|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หนุ่มนา(ดี)เกลือ
เพิ่งส่งออกกรุ๊ปที่มีชื่อแปลเป็นไทยว่า ไทยแลนด์ แดนตำนาน....
เหมือน เทพเบคคัส (งานนี้ ท่านพ่อจตุคามมิได้ออกคำสั่ง ) ท่านเกรงว่า กรุ๊ปนี้จะจืดชืดไม่สมกับที่จะกลายเป็นตำนาน จารลงบนแผ่นหนังหมาในหัวใจของอิฉัน พระองค์จึงโปรดประทาน ลูกทัวร์ ผู้ที่ อิฉันจะต้องจดจำรำลึกถึงไปจนชั่วฟ้าดินสลายเชียวละค่ะ
พระเอกตามท้องเรื่องนี้ มีชื่อแบบสเปน ที่อิฉันขี้เกียจจะจดจำให้รกสมอง ค่าที่มันต้องรัวลิ้นมากเกินควร เกรงใจ ผู้พัน หากลิ้นอิฉันอักเสบเพราะงานหนักเกินการ ลิ้มรสเกสรบัวได้ไม่เต็มที่ ฮีจะระแวงเอาเปล่าๆ
จำได้แต่ว่า หน้าพ่อหนุ่มคนนี้ มันดูย้อยๆ ห้อยๆ แบนๆ จมูกโตๆไม่ได้สัดส่วน เหมือนเอาชมพู่กะหลาป๋าผ่าซีกมาแปะ
เห็นหน้าตาคนนี้ทีไร อิฉันอดจิ้นเอาเองไม่ได้ว่า ฤกษ์เกิดของพี่แก คงเป็นช่วงที่พระเจ้าเพิ่งอิ่ม ดินเนอร์ อันประกอบด้วยจานสลัดสารพัดผัก ระหว่างพระองค์ทรงจิ้มพระทนต์ เลยอดที่จะเอาเศษผัก เศษอาหารที่เหลือบนโต๊ะมาปั้นเล่นไม่ได้ อาทิเช่น เอามะเขือเทศมาทำหน้า ถึงได้แดงแบบมะเขือเทศงอมแดด เอาเม็ดองุ่นมาเจาะทำลูกตา มันเลยรีๆตุ่นๆ เหมือนคนขี้ตาแฉะ และ ชมพู่กะหลาป๋ามาทำจมูก แบนๆบานๆ แดงๆ แต่น้อยกว่าหน้าหน่อยนึง ฯลฯ โรยเกลือที่เหลือ แถมท้ายอีกกิโลนึง ก่อนจะส่งลงมาเกิด
อุ๊ยยย เลิกบรรยาย ดีกว่า เดี๋ยวพาลจะเกิดกิเลส กินเอาแกด้วยสำคัญว่าเป็นอาหารจานไดเอ็ต
เผลอกินเข้าไป คงได้ซวยซับซวยซ้อน ยอกย้อนยิ่งกว่า นิยายฆาตกรรมของแดน บราวน์ เชียวค่ะ
ตาคนนี้ แกเป็นคนสเปน ที่มาทำงานในฝรั่งเศส แถมเดินทางมาคนเดียว เลยต้องโชว์ออฟ ว่าข้านี้หนอ รู้มาก รู้จริง แต่ขอประทานโทษ หลงกรุ๊ปมาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่ประตูทองของเจ๊วรรณ
แขกคนอื่นๆมากันเกือบจะครบ.....
