Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
6 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

ประวัติ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 44

















บารัค โอบามา (Barack Obama)



ชื่อเต็ม : บารัค ฮุสเซน โอบามา ( Barack Hussein Obama)

วันเดือนปีเกิด : 4 สิงหาคม พ.ศ. 2504

สถานที่เกิด : มลรัฐฮาวาย ประเทสสหรัฐอเมริกา

การศึกษา : มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด



นายบารัค โอบามา เป็นหนุ่มลูกครึ่งอเมริกันกับเคนยา เกิดที่มลรัฐฮาวาย หลังจากที่บิดาของเขาคือ Barack Obama, Sr. นักศึกษาต่างแดนจากเคนยาที่ทิ้งครอบครัวมาศึกษาต่อ ในอเมริกา และมาพบรักกับ Ann Dunham นักศึกษาสาวจากแคนซัส ที่มหาวิทยาลัยฮาวาย



Barack Obama, Sr.


แต่รักในวัยเรียนดำเนินไปได้ไม่นาน เมื่อโอบามาน้อยลืมตาดูโลกได้เพียง 2 ปี พวกเขาก็แยกทางกัน โอบามาน้อยยังคงอยู่กับมารดาในอเมริกา ส่วนบิดาของเขากลับไป ทำงานที่เคนยา และแต่งงานใหม่กับหญิงอเมริกันในเคนยา เป็นการเริ่มต้นครอบครัวครั้งที่ 3 แต่ก็ไปกันได้ไม่นาน จากความทุกข์ หลายๆ ด้านประดังเข้ามา ทำให้บิดาของเขา เริ่มหันมา "ดื่ม" เพื่อลืมปัญหา





ทาง ด้านมารดาของเขา หลังจากเลิกรากับบิดาของโอบามา เธอแต่งงานใหม่ กับ Lolo Soetoro นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย และมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ Maya เมื่อโอบามา อายุ 6 ปี มารดาของเขากับครอบครัวใหม่ได้ย้ายไปอยู่ ณ เมืองจาการ์ตาในอินโดนีเซีย ที่ที่เขาเริ่มต้นชีวิตวัยเรียนครั้งแรกในต่างแดน จนกระทั่งอายุครบ 10 ปี เขาถูกส่งกลับมาอยู่กับตากับยายของเขาที่ฮาวาย จนกระทั่งจบเกรด 5



โอบามา กับแม่และยาย

บิดา ผู้ให้กำเนิดโอบามาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่โอบามาน้อยกลายเป็นหนุ่มวัย 21 ปี และอีก 13 ปีต่อมา เขาสูญเสียมารดาที่จากไปด้วยโรคมะเร็งในรังไข่ เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาเขียนหนังสือไว้อาลัยให้กับบิดาของเขา โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "ความฝันจากพ่อของฉัน" หรือ "Dreams from My Father" ซึ่งต่อมาเป็นหนังสือขายดีมาก และทำให้หลายคนชื่นชอบในตัวเขา




จากแง่คิดในหนังสือเรื่องนี้ ในหนังสือเขาบรรยายถึงความรู้สึกในวัยเด็กของเขาที่มีปมด้อย มีความสับสนในที่มาและที่ไปของเขา เขาเติบโตท่ามกลางสองสีผิว ดังข้อความที่เขากล่าวไว้ในหนังสือเล่มนั้นว่า "พ่อของฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวฉันเลย ท่าน ตัวดำอย่างกับยางมะตอย แม่ของฉันก็ขาวอย่างกับน้ำนม"



ในวัยรุ่น โอบามารู้สึกแปลกแยกมากในสังคม เขาเปิดอกในหนังสือว่า เขาต้องหัน ไปพึ่งของมึนเมาและยาเสพติด ไล่มาตั้งแต่ เหล้า กัญชา และโคเคน เพื่อทำให้ลืมว่าเขาเป็นใคร... โอบามาเติบโตมาท่ามกลางความหลากหลายในความคิดเรื่องศาสนา... จากพ่อผู้ให้กำเนิดชาวมุสลิมที่มีความเชื่อว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง จากแม่ที่มาจากครอบครัว ที่ไม่ยึดถือศาสนาใด และพ่อเลี้ยงชาวอินโดนีเซียที่ไม่เห็นว่าศาสนามีความสำคัญมากนักในการดำเนินชีวิต...





