังนั้น ก็ยังมีปรากฏอยู่ (ไม่มีเงินซ่อมเครื่องดนตรี) ความเหลื่อมล้ำทางสังคม(ในปรากฎผ่านปัญญากับวิเศษ) แต่ตัวหนังไม่ได้ฟูมฟายหรือโอดครวญกับความยากลำบาก แต่ตัวละครกลับเผชิญปัญหาต่าง ๆ อย่างมีสติและเข้มแข็งมาก จนผมเข้าใจว่าความแร้นแค้นยากจนต่าง ๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอีสาน และสิ่งเหล่านี้นี่เองที่กล่อมเกลาให้คนอีสาน "แกร่ง" เช่นนี้
และที่น่าแปลก็คือ หนังกลับพยายามชี้ให้เห็นว่าแม้จะขัดสนค้นแค้น แต่ตัวละครต่างเอื้อเฟื้อต่อกัน แม้จะอดอยาก แต่ก็ไม่แห้งแล้งน้ำใจ อาจเป็นเพราะความยากลำบากก็เลยยิ่งทำให้เห็นคนเห็นอกเห็นใจกัน (ฉากที่เด็กขึ้นไปเบียดแน่นบนรถมอร์ไซค์พ่วง หรือตอนคณะหางเครื่องที่มากับรถอีแตน ดูจะแสดงนัยยะตรงนี้อย่างชัดเจน)
ปัญญา เรณู กี่ และมิว :ว่าด้วยเรื่องบ้านนอกและเมืองกรุง
หนังที่แตะประเด็นเรื่อง ความเป็นอีสาน ก็มักจะหนีไม่พ้นที่ต้องมีเรื่องชนบทและเมืองมาเกี่ยวข้องเสมอ (หนูหิ่น องค์บาก บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ฯลฯ) แล้วเราก็มักคุ้นเคยที่ให้ทั้งสองด้านเป็นศัตรูคู่ตรงข้ามกันตลอด คือถ้าไม่สะท้อนภาพชนบทที่ถูกความเจริญของเมืองมาทำลาย ก็มักจะนำ ความบ้านนอก และความผู้ดี มาล้อเลียน
แต่ชนบทและเมืองในหนังอย่างปัญญา เรณู ดูจะถูกสร้างขึ้นโดยมีวาระซ่อนเร้นบางอย่าง นั้นคือ วาระ "สมานฉันท์" เพราะหนังเรื่องนี้จงใจที่จะไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรู และเลือกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมิตรภาพระหว่าง ปัญญา กี่ และมิว ตัวละครอย่างมิวจึงถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเด็กเมืองที่ดูจะเข้าอกเข้าใจชีวิตชนบทเหลือเกิน (กล้ากินตั๊กแตน ไม่กลัวกิ้งก่า ฯลฯ) ภาพของเด็กเมืองและเด็กชนบทที่วิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน สำหรับผมแล้ว มันช่างเป็นภาพที่ชวนฝันมาก ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ความสัมพันธ์อันดีระหว่างชนบทและเมือง ก็ดูเหมือนมีกำแพงกั้นอยู่ กล่าวคือ ปัญญาเป็นเพื่อนกับมิวได้ แต่ถ้าจะเป็นมากกว่านั้นล่ะ? มันจะเป็นไปได้หรือเพราะกำแพงที่กั้นกันอยู่มันก็หนาไม่ใช่เล่น ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีฉายสุดท้ายที่เราเห็นมิว คือมิวกำลังคุยโทรศัพท์กับปัญญา แล้วสายก็ถูกตัดพร้อมกับคำสบถของปัญญาว่า "ฮ่วย เงินหมด" แล้วหลังจากนั้นผู้ชมก็ไม่เห็นมิวอีกเลย หลายคนอาจมองว่าการหายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของมิวเป็นความผิดพลาดของบท แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่ามันเป็นความตั้งใจเพื่อจะสื่ออะไรหลาย ๆ อย่างทีเดียว