ขาดก็แต่ตานี่ กับผัวเมียคู่กระเป๋าหาย (ที่ยังมีความฉลาดติดตัวด้วยการส่งผัวมาแจ้งแก่ไกด์สาวคนงามว่ามาถึงแล้ว มิได้หลงหายไปไหน แต่มีปัญหาภายใน)
แต่ตาคนนี้ซิคะ อิฉันเห็นมันเดินผ่านอิฉันไปสองรอบสามรอบ จนท้ายสุด มันเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ Atta ทางฝ่ายหลังเลยจูง(จมูก) กลับมาหาอิฉัน
ทันทีที่ปะหน้ากัน มันรัวล้งเล้งใหญ่ว่า อิฉันไปอยู่เสียแห่งหนตำบลใด
นี่ถ้าไม่ใช่วันแรกรับเข้า จะเอาป้ายเอเยนต์ที่ชูรอรับ จิ้มลูกกะตาเม็ดองุ่น แซะ ขี้ตาเกรอะกรัง (ของมัน) ให้สว่างไสว ป้ายหรือก็ใหญ่เท่าบ้าน ไม่รู้จักมอง
ชั้นก็ยืนของชั้นอยู่ตรงนี้ จนแทบจะแข็งเป็นหิน รอแกนั่นแหละ ใครจะมีปัญญาไปตามหา หน้าตา หรือ ก็มิได้รู้จักมักจี่ กันมาแต่ชาติปางไหน จะได้ตรัสรู้ได้ว่า แกจะมาเป็นลูกทัวร์ชั้น
ความไม่ธรรมดา เริ่มฉายแววตั้งแต่ยังไม่ออกทริปเสียแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งลูกทัวร์มาครบ อิฉันกวาดต้อนไปขึ้นรถ ระหว่างเดินลงมายังลานจอดรถบัส จะมีบู๊ทแลกเงิน อิฉันเลยแวะให้แลก
ตานี่มันตะโกนบอกกับทุกคนให้รอไปแลกที่โรงแรม เรตดีกว่า
อิฉันฉุนจนเกือบจะตบกะโหลกในความสาระแนของมัน บอกอย่างราบเรียบ สีหน้าน้ำยาเย็น ที่โรงแรม หนึ่งยูโร สี่สิบสามบาท แต่ที่ธนาคาร ราคา สี่สิบหกบาท คำนวณกันเอาเองแล้วกัน ว่าที่ไหนดีกว่ากัน ถ้าไม่แลกก็ไป อ้อ พรุ่งนี้วันเสาร์ แบงค์ปิดนะจ๊ะ
ทุกคนแลกกันคนละหนุบละหนับ อย่างเชื่อฟังนางไกด์ที่หน้าสวยๆอย่างนางสีดากำลังจะกลายเป็นหน้านางเบญจกายก่อนแปลงอยู่รอมร่อ
ระหว่างอยู่บนรถ ทรานสเฟอร์เข้าโรงแรม อิฉันให้ ข้อมูลเบื้องต้น อาทิเช่น การแลกเงิน น้ำดื่มในห้อง การทาครีมกันแดด อาหาร การแต่งกาย สิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย รวมไปถึงเรื่อง pourboire (ทิป)สำหรับคนรถ เด็กรถ พนักวานขนกระเป๋า ฯลฯ
พอพูดเรื่องจะเสียเงินเท่านั้นแหละ เหมือนอิฉันก่อหวอด สร้างแรงสั่นสะเทือนใจให้พ่อเจ้าประคุณ จนต้องตะโกนออกมาด้วยภาษาฝรั่งเศสแบบร้าวๆ ว่า
Obligé ? (บังคับเหรอ ) พยายามออกให้เป็นเสียงคนสเปนพูดฝรั่งเศสหน่อยนะคะ
ครั้นพออิฉันบอกว่า มันเป็นธรรมเนียม ซึ่งมีที่มาจากฝรั่งเศสนั่นแหละ และที่แนะนำก็ไม่ได้มากมายอะไร แค่ยี่สิบบาทสำหรับคนยกกระเป๋า เป็นสินน้ำใจให้เค้า
มันว่าไงรู้ไหมคะ
On vient pas ici pour nourrir les thailandais ( เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเลี้ยงดูคนไทยนะ)
แสดงสันดานออกมาอย่าง โจ่งแจ้ง และ ชัดเจน จริงๆ
โชคดีที่รถถึงโรงแรมเสียก่อน ไม่งั้น ชะตาเส้นสองสลึงของไอ้หมอนี่ถึงฆาตแน่ๆ จะบิดให้ขาดทั้งยวง แล้วโยนใส่รังมดคันไฟ
โธ่ ไอ้หน้าจรกา.....