เขาจึงต้องพยายามแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจด้วยตนเอง จนกระทั่งเขาลงเอยที่เป็นสมาชิกของโบสถ์ Trinity สังกัด United Church of Christ ที่ไม่ปิดกั้นการคิดเชิงวิจารณ์ (Critical Thinking) พร้อมทั้งไม่ขัดขวางการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเท่าเทียมกันทางสังคมและเศรษฐกิจ





แม้ว่าชีวิตในวัยเยาว์ของโอบามาจะ ไม่เป็นสุขมากนัก แต่เขาสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่มีชื่อเสียง หลังจากเรียนจบเขาเข้าร่วมงานกับองค์กรไม่แสวงหากำไร โดยเป็นที่ปรึกษาโครงการฝึกอาชีพให้แก่โบสถ์แห่งหนึ่งในชิคาโก เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี เขาศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด



ในปีเดียวกันนั้นเขาพบรักกับ Michelle Robinson นิติกรสาวผิวดำจากบริษัทกฎหมาย Sidley & Austin ในชิคาโกที่เขาเคยร่วมงาน ขณะศึกษาอยู่ได้ 2 ปี เขาเป็นคนผิวดำคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นประธานของ Harvard Law Review ในรอบ กว่าศตวรรษ





จากนั้นเมื่อเขาสำเร็จนิติศาสตร์ ในปี 1991 เขามารับหน้าที่เป็นที่นิติกรสมทบ ให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Miner, Barnhill & Galland ในชิคาโก และสมรสกับ Michelle ในปีต่อมา และมีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน คือ Malia และ Natasha จากนั้นเขาย้ายครอบครัวมาอยู่ที่เมือง Hyde Park ในชิคาโก ขณะเดียวกันเขาเริ่มงานสอนหนังสือวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโกจนถึงปี 2004






ในปี 2004 นี้เองเป็นปีที่ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเมืองของสหรัฐฯ จากการได้รับเลือกเป็นตัวแทนวุฒิสมาชิกในสภาสูงจากรัฐอิลลินอยส์และเขาได้ ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมพรรคเดโมแครตประจำปี ซึ่งสุนทรพจน์ของเขาในครั้งนั้นโดนใจชาวเดโมแครตหลายคน รวมทั้ง สื่อมวลชนด้วย เรียกได้ว่าเขาเป็นนักการเมือง หนุ่มหน้าใหม่ที่มาแรงในยุคนี้




ด้วยประวัติทาง การเมืองยังค่อนข้างใสสะอาด ยังไม่มีผลงาน ที่ติดลบ เพราะยังมีผลงานไม่มากนัก แต่ด้วย ความที่เป็นคนที่มีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม ผนวกกับมาดปัญญาชน สุขุม ลุ่มลึก และติดดินอยู่ในที สามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักการเมืองผู้หนาประสบการณ์ พนักงานบริษัทไปจนถึงเกษตรกร อีกทั้งสตรี เด็ก และคนชรา อย่างไรก็ดี มีนักวิเคราะห์การเมืองอย่าง Robert Putnum แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด มีความเห็นว่า โอบามาจืดไปสำหรับ การเมือง เทียบไม่ได้กับบิล คลินตัน...





นายบารัค โอบามา ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ "เดอะ วิว" ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี ว่า ทราบข่าวที่มีรายงานว่าตนเองเป็นญาติห่างๆ กับแบรด พิตต์ ดารานักแสดงชื่อดังของฮอลีวูด โดยมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องลำดับ 9 ทั้งคู่สืบเชื้อสายมาจากเอ็ดวิน ฮิคแมน เสียชีวิตที่รัฐเวอร์จิเนีย ในปี 2312



โอบามา กล่าวว่า รู้สึกดีที่มีความเกี่ยวดองกับนักแสดงชื่อดังอย่างแบรด พิตต์ แต่เชื่อว่าพิตต์คงได้ยีนด้านความหล่อเหลาไปมาก จึงมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาดูดีกว่าเขา



รายงานระบุด้วยว่า สมาคมสืบค้นเชื้อสายเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลการสำรวจที่ใช้เวลานานกว่า 3 ปี ระบุว่า นายโอบามา ยังมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 10 ของ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังเป็นเป็นญาติห่างๆ ของ นายดิ๊ก เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและมีเชื้อสายเผ่าพันธุ์ร่วมกับอดีตผู้นำสหรัฐอเมริกาอีกหลายคนด้วย





แบรนด์นี้ชื่อ Obama


Barack Obama ได้สร้าง “การเปลี่ยนแปลง” ทั้งในโลกการเมืองและธุรกิจ สมดังสโลแกนหาเสียงของเขา



