ช่วงหนึ่งของชีวิตเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา



บางครั้งสิ่งอะไรที่เราเคยได้ยินหรือได้เห็นมันทำให้สะกิดความรู้สึกและภาพในอดีตก็แว็บเข้ามาในสมอง ทั้งๆที่ได้ลืมมันไปแล้วและไม่ค่อยจะได้นึกถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีตเท่าไร บางทีเรื่องอะไรที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานพยายามนึกถึงว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็กลับจำไม่ได้เสียอีก ทุกวันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรนึกเห็นภาพของตัวเองสมัยเมื่ออายุประมาณ 5-6 ขวบแต่งชุดนักเรียนอนุบาลยืนรอรถเมล์กับคุณแม่อยู่ที่หนาบ้าน สมัยนั้นอยู่บ้านห้องแถวหลังธนาคารออมสินและอยู่ใกล้กับจวนข้าหลวงซึ่งอยู่ใกล้กับประตูเมืองกาญจน์ทางที่จะลงไปท่าน้ำ และภาพพวกนี้ก็เห็นอยู่ได้มาประมาณเป็นเดือนๆแล้วยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ณ เวลานั้นก็ยังเป็นเด็กอยู่แต่ทำไมทำถึงยังมองเห็นภาพของตัวเองเมื่อ 50 ปีมาแล้ว

มีอยู่สิ่งหนึ่งที่มันเกิดขึ้นก็เพราะนั่งดูรายการทีวีของสวีเดนซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า This is your life เป็นรายการที่นำเอาบุคคลและศิลปินที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของสวีเดนมาตีแผ่ บุคคลที่ได้ถูกเลักตัวมาในรายการ ต้องบอกว่าลักตัวมาเพราะบุลคลนั้นไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องมาออกในรายการสดและไม่รู้ว่าจะได้เจอใครต่อใครในอดีตที่บุคคลเหล่านั้นไม่ได้เจอมาเป็นเวลานานไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ

ทางรายการจะทำ surprise ให้กับผู้ที่ถูกลักตัวมาในรายการนี้โดยนำเอาคนหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตของบุคคลผู้นั้นให้มาเจอะเจอกันอีก อะไรที่ทำให้เจ้าของบ้านต้องนึกถึงอดีตก็คือว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมาก็เปิดทีวีทิ้งไว้แต่ไม่ได้นั่งดูเพราะมัวแต่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ แต่พอเมื่อได้ยินเสียงเพลงของนักร้องสวีดิชคนหนึ่งทำให้ต้องวิ่งออกไปดู เพราะไม่ได้ยินเพลงนี้มานานแล้ว นักร้องคนนี้ก็คือ Jerry Williams ซึ่งชาวสวีดิชเรียกเขาว่า King of the Rock ของสวีเดนที่โด่งดังในช่วง 60s, 70s, 80s และเป็นศิลปินที่ยอมรับต่อสื่อมวลชนว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์

และนี่เองที่ทำให้ตัวเองได้นึกถึงช่วงหนึ่งในชีวิตที่ผ่านมาเมื่อ 21 ปีมาแล้ว










เมื่อปี 1989 ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเพื่อนคนไทยคนหนึ่งที่เมืองโคโลญจ์ประเทศเยอรมัน เพื่อนคนนี้ได้รู้จักกันก่อนที่สวีเดนแต่เธอได้ย้ายไปอยู่เยอรมันด้วยสาเหตุใดก็จำไม่ได้ค่ะ ที่รู้จักกันเพราะพี่ชายของเธอที่เห็นในภาพนั้นเป็นเพื่อนของเพื่อนที่เมืองไทยซึ่งเพื่อนที่เมืองไทยคนนั้นก็ได้เสียชีวิตไปกว่า 10 ปีแล้ว ยอมรับว่าจำชื่อเพื่อนและพี่ชายของเธอไม่ได้แต่รู้ว่าพี่ชายเธอทำงานอยู่องค์การไฟฟ้าในตอนนั้น หากใครที่ผ่านมาอ่านได้รู้จักหรือเคยเห็นหน้ามาก่อนช่วยบอกให้ทราบด้วยค่ะ ได้ขาดการติดต่อกับเพื่อนคนนี้มานานแล้วเลยไม่รู้ว่าเธอยังอยู่ที่เยอรมันหรือกลับไปอยู่เมืองไทยแล้ว


ไปพักอยู่กับเพื่อน 1 อาทิตย์และที่นี่ได้เจอกับหนุ่มสวีดิชคนหนึ่งซึ่งเขาได้ไปเยอรมันเพราะไปดูงาน Trade Fair ที่นั่น ช่วงนั้นรู้สึกสาวไทยเป็นที่สนใจและชื่อลือชามากในเยอรมันในด้านไหนก็นึกกันเอาเอง ออกไปนั่งทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง เจ้าหนุ่มคนนี้ก็แถลเข้ามาทักทายและเลี้ยงดื่มแถมยังชวนเพื่อนของตัวเองมานั่งที่โต๊ะด้วย ก็ทักทายกันตามมารยาทเลยถามว่าเขามาจากไหนพอบอกว่ามาจากสวีเดน ก็เลยนั่งฟังอยู่เฉยๆเพราะเพื่อนสนทนากับพวกเขาเป็นภาษาเยอรมันแล้วเราก็ฟังไม่ออก