ระหว่างทาง มันพยายามเข้ามาถามโน่นถามนี่ แต่ขอประทานโทษ อิฉันฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอกค่ะ ต้องบอกให้พูดช้าๆ ชัดๆ จะได้ตอบถูก
มันหาว่า อิฉัน ภาษาฝรั่งเศสไม่ดี แน่ซิยะ ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่โคตรเหง้าของอิฉันนี่
แต่ที่อิฉันตอบออกเสียง ผ่านไมโครโฟน มิได้อยู่ในใจคือ
นี่เธอ เรากำลังสื่อสารกันด้วย ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ของเรากันทั้งคู่ ดังนั้น ถ้าเธอพูดช้าๆ ออกเสียงให้ชัดๆ ฉันฟังเข้าใจ สามารถตอบเธอได้ เธอไม่ต้องเหนื่อยถามซ้ำ นี่ถือว่า เป็นการประหยัดพลังงานให้ เธอเอาไว้ซอกแซ่กเรื่องอื่นไงล่ะจ๊ะ
โชคดีของอิฉัน ที่มี องครักษ์พิทักษ์ไกด์ อันได้แก่ลุงๆป้าๆทั้งหลาย โดยเฉพาะ ลุง Francois ที่มีอาการเหม็นเบื่อกับไอ้หมอนี่เอามากมาย
ความเป็นไม้เบื่อไม้เมาของลุงกับ พี่ดีเกลือนี่ เนื่องมาจากความสาระแนของมันโดยแท้
คือ เนื่องจากโปรแกรมของเรานั้น ต้องนั่งรถเป็นระยะทางไกล ดังนั้น ตามกฎที่ตกลงกับเอเจนซี่ คือ ต้องมีบริการเครื่องดื่มบนรถ โดย เงินกำไรส่วนนี้ จะเป็นรายได้เสริมของคนรถ และ เด็กรถ ที่ได้รับเงินเดือนแต่ละเดือนไม่ได้มากมายอะไร และกำรี้กำไร ก็มิใช่จะได้มาก แถมยังต้องเหน็ดเหนื่อยเพิ่มขึ้นมาอีก กับการหาน้ำแข็งมาแช่ แช่เย็นแล้ว ก็เอามาเสิร์ฟถึงที่ น้ำที่ขายบนรถนั้น ราคาขวดละสิบบาทค่ะ
มันไปบอกกับลุง ฟรองซัวส์ ว่า ถ้าซื้อที่ เจ็ด สิบเอ็ด ราคาแค่เจ็ดบาทเอง
ลุงแกคงบอกกับไอ้หนุ่มนี่ทำนองนี้น่ะค่ะ
ขอบใจละ พ่อมหาจำเริญ แต่ลุงกับป้าแก่แล้ว จะให้เดินฝ่าแดดเปรี้ยงๆไปซื้อน้ำ ที่ราคาต่างกันแค่ สามบาท ที่ ไม่รู้จะคำนวณออกมาไม่ได้แม้แต่เสี้ยวซองตีมส์เนี่ย ลุงกับป้า เห็นจะไม่สู้ละ เชิญพ่อตามสบายเถิด อย่าได้ปรารถนาดีโดยที่ผุ้รับไม่ต้องการเลย
ลุงแกมาบ่นให้อิฉันฟังน่ะค่ะ ว่า ถ้าได้ทัวริสต์แบบนี้เยอะๆ ประเทศไทยเห็นจะถึงกาลวิบัติเป็นแน่แท้
แน่นอนละค่ะ คุณลุงขา อิฉันเองก็ร่ำจะทนไม่ไหว เห็นทีจะต้องถึงคราวต้องออกอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดชที่ร้างลาไปนานเสียที
มีฤทธิ์ แต่ไม่เอาออกมาใช้ ก็เหมือนกระบี่ที่ไม่ได้ชักออกมาเชือด ป่วยการมีเอาไว้ให้หนักสะโพก จนมีเหตุให้อิฉันได้เล่นงานมัน โดยภาพพจน์ความเป็นนางเอกไม่เสีย
คือ ตั้งแต่วันรับเข้า อิฉันได้อธิบายแล้ว ถึงเรื่องน้ำดื่มฟรีในห้อง ซึ่งก็คิด ใช้ในห้องจริงๆ ห้ามเอาขวดออกจากห้อง เชื่อไหมคะ ไอ้หมอนี่ เอาลงมากินที่ห้องอาหารเฉยเลยค่ะ โรงแรมแรกๆ เค้าไม่ได้บอก จนอิฉันมาหยั่งรู้ได้เอง ตอนที่เห็นขวดน้ำหน้าตาแปลกๆในห้องอาหารที่โรงแรม ท็อปแลนด์ เลยถามเด็กเสิร์ฟ เด็กแกว่า หนูก็บอกเค้าแล้ว เห็นเค้ายังทำหน้าตาเฉยๆ