Barack Obama จับการเมืองแบบเดิมๆ มาเปลี่ยนแปลงให้เป็นเกมใหม่ที่แตกต่าง เพื่อคนรุ่นใหม่ที่แตกต่าง และความสำเร็จของเขาในการเปลี่ยนแปลงโลกการเมืองกำลังเขย่าโลกธุรกิจด้วยเช่นกัน




อันที่จริง การเมืองก็คือเรื่องของการตลาดล้วนๆ เป็นเรื่องของการวางแผนและการขายภาพลักษณ์ การกระตุ้นความรู้สึกอยากมีอยากได้ และการจูงใจคนให้บริโภคในที่สุด





การโฆษณาแบรนด์ที่มีชื่อว่า “Obama” อาจนับได้ว่าเป็นกรณีศึกษาระดับโลกที่อาจช่วยชี้ว่า ตลาดอเมริกันหรือแม้แต่ตลาดโลก กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด การที่ Obama เปิดเข้าสู่วิธีการสื่อสารสมัยใหม่ของผู้บริโภคในยุคนี้ และการที่เขาเข้าใจดีว่า ผู้บริโภคในวันนี้ต้องการผลิตภัณฑ์ “ที่เป็นของแท้” รวมทั้งการที่เขาเข้าใจด้วยว่า จำเป็นจะต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในระดับโลก ล้วนแล้วแต่เป็นการส่งสัญญาณอันมีค่าที่นักการตลาดพึงศึกษาไว้ หากไม่ต้องการพ่ายแพ้ในวันพรุ่งนี้



Barack Obama มีคุณสมบัติ 3 ประการที่ทุกคนต้องการให้มีในแบรนด์ของคน ความใหม่ ความแตกต่างและความดึงดูด Obama มีจุดแข็งที่สุดในหมู่คนหนุ่มสาวอายุประมาณ 18-29 อันเป็นตลาดยอดปรารถนาของนักโฆษณา ซึ่งเป็นกลุ่มที่เรียกกันว่า millennials หรือกลุ่มคนรุ่นสหัสวรรษ ซึ่งกำลังจะมีจำนวนแซงหน้ากลุ่มคนที่เกิดในยุคเบบี้บูม ภายในอีก 2 ปีข้างหน้าคือปี 2010




คนรุ่นนี้ประกอบด้วยคนทุกสีผิว ดำ ขาว เหลือง น้ำตาล แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกันคือ สื่อยุคใหม่ (New Media) เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Online Social Network) และความไม่ต้องใจการโฆษณาแบบดั้งเดิมที่ส่งสารจากบนลงล่าง สิ่งเหล่านี้กำลังเชื่อมโยงคนกลุ่มนี้เข้าด้วยกัน มากเสียยิ่งกว่าที่อุปสรรคแต่ดั้งเดิมต่างๆ ที่เคยมีมาอย่างเช่นเชื้อชาติ ได้เคยแบ่งแยกพวกเขาออกจากกันเสียอีก




Obama ก้าวพ้นการเหยียดเชื้อชาติ ประวัติชีวิตที่ไม่ธรรมดา และชื่อที่เขาบอกเองว่า “ตลกๆ” และกลายไปเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่อเมริกากำลังจะเป็น นั่นคือ สังคมยุคหลังเบบี้บูม เขายังก้าวพ้นจากการเมืองแบบยึดเอกลักษณ์บุคคลแต่เก่าก่อน อันเป็นการเมืองชนิดใหม่ที่กำลังกลายเป็นความจริงแบบใหม่ไม่ว่าจะในขณะนี้หรือแม้แต่อีก 10 ปีข้างหน้า ผู้นำธุรกิจที่มองการณ์ไกลจึงควรรีบสนใจศึกษาวิธีการก้าวขึ้นมาของ Obama เสียแต่เดี๋ยวนี้ ทั้งในเชิงกลยุทธ์การตลาด และสไตล์การเป็นผู้นำ ไปจนถึงอนาคตของบริษัทอเมริกัน





เมื่อ People Magazine ตั้งคำถามผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง Obama และ Hillary Clinton เมื่อปลายปีก่อนว่า อะไรเป็นสิ่งที่พวกเขาขาดไม่ได้เมื่อออกนอกบ้าน Clinton ตอบว่า BlackBerry ฟังดูเป็นการเป็นงานดี แต่กลับสะท้อนความเป็นยุค Web 1.0 ในขณะที่ยุคนี้ไปถึง 2.0 แล้ว ส่วนคำตอบของ Obama ล้ำหน้าทุกคนไปครึ่งก้าว เขาตอบว่า สิ่งที่เขาขาดไม่ได้คือ Webcam ซึ่งเขาใช้คุยกับลูกเมียที่บ้านตลอดเวลาที่เขาต้องเดินสายหาเสียงอยู่ข้างนอก