จากนั้นเลยบอกกับเพื่อนว่าไปนั่งฟังเพลงต่อกันที่อื่นดีกว่าและก็เลยบอกลาเป็นภาษาสวีดิชพร้อมกับบอกว่าหวังว่าคงจะได้มีโอกาสเจอกันอีกที่สวีเดน แค่นั้นแแหละเขาก็ส่งภาษากับเพื่อนว่าอะไรก็ไม่รู้เพราะไม่ได้สนใจเท่าไร

ออกจากร้านอาหารก็พากันไปที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งนั่งกันอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมงผู้ชาย 4 คนกลุ่มนี้ก็เดินเข้ามาก็เลยถามเพื่อนว่าบอกพวกเขาไปเหรอว่าเราจะมากันที่นี่ เพื่อนก็บอกว่าใช่บอกไปเพราะถ้าจะตามมาจริงจะได้ให้เลี้ยงดื่มซะเลย เพื่อนไม่ได้ดื่มอะไรเพราะจะต้องเป็นคนขับรถ คืนนั้นก็เลยได้คุยเป็นภาษาสวีดิชกันทำให้มีความรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มดีขึ้นและสนุกสนานกันมากขึ้น จนกระทั่งดึกแล้วคิดว่าจะกลับแต่ทั้งกลุ่มก็ขยั้นขยอให้อยู่ต่ออีกหน่อยเพราะคืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเขาจะอยู่ที่โคโลญจ์ ก็เลยอยู่ต่อจนกระทั่งไนท์คลับปิดและเมื่อก่อนจะแยกทางกันหนุ่มคนหนึ่งก็ได้ให้นามบัตรและให้เราสัญญาว่าทันทีที่เดินทางกลับสวีเดนขอให้โทรไปหาเขา

และนี่ก็คือการเริ่มต้นที่ได้มีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นในชีวิตมันเป็นความสุขและสนุกสนานแต่มันก็เป็นเพียงแค่ระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเพราะเราทั้งสองได้ตกลงใจที่จะต้องหันหลังให้แก่กันและจากกันด้วยรอยยิ้มและไม่มีน้ำตาเพราะต้องการที่จะเก็บความรู้สึกที่ดีต่อกันตลอดไป มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกับได้สูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิตไป

เพลงนี้เป็นเพลงที่ฮิตในช่วงนั้นไม่ว่าจะไปที่ใดก็ได้ยินแต่เพลงนี้ตลอดเราได้เต้นรำกันทันทีที่เพลงนี้เริ่มเล่นไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม เพราะเนื้อหาของเพลงมันเข้ากับสภาวะที่เป็นอยู่ในเวลานั้น

ตอนนี้ได้ฟังเพลงนี้ทีไรใบหน้าก็เต็มไปด้วยทั้งรอยยิ้มและน้ำตาและก็หวังไว้ว่าสักวันหนึ่งความรู้สึกแบบนั้นคงจะได้กลับเข้ามาสู่ในชีวิตอีกครั้งในช่วงที่ยังมีลมหายใจ












IT STARTED WITH A LOVE AFFAIR
Jerry Williams


In July of '62
The moment we met
My summer with you
I'll never forget

I was looking to find
Someone carin' like you
When I think of the time
Feelin' lonely and blue didn't know what to do

Ah Oh Oh

It started with a love affair
You showed me how to really care
With you I travel everywhere
If you feel the same only call my name
I'll be there

They play it now again
Our favorite song
It's still the same refrain
Despite the years have gone

I was lucky to find
Someone carin' like you
When I think of the time
Feelin' lonely and blue didn't know what to do

It started with a love affair
You showed me how to really care
With you I travel everywhere
If you feel the same only call my name
I'll be there

I was lucky to find
Someone carin' like you
When I think of the time
Feelin' lonely and blue didn't know what to do

It started with a love affair
You showed me how to really care
With you I travel everywhere
If you feel the same only call my name
I'll be there




ป.ล. ถ้าเพลงไม่ขึ้นเวลากดที่ play ให้ลองกดที่ปุ่ม rewind หรือ forward ดูค่ะ ลองกดมันดูทุกปุ่มนั่นแหละค่ะเดี๋ยวเพลงมันคงจะขึ้นมาเอง




Create Date : 18 กันยายน 2553
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 3:34:40 น. 4 comments
Counter : 589 Pageviews.