เท่านั้น แหละ อิฉันปรี่เข้าไปเลยค่ะ จิกกัดสะบัดต่อหน้าคนอื่น ว่า ไม่มีสิทธิเอาเครื่องดื่มจากที่อื่นมาดื่มในห้องอาหารโรงแรม มันตอบว่า ก็น้ำของโรงแรมแจก ใช่ค่ะ โรงแรมแจก แต่แจกให้ดื่มบนห้อง ห้ามเอาออก ป้ายเค้าก็มีบอกอยู่ทนโท่
ดูความหน้าด้านของมัน นะคะ คุณผู้ชม อิฉันเลยแกล้งหันไปถามแขกคนอื่นๆ ว่า เอ ที่ฝรั่งเศสนี่เราเอาเครื่องดื่มจากข้างนอกเข้าไปเองได้หรือ
เสียงขานรับเซ็งแซ่ว่าไม่มี๊ ไม่มี คุณป้า อีดิธ บอกว่า ชีเป็นเจ้าของร้านอาหาร ชีเปิดร้านก็ต้องการขายเครื่องดื่มด้วย
ส่วนลุงฟรองซัวส์ นั้น ทะลุโป้งออกมาเลยละค่ะ ที่ฝรั่งเศสไม่ได้ แต่ที่สเปนอาจจะได้ก็ได้นะ
สรุปงานนี้ อิฉันสั่งให้โรงแรม ชาร์ตให้เป็นบทเรียน
ตอนเช้า....แขกครบ แต่กระเป๋ายังไม่ขึ้นรถ เพราะ อิฉันสั่งทางโรงแรมไว้ว่า ถ้าไอ้หมอนี่ไม่จ่ายค่าเครื่องดื่ม ก็ไม่ให้ออก
แช่จนหลายคนเกิดความรำคาญ ยิ่งเมื่อ อิฉันป่าวประกาศออกไมค์ว่า อาจจะต้องเสียเวลา และ ทำโปรแกรมอื่นไม่ทัน เพราะ มีบุคคลหนึ่งในที่นี้ไม่ยอมจ่ายค่าเครื่องดื่มที่นำจากบนห้องไปดื่มในห้องอาหารของโรงแรม ทั้งๆที่ อิฉันบอกว่า ถ้าไม่จ่าย ไม่อิฉันก็ พนักงานโรงแรมจะต้องจ่าย
เชื่อไหมคะ มันยังทำหน้าแบบทองไม่รู้ร้อน
โอย สุดจะด้าน สุดจะทน จนอยากจะหามีดคมๆ เลาะหนังหน้ามันเอาไว้ใช้ขัดไม้แทนกระดาษทรายจริงๆ ( ถึงตอนนี้ ผู้พัน แขนเดาะ บอกว่า อย่าเอามาใช้นะ เดี๋ยวโต๊ะไม้สักสึก)
ท้ายสุด ป้า อีดิธ ทนไม่ไหว บอกว่า ป้าบริจาคให้แล้วกัน ถึงไม่มีใบอนุโมทนาเอาไปลดหย่อนภาษี ก้ไม่เป็นไร
ที่สะใจ คือ ป้าแกสั่งให้เอาน้ำมาอีกขวด แล้วเอาไปวางที่เบาะไอ้หมอนั่น ที่บัดนี้ นั่งหน้าตูม บอกบุญไม่รับ
วันรุ่งขึ้น ละครฉากเดิมเกิดขึ้นอีก ดุจนักแสดงเป็นปลื้มกับเสียง แซ่ซ้อง สาธุการ Encore encore et encore
ตัวละครจึงยินดีแสดงซ้ำซากอย่างมิมีเบื่อหน่าย ตามพล๊อกเรื่องวิกสายรุ้ง คราวนี้ อิฉันเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว ด้วยการให้ทางโรงแรมยึดกระเป๋ามัน โดยบอกว่า ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อย ภายในห้านาทีนี้ ชั้นพากรุ๊ปไปละ เพราะกระเป๋าทุกคนอยู่บนรถหมดแล้ว ยกเว้นของเธอ
เจอไม้นี้เข้า....ฤทธีกระบี่วณิพก เริ่มหมดกระบวนท่า
แต่...ยังก่อน ช้าก่อน หากจะหมดฤทธิ์ง่ายๆ ก็ไม่สมกับ จอมยุทธหมาเก้าหางซิคะ เรื่องราวดำเนินมาเรื่อยๆ โดยที่ อิฉันมักจะคอยหลบๆยามเห็นมันเดินเข้ามาหา
แต่ ที่เกาะล้านนี่ซิคะ มันหลบไม่ไหว เมื่อมันรี่เข้ามาหาอิฉันบอกว่า น้ำที่เกาะแพงมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแพง ทั้งๆที่ ก็มีน้ำอยู่เยอะแยะ
พูดพลาง ผายมือไปทางทะเล ด้วยมาดของเจ้าอาณานิคม (มือเท้าสะเอวข้างหนึ่ง อีกข้างชี้กราด )
งานนี้ อิฉันทำบาป ที่คำตอบทำให้แขกดีๆหลายๆท่าน ถึงแก่อาการสำลัก