Obama เป็นเซียนอินเทอร์เน็ต และใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหาเสียงอย่างได้ผลดีเกินคาด ทั้งการชุมนุมคน การส่งคลิปวิดีโอไปบนเว็บ YouTube และที่สำคัญที่สุดคือ ใช้ในระดมทุนหาเสียงและทำให้คนไปลงคะแนนให้เขาชนะเลือกตั้งขั้นต้น จนมีคะแนนนำ Clinton และอินเทอร์เน็ตอาจพาเขาเข้าสู่ทำเนียบขาวก็เป็นได้



คำถามคือ Obama ทำได้อย่างไร นักการตลาดสมัยนี้รู้ดีว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ไม่ใช่เรื่องหมูๆ แต่เป็นเรื่องหินที่ท้าทายยิ่ง ไม่ว่าใครจะขายอะไรหรือขาย (ภาพลักษณ์ของ) “ใคร” การโฆษณาแบบดั้งเดิมจากบนลงล่างไม่อาจใช้ได้ผลดีนักในระบบนิเวศน์ที่มวลชนกำลังเป็นมือบน นักการตลาดจำเป็นต้องยอมลดระดับการควบคุมแบรนด์ของตนลงบางส่วน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจและน่ากลัวสำหรับนักการตลาดไม่น้อย





แต่หากคุณยอมสละการควบคุมแบรนด์ลงบ้าง และทำได้อย่างถูกต้อง บนสังคมออนไลน์ คุณกำลังปลดปล่อยและจะได้เห็นศักยภาพและอำนาจที่มีอยู่ในตัวเองของโลกออนไลน์อย่างที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน และ Obama รู้จักใช้ประโยชน์จากอำนาจนี้ อาวุธลับในการหาเสียงของ Obama คือชายหนุ่มหน้าใหม่วัย 24 ผู้มีนามว่า Chris Hughes





4 ปีก่อน หนุ่มคนนี้ยังเรียนอยู่ที่ Harvard และช่วยก่อตั้งเว็บอย่าง Facebook กับเพื่อนร่วมห้องของเขาคือ Mark Zuckerberg (ผู้ก่อตั้ง Facebook) และ Dustin Moskovitz เขาออกจาก Facebook เพื่อมาดูแลเว็บของ Obama ไม่เสียทีที่เคยเอกประวัติศาสตร์และวรรณคดี Hughes ได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับมนุษย์ของเขา มาใช้กับเว็บเครือข่ายออนไลน์ของ Obama อย่างได้ผล ช่วยทำให้การหาเสียงผ่านเว็บของ Obama ได้ผลดีมากแถมยังถูกสตางค์





เว็บของ Obama มีชีวิตชีวาที่สุดเมื่อเทียบกับเว็บของผู้สมัครคนอื่นๆ มีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ตลอดเวลาทั้งวิดีโอ ภาพ และลูกเล่นต่างๆ เช่นเสียงริงโทน และอะไรต่างๆ ที่สามารถดึงดูดให้ผู้สนับสนุน Obama อยากเข้ามาที่เว็บบ่อยๆ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในเว็บ




ในเว็บ mybarackobama.com ซึ่งเปรียบเสมือนเว็บเครือข่ายสังคมออนไลน์ของ Obama ผู้อ่านสามารถสร้าง Blog ของตัวเองก็ได้ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายของ Obama หรือเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายต่อทีมหาเสียงได้โดยตรง หรือจะตั้งกลุ่มระดมทุนย่อยๆ ก็ได้ แม้กระทั่งจะใช้เบอร์โทรศัพท์ที่มีการรวบรวมไว้บนเว็บเพื่อทำโพลด้วยตัวเองก็ย่อมได้





ปรากฏการณ์อีกอย่างที่เกี่ยวกับการหาเสียงของ Obama คือ การที่มิวสิกวิดีโอเพลง “Yes We Can” ที่สร้างสรรค์โดย will.i.am แห่ง Black Eyed Peas และมีเพื่อนคนดังๆ ของวงนี้ร่วมเล่นวิดีโอนี้ด้วยมากมาย ที่กลายเป็นการช่วย Obama หาเสียงฟรีๆ โดยที่เขาไม่ต้องเสียตังค์สักบาท แถมยังฮอตฮิตอย่างรวดเร็วราวกับการระบาดของไวรัส