 
ตอนนี้นักร้องคงอายุเยอะแล้วซิค่ะ
รายการทีวีแบบนี้ที่โน่นมีเยอะรึเปล่าค่ะ

สิงคโปร์เหมาะกะคนชอบช้อปค่ะ
ไปแล้วไม่ผิดหวัง ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาแน่ค่ะ
แต่ถ้าจาซื้ออารัยก็เช็คราคาที่เมืองไทยก่อนก็ดีนะค่ะ
เพราะบางอย่างก็ไม่ได้ถูกเลย
และยิ่งกลับมาอาจจาเสียอารมณ์กะศุลกากรนิดหน่อย
ของตามใจไม่นิดหน่อย
เรียกเก็บซะแพงเกินเหตุ
ไม่อยากบ่นมาก เดี๋ยวเรื่องจายาวค่ะ


โดย: ตามเส้นทางของหัวใจ วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:7:03:00 น.  

 
สวัสดีค่ะ...

รายการทีวีนี่ช่างสร้างเซอร์ไพรส์จัง
อ่านไปก็นั่งนึกถึงตัวเองไปว่า
ถ้าได้ไปออกทีวีเค้าจะเอาใครมาเซอร์ไพรส์เรานะ

จากกันด้วยรอยยิ้มและไม่มีน้ำตา
ความรู้สึกดีดีแบบนี้คงต้องอยู่ก้นบึ้งของหัวใจแน่ๆ เลย


โดย: chenyuye วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:8:09:30 น.  

 
โห นานมากเลยค่ะ จากกันด้วย มิตรภาพ อะเนอะ ไม่น่าจะจาก เศร้าปนหวาน


โดย: Anitapa วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:9:12:05 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เมล


สบายดีหรือเปล่าค่ะ


ผู้ทำรายการคงจะต้องแอบสืบภูมิหลังของแขกรับเชิญมาพอสมควร จึงจะทราบว่าใครเป็นบุคคลที่มีความหมายกับแขกรับเชิญ


ทำให้นึกถึง เคยดูเกี่ยวกับรายการอะไรก็ไม่ทราบ หรือว่าจะเป็นข่าว เกี่ยวกับการพลัดพรากกันระหว่างบุคคลในครอบครัวของชาวเกาหลีเหนือ/เกาหลีใต้ค่ะ เกาหลีเหนือเป็นประเทศปิดทำให้โอกาสแถบจะพบกันก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว แต่นี้โชคดีที่ได้เจอกันสั้นๆ จำรายละเอียดไม่มากนักค่ะ


ความทรงจำเกี่ยวกับบุคคลอันเป็นที่รัก เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ ตราตึงเสมอ แม้ว่าอาจจะมีช่วงเวลาสุขและทุกข์ปนๆกันไป คงยากที่จะลืมเลือนไปได้ค่ะ


สุขสันต์วันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ




โดย: athena_b วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:23:54:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mellitus
Location :
กาญจนบุรี Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




ขอปรับปรุงข้อมูลของตัวเองซักหน่อยเอาเป็นว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสวีเดนมานานพอสมควรและชอบกับระบบและวัฒนธรรมของสวีเดนจึงทำให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ดีทีเดียว

เป็นคนเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีแต่มาแก่อยู่ที่กรุงสต๊อกโฮล์ม อายุเริ่มมากแล้วแต่จิตใจยังวัยรุ่นอยู่เพราะไม่มีเวลาที่จะมากังวลเรื่องความแก่ ถ้าคิดว่าตัวเองแก่มันก็แก่อย่างที่คิด
กำลังคิดที่จะเขียนประวัติย่อๆของตัวเองเพราะมีน้องคนหนึ่งเขียนถามมา ที่จริงไม่ค่อยอยากจะเปิดเผยเท่าไร เพราะชีวิตจริงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่อาจจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย เพราะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งที่ทำงานและในยามว่าง ไม่ค่อยมีคนไทยเป็นเพื่อนเนื่องจากเป็นคนตรงและปากเสีย เลยคนส่วนใหญ่ไม่อยากจะคบ ไม่เคยเกรงกลัวคนประเภทโอ่ๆทั้งหลาย เคยทำงานที่ Office of Commercial Affairs มาก่อน (เดี๋ยวนี่คงจะไม่มีแล้วในสวีเดน ไม่ทราบเหมือนกัน) เจอประเภทพวกใหญ่ๆโตๆทั้งหลายที่มาสวีเดนมาแล้วทำตัวเหมือนเจ้าแล้วมองคนอื่นเหมือนทาส เลยเบื่อและออกห่างจากสังคมไทยมานานเกือบ 20 ปีแล้วเนื่องจากเห็นมาเยอะ เกลียดคนที่ชอบเลียก้นนักการเมืองและผู้ที่มีอิทธิพลทั้งหลาย วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยไม่เคยลืมแต่จะใช้และแสดงออกก็ต่อเมื่อฝ่ายตรงข้ามสมควรที่จะได้รับ



Locations of visitors to this page







Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
18 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mellitus's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.