จะเอาไหมล่ะ เดี๋ยวจะขอแกลลอนเปล่าๆเค้ามาให้ เอากลับไปกินที่ฝรั่งเศสด้วยก็ดี ที่โน่นน้ำแพง
ยังค่ะ ยังจบไม่ลง
หลังจากกรณีเกาะล้านแล้ว ยังมีอีกกรณี คือเรื่องดำน้ำ
การจะหาทัวร์ไปดำน้ำนั้น มันมีสองราคา คือ ราคาสำหรับคนที่มีบัตรดำน้ำ กับ คนที่ไม่มีบัตร ราคาของประการหลังนั้นจะแพงกว่า เนื่องจากต้องจ่ายค่าบัดดี้เพิ่ม
ตอนอยู่ที่เกาะ มันมาถามอิฉันเรื่องค่าดำน้ำ อิฉันก็ถามไปอย่างขั้นต้น และคำตอบที่ได้รับคือ ไม่มีบัตร อิฉันสามารถให้ราคากลางๆได้ ตามประสาเจ้าแม่ข้อมูล คือ ประมาณสามพันบาท
ทันทีที่ถึงโรงแรม มันดิ่งไปเช็คที่เคาน์เตอร์ทัวร์ทันที
ราคาที่ได้รับ คือ สามพันห้า รวมหมดทุกอย่าง
มันมาชี้หน้าด่าอิฉันค่ะ ว่า อิฉันให้ราคาไม่ถูกต้อง ทำให้มันมีความหวัง แล้วเคาน์เตอร์เรียกแพงแบบนี้ มันไม่ยอม
โอย....ปวดหัวตุ้บเลยค่ะ เลยบอกให้มันไปข้างหน้าก่อนไป เข้าพัทยาไปเลย ไปถามตามเคาน์เตอร์ทัวร์อื่นๆเอาเอง
ปรากฏว่า ตอนกินข้าวเย็น เชื้อชั่วไม่ยอมตายค่ะ ปราดเข้ามาหาอิฉัน บอกว่า
เมืองไทยแพงมากๆ อะไรๆก็แพงเป็นธุรกิจไปหมด ที่พัทยา ยิ่งแพงหนัก เกินสามพันห้าทั้งนั้น
อยากกรี๊ดดดดดดดดดด จริงๆค่ะ กับอีแขกแบบนี้ ก็แน่ซิยะ คนเค้าทำมาหากิน ก็ต้องการกำรี้กำไร ไม่ได้ทำงานองค์การ กาชาดสากลนี่หว่า จะได้แจกฟรี นับหนึ่งไม่ทันถึงร้อยหรอกค่ะ ไอเดียพุ่งปราด (เรื่องคำแนะนำดีๆนี่ สมองเปรื่องปราดนักค่ะ)
อยากไปถูกๆใช่มะ เอางี้นะ ค่าเรือข้ามไปเกาะล้าน เรือเฟอร์รี่ ธรรมดา ๑๕๐ บาท อ้อ ก่อนทำตามคำแนะนำ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม มีผ้าขาว ผืนใหญ่ๆ ไม้ปักเสาธงยาวๆ ทีนี้พอข้ามไปถึงเกาะล้านนะ หาจุดที่เธอ จะยืนโบกเรือ จากนั้น เมื่อเรือมารับ ก็ติดเรือเค้าไป อยากดำจุดไหนก็ขอเค้าลง ดำจนหนำใจแล้ว ก็ชักธงขาว โบกเรือกลับโรงแรม
แหม อยากให้เพื่อนๆเห้นหน้ามันจังค่ะ แดงเหมือนชาดแต้ม ระเรื่อยไปจนถึงหัวกะบาลเหม่งๆ
Tu plaisantes ? ( เธอพูดเล่นเหรอ )
Non ,je te moque ( เปล่าย่ะ กัดย่ะ กัด )
แหม อยากให้เพื่อนๆเห้นหน้ามันจังค่ะ แดงเหมือนชาดแต้ม ระเรื่อยไปจนถึงหัวกะบาลเหม่งๆ ยิ่ง ลูกทัวร์คนอื่นๆที่อยู่แถวนั้น หัวเราะคำตอบที่อิฉันให้กันครื้นเครง สีแดงๆแทบจะกลายเป็นสีม่วงๆ
ลุงฟรองซัวส์ ตบบ่า อิฉัน ชมเปาะว่า ตอบคำถามได้ดี
วันสุดท้าย วันส่งออก ทางบริษัทจะมี questionnaire ให้แขกกรอก พอถึงช่องไกด์ มันให้ mediocre กับ อิฉันค่ะ
ซึ่งไม่สร้างความประหลาดใจอันใดเลย ถ้ามันให้ tres bien นี่ซิคะ เห็นที อิฉันคงต้องกัดลิ้นตายเป็นแน่แท้
หลังจากจบทัวร์ กับมัน อิฉันรู้สึกโล่ง เหมือนสิ้นเวรสิ้นกรรม รีบเร่งกลับบ้านนอก มาโอยทานงานกุศล แล้วการทำบุญใหญ่ในชีวิต กุศลไหนจะส่งแรงเท่า อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ ให้ คนแขนพิการ
อิอิอิ อยากรู้ใช่มะ ใครพิการ(ชั่วคราว).....