ตรงข้ามกับ “Hillary’s Leaving the Band” ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องสมมติว่านักร้องเพลงร็อกวัยรุ่นกำลังเศร้าโศกต่อการสูญเสียมือกีตาร์ที่พวกเขาชื่นชอบ ที่กลับแป้กอย่างไม่เป็นท่า เพราะดูเนี้ยบเกินไปและดูยัดเยียด ดูเหมือนว่าโลกออนไลน์จะสามารถเปิดเผย “ความไม่แท้” ได้ง่ายกว่าในโลกจริงเสียอีก





ขณะนี้ได้เกิดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่มีพลังอำนาจมากขึ้นเนื่องจากการรับข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต และผู้บริโภคกลุ่มนี้มักได้กลิ่นความไม่แท้ได้อย่างว่องไว แต่พวกเขากลับเลือกวางใจที่จะแสดงความคิดเห็นในเว็บของ Obama





และมีการสื่อสารตอบสนองอย่างสม่ำเสมอกับผู้บริโภคด้วยกันเองและจากทีมหาเสียงของ Obama บริษัทโฆษณาดิจิตอล Resource Interactive จึงได้คิดคำว่า “OPEN Brand” ซึ่งเป็นคำย่อของ On-demand, Personal, Engaging, Networks ขึ้น เพื่อเป็นกรอบให้บริษัทใช้คิดเกี่ยวกับการกระจายสารของแบรนด์ในวิธีใหม่




การเปิดเผยของ Obama เป็นการยอมสละอำนาจการควบคุมแบรนด์บางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด และต้องคำนึงถึงการรักษาภาพลักษณ์ไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือน และการสื่อสารที่เหมาะสมด้วย




ผู้ที่ชื่นชอบ Obama ต่างบอกว่า เห็นความเป็นผู้นำในตัวเขามากกว่าความเป็นเจ้านาย ประโยคนี้มีความหมายและสำคัญยิ่ง สำหรับการเป็นผู้นำในโลกยุคนี้



ในขณะที่ “เจ้านาย” สามารถสั่งคุณให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ แม้คุณจะทำตามแต่ก็เพราะเป็นหน้าที่ แต่ “ผู้นำ” จะสามารถทำให้คนอื่นๆ ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยตนเอง ด้วยการทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจ เกิดความเคารพและเกิดความไว้ใจ


โอบามา กับย่า ที่เคนยา

และ Obama คือตัวแทนของวิธีคิดแบบใหม่เกี่ยวกับผู้นำที่เรียกว่า ‘Adaptive Leadership” ซึ่งกำลังสอนกันอย่างขะมักเขม้นอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Harvard’s Kennedy School และอีกหลายแห่ง Adaptive Leadership จะสามารถจัดการปัญหาที่จำเป็นต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงในวิธีคิดของทั้งชุมชน ในขณะที่ผู้นำแบบมีวิสัยทัศน์จะเสนอแผนของตัวเองให้ทุกคนปฏิบัติตาม แต่ผู้นำแบบ Adaptive Leader จะทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อวางแผนร่วมกัน




Obama เชิญชวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงด้วยสโลแกน “Yes we can” ของเขา และตอกย้ำด้วยการกล่าวโจมตีการนิ่งดูดายและการไม่สนใจการเมืองของคนอเมริกันโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว




พร้อมทั้งเชิญให้ทุกคนร่วมมีส่วนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องรอคนอื่น หรือเวลาอื่น “เพราะเราทุกคนคือความหวังของอนาคต” นั่นคือคำกล่าวของ Obama ในวันเลือกตั้งขั้นต้นครั้งใหญ่พร้อมกัน 22 รัฐที่เรียกว่า Super Tuesday





Obama สามารถทำให้คนเชื่อมั่นได้ว่า เขาสามารถนำทุกคนมานั่งโต๊ะเจรจากันได้ และเขาจะรับฟังความเห็นที่แตกต่าง Obama ทำให้คนเชื่อว่า เขาสามารถจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ถูกต้องกว่าคนอื่นๆ





นักวิเคราะห์ชี้ว่า Obama กับ Clinton เป็นแบรนด์ที่ตรงข้ามกันอย่างน่าสนใจ ในขณะที่ Clinton สื่อสารออกมาว่าเธอรักนโยบาย แต่ Obama สื่อสารว่าเขารักคน และคำว่า yes ของเขาเหมือนการยืนยันที่หนักแน่นว่า เขารวมและเชิญทุกคนให้มีส่วนร่วม