แม้ความรักระหว่างชนบทกับเมืองจะมีแต่อุปสรรค แต่ความเป็นเพื่อนดูจะเป็นจุดที่ได้สมดุลระหว่างชนบทกับเมือง โดยเฉพาะปัญญาและกี่ ที่กลายเป็นเพื่อนกัน เท่าเทียมกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หลายคนอาจมองว่า การที่ปัญญารอคอยความช่วยเหลือจากกี่ ดูจะย้ำภาพชนบทที่รอคอยเมืองมาช่วยก็ตาม แต่เราก็ต้องไม่ลืมอีกด้านว่า หนังเรื่องนี้เลือกหยิบ "ความเป็นเสี่ยว(เพื่อนแท้)" เพื่อทำลายกำแพงระหว่างชนบทและเมืองเป็นสำคัญ (จริง ๆ แล้ว อาจินต์กับไข่ ในมหาลัยเหมืองแร่ ก็คล้าย ๆ กัน)
อีสานและศาสนา
หลายคนอาจไม่สบอารมณ์นัก กับการนำนักแสดงตลกมารับเป็นครู เป็นพระ บทครูนี่อาจโดนบ่นเยอะหน่อย เพราะหลายคนรับไม่ได้กับการเอานักแสดงตาเหล่มารับบทครูเพื่อหวังจะเรียกเสียงฮา แต่ถ้ามองอีกมุม ผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นความตั้งใจที่จะเสียดสีระบบการศึกษาบ้านเรากลาย ๆ เพราะแม่พิมพ์ที่จะเป็นเบ้าหลอมอนาคตของชาติยังบิดเบี้ยวไม่สมประกอบ แล้วนับประสาอะไรกับความพร้อมด้านอื่น ที่ขาดแคลนพอกัน (ตัวอย่างง่าย ๆ คือ เครื่องเล่นในวงโปงลาง) แต่ถึงจะไม่สมประกอบ สิ่งที่ชดเชยขึ้นมากลับเป็นเรื่องของหัวจิตหัวใจ และความทุ่มเทของครูบาอาจารย์ที่แสดงออกมาให้คนดูได้เห็น จนเมื่อเราดูจนจบ ความน่าขบขันของรูปลักษณ์ภายนอกก็อันตรธานหายไปหมดสิ้น
ยิ่งบทของหลวงพ่อด้วยแล้ว ต้องถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งในเรื่อง เพราะหลวงพ่อในที่นี้ไม่ใช่รูปเคารพทื่อ ๆ ให้กราบไหว้ แต่เรากลับเห็นพระที่เป็นมนุษย์จริง ๆ มีรัก มีโลภ มีอารมณ์ความรู้สึก แม้ไม่ใช่พระที่เคร่งปฎิบัตินัก แต่ก็เป็นพระที่ผมสามารถกราบได้อย่างสนิทใจ
ความสำคัญของบทหลวงพ่อนั้นไม่ใช่เพราะมีบทเยอะ หรือว่าเป็นตัวละครที่มีบทบาทในชุมชนเท่านั้น แต่เพราะผมมองว่าหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้คือ เรื่อง "สังคมอีสานและความเชื่อที่แรงกล้า" ทำไมปัญญาถึงขอบนบวชกับพระพุทธรูป ทำไมผู้ชายในหมู่บ้านต้องแต่งหญิง และทำไมหลวงพ่อจะต้องบวชปัญญาในนาทีสุดท้าย
นั่นก็เพราะในภาวะที่อับจนหนทาง "สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ" นั้นสำคัญที่สุด!!
การทำไร่ทำนาในอีสานนั้นต้องรอฟ้าฝน แม้จะขยันขันแข็งอย่างไร ถ้าฟ้าฝนไม่เป็นใจ มันก็เปล่าประโยชน์ เรื่องของความเชื่อและศาสนาจึงผูกพันกับคนอีสานอย่างเหนี่ยวแน่น เพราะสิ่งยึดเหนี่ยวเหล่านี้ นี่แหละที่ทำให้คนอีสานสามารถอยู่ในแผ่นดินที่แร้นแค้นได้
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ และเรื่องบังเอิญที่ไร้เหตุผลมากมาย จนหลายคนมองว่ามันเป็นจุดด้อยของบท แต่เราคงลืมไปแล้วว่าชีวิตเราทุก ๆ คนนั้นล้วนต้องการปาฏิหาริย์ที่ไร้เหตุผลแบบนี้ทั้งนั้น ที่สำคัญ ตัวละครในหนังเรื่องนี้ ไม่มีใครที่นอนรอปาฏิหาริย์ แต่ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองจนสุดความสามารถ ปัญญาพยายามหาเงินมาซื้อเครื่องดนตรี หรือที่เบ่งฉี่แทบตายเพื่อจะขับปลิงออกมา หรือที่ซ้อมดนตรีกันเต็มที่ หรือแม้แต่ตอนจบที่ทุกคนต่างพยายามหาทุกวิถีทางช่วยปัญญา
แล้วมันผิดนักหรือที่หนังเรื่องนึงจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นเพื่อตอบแทนความพยายามของพวกเขา!!!