Create Date : 28 พฤษภาคม 2550 |
|
60 comments |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2550 10:33:25 น. |
Counter : 1446 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: สะเทื้อน 28 พฤษภาคม 2550 10:48:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 28 พฤษภาคม 2550 14:12:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: thattron 28 พฤษภาคม 2550 14:32:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 28 พฤษภาคม 2550 14:46:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: Mutation 28 พฤษภาคม 2550 21:14:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: Dr.Manta 28 พฤษภาคม 2550 21:25:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: thienkam 28 พฤษภาคม 2550 21:55:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: paemagic 28 พฤษภาคม 2550 22:28:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: A_Mong 29 พฤษภาคม 2550 12:03:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nisasa 29 พฤษภาคม 2550 13:37:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลาทอง9 29 พฤษภาคม 2550 16:56:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: Sirinut 29 พฤษภาคม 2550 21:43:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลาทอง9 30 พฤษภาคม 2550 2:36:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: P.Ta 31 พฤษภาคม 2550 19:24:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nisasa 1 มิถุนายน 2550 8:02:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 1 มิถุนายน 2550 9:07:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: vodca 1 มิถุนายน 2550 14:12:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนูชล 1 มิถุนายน 2550 16:25:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณย่า 4 มิถุนายน 2550 6:23:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 4 มิถุนายน 2550 9:47:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณ มน 4 มิถุนายน 2550 12:43:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: prncess 6 มิถุนายน 2550 9:11:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: PANDIN 7 มิถุนายน 2550 10:54:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสดในซอย 7 มิถุนายน 2550 18:05:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: angy_11 13 มิถุนายน 2550 13:10:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้อจาย 16 มิถุนายน 2550 22:38:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาว (Sirinut ) 18 มิถุนายน 2550 16:34:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: sak (psak28 ) 19 มิถุนายน 2550 15:28:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าเขียม (ป้าเขียม ) 20 มิถุนายน 2550 8:17:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: jengly 25 มิถุนายน 2550 0:38:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: Bee1st 25 มิถุนายน 2550 1:24:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: A_Mong 26 มิถุนายน 2550 19:40:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: jme 7 กรกฎาคม 2550 0:00:27 น. |
|
|
|
|
|
|
ไม่มีไรค่ะ ชีวิตอิฉันคือการเดินทางค่ะ เดินทางมันหมดทุกสัดส่วนตั้งแต่สมอง หัวใจ และ ปลายเท้า ได้พบได้เห็นอะไรมากมายเท่าฝุ่นธุลีของสุริยจักรวาล ทั้งมีสาระและไม่มีสาระ แล้วแต่เราจะเลือกอย่างไหน ขอให้ผุ้อ่านเรื่อง(ไร้)สาระของอิฉันมีความสุขนะคะ อาเมน
http://www.hanahouse.net/sozai/bg/bg8/tuyu25.gif
|
|
|
|
|
|
|
คิดถึงเพื่อนๆเป้นที่ยิ่ง ที่หายไปนานก็ภารกิจมันรัดตัว
ตอนนี้ มีเวลาว่างสามวัน ตอบเมล์ลูกค้าเสร็จแล้วจะเดินสายขอบคุณ ผุ้มีอุปการคุณทั้งหลายนะคะ