หาก Obama ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของสหรัฐฯ เขาจะทำให้คนทั้งโลกมองอเมริกาและคนอเมริกันอย่างแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงจากที่เคยเป็นมา รวมทั้งจะส่งผลกระทบไปไกลในโลกธุรกิจ ซึ่งตำแหน่งบริหารส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือของคนผิวขาว




ประจวบกับที่ประชากรอเมริกันก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยข้อมูลสำมะโนประชากรล่าสุดคาดการณ์ว่าภายในปี 2010 40% ของชาวอเมริกันจะไม่ใช่คนผิวขาว ซึ่งหมายถึงตลาดใหม่และโอกาสใหม่ และความหลากหลายอาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของธุรกิจ





“Brand America” จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หาก Obama ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว สไตล์การเป็นผู้นำที่แตกต่างของเขา ยังไม่นับการมีผิวสีน้ำตาลและชื่อแบบคนแอฟริกา ย่อมจะเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้แก่ภาพลักษณ์ของอเมริกาในสายตาคนทั้งโลก เพราะจะทำให้ชาวโลกได้เห็นว่า คนกลุ่มน้อยในอเมริกาก็สามารถจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของประเทศได้เพราะระบอบประชาธิปไตย



Michelle Robinson



ก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ USA ได้รับความเสียหายมานานหลายปี โดยผลสำรวจความคิดเห็นคนทั่วโลกล่าสุดพบว่า ความนิยมชมชื่นในสหรัฐฯ ลดลงตลอด 5 ปีที่ผ่านมาใน 26 ประเทศจากทั้งหมด 33 ประเทศที่ทำการสำรวจ ลดลงแม้แต่ในชาติยุโรปที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ และถึงกับติดลบในภูมิภาคอย่างตะวันออกกลาง




ผลสำรวจของ BBC ของอังกฤษยิ่งน่าตกใจกว่า เมื่อ 3 ใน 4 คนของคนจำนวน 26,000 คนที่ได้รับการสำรวจใน 25 ประเทศบอกว่า ไม่ยอมรับวิธีการที่สหรัฐฯ ใช้จัดการกับอิรัก ค่ายกักกันผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายกวนตานาโม ปัญหาโลกร้อน อิหร่านและเกาหลีเหนือ ทางออกของปัญหานี้คือ สหรัฐฯ จะต้องฟังโลกให้มากกว่านี้





และนั่นก็คือสิ่งที่ Obama ประกาศว่าจะนำไปใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้แก่การให้ทุกคนมีส่วนร่วม แม้กระทั่งกับประเทศที่สหรัฐฯ มองว่าเป็นศัตรู ซึ่งก็เป็นกลยุทธ์เดียวกับที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของอเมริกันเองอย่าง McDonald’s ไปจนถึง ExxonMobil ใช้อยู่แล้ว เมื่อต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในประเทศที่พวกเขาอาจไม่ชอบใจในระบอบการปกครอง




การที่ Obama สามารถสมัครเป็นตัวแทนเดโมแครตส์และเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง อาจเริ่มมีส่วนช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ของอเมริกาในสายตาชาวโลกได้บ้างแล้ว เพราะแม้จะผิดหวังกับนโยบายของอเมริกา แต่โลกก็ยังคงเชื่อและหวังในความเป็นผู้นำของอเมริกา



และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า นายบารัค โอบามา ผู้แทนจากพรรคเดโมแครต จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ หลังสามารถกวาดคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งไปได้แล้ว 333 คะแนน โดยสื่อในสหรัฐรายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเบื้องต้นจากการหยั่งเสียงหน้าหน่วยเลือกตั้งล่าสุดว่า นายโอบามามีชัยชนะเหนือนายจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในรัฐใหญ่อย่างเพนซิลเวเนีย และรัฐอิลลินอยส์ ที่มีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งถึง 21 เสียง





นอกจากนี้นายโอบามายังมีชัยชนะในรัฐคอนเนกติกัต เดลาแวร์ แมสซาชูเซตส์ แมริแลนด์ นิวเจอร์ซีย์ เวอร์มอนต์ วอชิงตันดีซี นิวแฮมป์เชียร์ แคนซัส มินนิโซตา โรดไอแลนด์ นิวยอร์ก มิชิแกน และไอโอวา อีกทั้งยังคาดว่านายโอบามาจะได้รับชัยชนะในรัฐโอไฮโอ และนิวเม็กซิโกด้วย





ส่วนนายแมคเคนได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 155 คะแนน ทั้งนี้ผู้ที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 270 คะแนน จากทั้งหมด 538 คะแนน





ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายโอบามาประมาณ 65,000 คน ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณสวนสาธารณะแกรนท์ พาร์ค ในนครชิคาโก เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะในคืนเลือกตั้งของโอบามา





ด้านชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันได้เฉลิมฉลองตามสถานที่ต่างๆ หลังผลการหยั่งเสียงหน้าคูหาเลือกตั้งในรัฐตะวันออกชี้ว่านายโอบามา จะชนะเลือกตั้งกลายเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐ.