..............................................
ในโลกแห่งความจริง เราต่างก็ถามหาปาฏิหาริย์เสมอ แต่มันก็ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นเลย แต่ก็ยังมีคนไม่น้อยที่ก้มหน้าก้มตาทำงานที่ตัวเองเชื่อมั่นแม้โอกาสที่จะสำเร็จมันน้อยนิดเต็มที นั่นเพราะเขามีศรัทธาอย่างแรงกล้า และเชื่อว่าสักวันปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับเขา คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น....
สำหรับบางคนที่เข้าห้องเฉลิมไทยช่วงสองอาทิตย์นี้ อย่างน้อยก็คงยิ้มกับตัวเองนิด ๆ ได้แล้วหละครับ เพราะปาฏิหาริย์เล็ก ๆ ได้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
Create Date : 01 มีนาคม 2554 |
|
27 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2554 17:07:07 น. |
Counter : 1758 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: tuk-tuK@korat IP: 125.26.88.201 1 มีนาคม 2554 15:04:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: หน่อย IP: 192.168.2.235, 203.157.45.22 1 มีนาคม 2554 16:09:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: brighter_my IP: 118.172.221.46 1 มีนาคม 2554 16:45:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: จะลิ IP: 110.164.44.51 1 มีนาคม 2554 20:06:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: เดี่ยว โคราช IP: 110.168.182.93 1 มีนาคม 2554 21:32:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: เดี่ยว โคราช IP: 110.168.182.93 1 มีนาคม 2554 21:42:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: erbhern IP: 101.108.196.2 1 มีนาคม 2554 23:04:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: erbhern IP: 101.108.196.2 1 มีนาคม 2554 23:05:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: เรณู IP: 61.7.177.189 2 มีนาคม 2554 16:07:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: pong_mi04 IP: 202.12.97.119 3 มีนาคม 2554 9:49:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: took IP: 192.168.213.62, 124.120.79.149 3 มีนาคม 2554 23:40:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: เถาวัลย์เปรียง IP: 203.114.120.101 4 มีนาคม 2554 12:11:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: แจ๊คพอตกะลัคกี้ IP: 223.204.55.50 6 มีนาคม 2554 18:32:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอ้ม IP: 118.173.223.85 8 มีนาคม 2554 16:42:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: เด็กอิสาน IP: 118.173.223.85 8 มีนาคม 2554 16:47:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจ IP: 113.53.165.246 30 มีนาคม 2554 11:20:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจ IP: 182.53.122.2 30 มีนาคม 2554 11:21:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: พิทวัฒน์ IP: 223.207.91.215 31 กรกฎาคม 2554 21:05:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: เกมส์ IP: 101.109.72.100 25 สิงหาคม 2554 8:08:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: เกมส์ IP: 101.109.72.100 25 สิงหาคม 2554 8:21:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: เกมส์ เด็ก สุราษ IP: 101.109.72.100 25 สิงหาคม 2554 8:23:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: เกมส์ เด็ก สุราษ IP: 101.109.72.100 25 สิงหาคม 2554 8:25:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: วุฒิชัย จันทรคล IP: 125.26.133.223 6 กันยายน 2554 17:08:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก้นะ IP: 182.52.183.126 12 กันยายน 2554 19:57:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฅนอีสาน IP: 58.11.100.106 3 มกราคม 2555 11:56:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟ้าน่ะค่ะ IP: 119.42.68.154 8 ตุลาคม 2556 17:17:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|