ที่มา
วิกิพีเดีย
positioningmag.com











SUPERBARACK

























 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551
17 comments
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2551 0:01:35 น.
Counter : 4803 Pageviews.

 

ได้ข่าวว่าเป็นญาติกับแบรด พิทท์ ด้วยค่ะ

แสดงว่า แบรด พิทท์ กับ จอร์จ บุช
อาจจะเป็นญาติกันด้วย

อิอิ

 

โดย: โสดในซอย 6 พฤศจิกายน 2551 0:54:04 น.  

 

ขอบคุณค่ะที่นำมาฝากกันอ่านนะค่ะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 6 พฤศจิกายน 2551 1:08:06 น.  

 

คิดเหมือนกันไหมนะ รู้สึกว่ากระแสข่าว เกี่ยวกับโอบามา ในไทยนั้นเยอะกว่าแมคเคน ทำให้เราก็เลยต้องเชียร์โอบามาด้วยคนเลย สันติภาพจะกลับมาหากผู้นำให้ความสำคัญเรื่องการทำสมาธิ

 

โดย: นายพอดี (fasheng ) 6 พฤศจิกายน 2551 1:16:30 น.  

 

ขอยอมรับว่า Mr.President พูดเก่งจรังๆต้องคอยติดตามต่อไป
เมื่อคืนออกไปฉลองกับเข้าเหมือนกัน เสียงคนโห่ร้องเเสดงความดีใจด้งจนเกือบรุ่งเช้า

เเต่เเอบน้ำตาตกตอนเเม็คเคนกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนที่phoenix เป็นคนเก่งประสบการณ์ทางทหารเเต่ไม่เหมาะกับเหตุการณ์ปัจจุปัน

 

โดย: " ยูกะ " (YUCCA ) 6 พฤศจิกายน 2551 1:45:06 น.  

 

ขอบคุณนะคะที่นำมาให้อ่าน

เมื่อคืนก็ตามข่าวอยู่จนดึกเหมือนกันคะ

 

โดย: mook (haiti ) 6 พฤศจิกายน 2551 3:16:47 น.  

 

ขอบคุณนะคะลุง ได้รู้เรื่องราวของเขาเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย นัทชอบเขาละ

 

โดย: Picike 6 พฤศจิกายน 2551 3:28:25 น.  

 

เค้าเก่งอ่ะ เค้าต้องทำอะไรดี ๆ ให้โลกใบนี้ได้บ้างหล่ะนะ ชอบ ชอบ อิอิ

 

โดย: ถั่วงอกน้อยค่ะ 6 พฤศจิกายน 2551 5:25:50 น.  

 

ขอบคุณนะคะ ตามเชียร์เค้าอยู่ค่ะ

 

โดย: ANGEL_CS 6 พฤศจิกายน 2551 7:11:31 น.  

 

ขอบคุณสำหรับบทความนะคะ อ่านเพลินมากเลย ^^

ขอเอาลิงก์ไปแปะที่บล็อกของตัวเองหน่อยนะคะ ^^

 

โดย: Clear Ice 6 พฤศจิกายน 2551 9:39:28 น.  

 

ในที่สุด เค้าก็ชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นผู้นำอเมริกา รวมทั้งเหมือนจะเป็นผู้นำของโลกอีกด้วย ชื่อของเค้า ฮิตติดหู มาตั้งแต่หาเสียง ชื่อของเค้า ได้ยินกันทุกวัน และก็เป้นที่นิยม เพราะ มาดของเค้า สุขุม สดใส เป็นกันเอง และ มีวาทศิลป์ พูดเก่งมาก จนในที่สุด หญิงเหล็ก อย่าง "ฮิลลารี่ คลินตัน" ยังต้องหลีกทางให้

เราเองก็แอบเชียร์เค้าอยู่ หวังว่า เค้าจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของอเมริกาได้ ถ้าทำได้ ก็เหมือนช่วยเศรษฐกิจทั้งโลกด้วย

ขอบคุณข้อมูลที่เอามาให้อ่านค่ะ

 

โดย: วินนี่ย์หมีพูห์ 6 พฤศจิกายน 2551 9:43:10 น.  

 

มาอ่านด้วยคนได้สาระมากค่ะ ขอบคุณนะคะ

 

โดย: teddybear@LB 6 พฤศจิกายน 2551 10:59:44 น.  

 

ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ ค่ะ ตามมาจากบล็อกพี่ไอซ์ กำลังคิดว่าจะไปสอยหนังสือ Dreams from My Father มาอยู่พอดีเลยค่ะ

 

โดย: เบบูญ่า 6 พฤศจิกายน 2551 12:26:20 น.  

 

ว้าว ๆ ประวัติแน่นสุด ๆ เลย เอาไปทำรายงานได้เลยนะเนี่ย *-*

 

โดย: LovelyPanda 6 พฤศจิกายน 2551 18:51:06 น.  

 

ชอบการเมือง อเมริกา ตรง ผู้แพ้ รู้ จักคำว่าแพ้

 

โดย: memoirsgirl 6 พฤศจิกายน 2551 23:30:13 น.  

 

ชอบมากเลยอ่ะ ขอบคุณ ครับ

 

โดย: toto (phamtoto ) 8 พฤศจิกายน 2551 12:45:05 น.  

 

ถ้าอยากๆด้ประวัติแน่นกว่านี้ก็ต้องไปที่ th.wikipedia.org/บารัค โอบามา

 

โดย: mark IP: 125.26.214.139 10 มีนาคม 2552 12:03:40 น.  

 

ได้ความรู้จัง เกี่ยวกับโอบาม่า

 

โดย: Aood IP: 125.27.193.65 31 พฤษภาคม 2552 15:00:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นอกลู่นอกทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








ภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยา
ภาพสดๆจากที่ต่างๆทั่วมุมโลก
Ban Na Song BKK, Thailand
Karon Beach , Phuket , Thailand
Federal Highway, Angkasapuri ,Pantai Valley , Malaysia
Delta Estate , Singapore
Malate ,Manila , Philippines
Bandar Seri Begawan , Brunei
Guangxi Guilin, China
달빛무지개분수(Banpo Bridge Fountain )Sin’gilsa-dong , Seoul , South Korea
Hong Kong skyline from Admiralty, China
Shiomidai , Kanagawa , Japan
Cable Beach, Broome, Western Australia, Australia
Keahua Hawaii , USA
Sacramento California, USA
Washington D.C., USA
Manhattan , New York , USA
McCulloch Kelowna, Canada
Niagara Falls , Ontario , Canada
Panama Canal , Bella Vista , Panama
Santiago de Chile , Región Metropolitana , Chile
Fairbanks, Alaska Forecast Arctic
Mar del Plata Buenos Aires , Argentina
Tasiilaq , Østgrønland , Greenland
London Skyline from the Sheraton Park Tower , Knightsbridge , United Kingdom
Trafalgar Square , London , United Kingdom
Eiffel Tower Paris, France
Harstad Nordland , Norway
Halsum , Svalbarð , Iceland
Amsterdam , Netherlands
Vatican City State, Saint Peter's Basilica Borgo , Italy
Berlin, Germany
Чебоксарский залив, Yakimovo, Chuvashia , Russia
Udaipur Lake Pichola , Rājasthān , India
Mount Everest , Junbesi , Sagarmāthā , Nepal
Cape Town Sanddrift, South Africa
Orpen , Richmond , South Africa
Abū Hayl Dubai , United Arab Emirates
Kairo, Egypt
Medhufushi, Maldives
Mawson station Antarctica

Profile Visitor Map - Click to view visits
หนังทุกเรื่องหรือเพลงทุกเพลงในบล็อกนี้ เป็นเจ้าของ ของลิขสิทธินั้นๆตามเจ้าของเดิม นำมาเพื่อแบ่งปันชมกันในหมู่เพื่อนพ้อง ชาวบล็อกแก้งค์เท่านั้นครับ....
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 หากผู้ใดคิดจะ ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปเผยแพร่ ให้นำไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต จขบ. แต่ต้องคัดลอกแจกจ่ายให้ครบ 50 ก็อปปี้ ไม่เช่นนั้น จะมีอันเป็นไป ต่างๆนานา ถึงขั้นชีวิตตกอับ อิอิ หากแต่ว่า..นำชื่อ จขบ. ไปใช้ในทางเสียหายหรือประจาน จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด นะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add นอกลู่นอกทาง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.