Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
17 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
สรพงษ์ ชาตรี.....ยอดนักแสดงแห่งโลกมายา



















สรพงษ์ ชาตรี... ยอดนักแสดงแห่งโลกมายา


เชื่อเถอะ...คงไม่มีใครไม่เคยดูหนังที่เขาแสดงแน่ๆ กว่า 400 เรื่องต้องมีสักเรื่องบ้างละน้าที่ผ่านตาคุณ





ปีก่อนกับ 2 ผลงานฟอร์มอลังการ “ปืนใหญ่จอมสลัด” และ “องค์บาก 2” ในบทบาทที่ฉีกกว่าครั้งไหนๆ จากผู้รอบรู้วิชาดูหลำ “กระเบนขาว” สู่หัวหน้าชุมโจรปีกผาครุฑ “เชอนัง”





ย้อนไปไกลกว่านั้นอีกสัก 6 ปี “สุริโยไท” เขาก็ยังได้รับความไว้วางใจให้สวมบท “หมื่นราชเสน่หานอกราชการ” รวมถึงเมื่อปี 2550 “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ” ที่แม้บท “พระมหาเถรคันฉ่อง” อาจไม่เยอะเท่าไหร่ แต่นี่ก็ได้พิสูจน์ถึงฝีมือด้านการแสดง
รวมถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับในอดีต ไม่ว่าจะ





2545 หนังกระเทยหลงป่า “พรางชมพู” และบทนายทหารรุ่นเดอะ “จ่าเริง” ผู้เกลียดกระเทยเข้าไส้ก็ตกเป็นของเขาในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือตัวประกันกลางดง (เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำชาย)





2543 หนังฟอร์มจิ๋วแต่อัดแน่นด้วยนักแสดงตัวเอ้ “สตางค์” ก็มีเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังน่าดูยิ่งขึ้น กับบทเล็กๆ “จ่อน” บทโหดหินใน “คนเลี้ยงช้าง” (2534) ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักแสดงคุณภาพคับแก้วระดับท็อปของประเทศ (เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำชาย) ผลงานที่สร้างจากนวนิยาย “จนตรอก” ของนักเขียนซีไรต์ “ชาติ กอบจิตติ” ในชื่อสั้นๆ ว่า “บ้าน” (2530) ส่งชื่อเขาได้รับการยกย่องเป็นพระเอกหนังดรามา





พ.ศ. 2526 กับบทบาทตำรวจตระเวนชายแดนในหนังแอ็กชันดรามา “มือปืน” อีกหนึ่งผลงานชิ้นเยี่ยมของผู้กำกับที่ปลุกปั้น “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” (ชนะรางวัลสุพรรณหงส์ สาขานักแสดงนำชาย)







พ.ศ. 2525 เขาฮอตมากในหนัง “ไอ้ผาง ร.ฟ.ท.” โดยเฉพาะต่างจังหวัด เด็กๆ ก็อยากเก่งเหมือนไอ้ผาง ด้วยหวังว่าวันหนึ่งคนชั่วจะสิ้นซาก (เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชาย)






คนจดจำเขาได้ดีกับภาพหนุ่มบ้านทุ่ง “ไอ้ขวัญ” แห่งหนังดรามาเคล้าน้ำตา “แผลเก่า” (2520) (เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชาย)






ถ่ายทอดเรื่องราวอันขมขื่นและเข้มข้นไว้ใน “สัตว์มนุษย์” (2519) ผลงานของ “ฉลอง ภักดีวิจิตร” (ชนะรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชาย)




ภาพยนต์เรื่องแรกของ สรพงษ์ ชาตรี


ผลงานแจ้งเกิดใน พ.ศ. 2514 จากหนังวิพากษ์สังคม “มันมากับความมืด” โดยมี “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” เป็นผู้หนุนส่ง และครั้งแรกบนถนนมายา เริ่มจากตัวประกอบเล็กๆ ในกองถ่ายละคร “นางไพรตานี” (ช่อง 7 สี) ใน พ.ศ. 2512





วันนี้เรารู้จักเขาในฐานะ “พระเอก” ซึ่งเจ้าตัวไม่ค่อยยินดียินร้ายอะไรนักหรอก หากว่าจะพ่วงด้วย “ตลอดกาล” เพราะเขายืนกรานหนักแน่น ตำแหน่งที่เหมาะน่าจะเป็น “นักแสดง” มากกว่า





“ผมไม่ใช่พระเอกนะครับ แต่ผมคือนักแสดง” เขาที่เราหมายถึงเปรยขึ้น “เพราะบทบาทที่ผมได้รับ มันหลากหลายและก็ไม่ได้เป็นพระเอกเสมอไป”




“สรพงษ์ ชาตรี” หรือที่ใครๆ มักเรียกติดปากว่า “พี่เอก” เริ่มการสนทนาอย่างคล่องแคล่ว ณ ร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่งในซอยเสือใหญ่อุทิศ อันเป็นที่ประจำของเขากับศรีภรรยา (ดวงเดือน จิไธสงค์)




เราจับสังเกตว่าสรพงษ์ที่อยู่ในจอกับนอกจอคือคนละคน และเขาเองก็ยอมรับเช่นนั้น ในจอเป็นบทบาทตัวละครที่ต้องถ่ายทอด ส่วนนอกจอเป็นผู้ชายวัย 59 พื้นเพเป็นคนกรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา ชื่อว่า “กรีพงศ์ เทียมเศวต” ตามบัตรประชาชน (ใบปัจจุบัน)






“เวลาผมเล่นหนังจะไม่ใช่ตัวผมเลย เพราะเราไม่ได้เล่นเป็นตัวเอง สมองตัวว่าง หรือเปรียบเสมือนเราคือหุ่นยนต์ ผู้กำกับจะเป็นคนป้อนโปรแกรมใส่หัว แม้แต่กะพริบตา ผมยังต้องถามผู้กำกับเลยว่ากะพริบตาได้มั้ย”





การแสดงคืออะไร? เราโพล่งปากถามสรพงษ์ เพราะความอยากรู้ว่านักแสดงที่อยู่ในวงการยาวนานและผ่านงานมาเยอะแยะจะนิยามคำนี้ยังไง





“ตัวผมไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน เลยไม่รู้ว่าการแสดงคืออะไร แต่ผมรู้แค่ว่าผมคือมนุษย์ เขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำได้ เล่นเป็นคนบ้า เราไม่เคยบ้า ก็ต้องศึกษา บ้ามาก บ้าน้อย เล่นเป็นตำรวจ ก็ต้องศึกษา ตำรวจในเมืองกับตำรวจบ้านนอก จากไหน... จากของจริง จากคนที่เป็นจริงๆ นี่ละครับการแสดง”





จากบทบาทอันหลากหลาย สรพงษ์ได้ใช้ทฤษฎีการแสดงแบบฉบับตัวเอง ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร จนเป็นที่กล่าวขานและยอมรับ การันตีด้วยรางวัลมากมาย นั่นเพราะการเข้าถึง แต่ละบทบาทโดยแท้จริงของยอดนักแสดง





“นอกจากศึกษาบทแล้ว ก็มีผู้กำกับคอยคุมโทนอีกที พูดยังงี้ ทำยังงี้ เดินยังงี้ จะช่วยให้เราที่เป็นนักแสดงเข้าถึงบทบาทได้ อย่างบทไอ้ขวัญใน ‘แผลเก่า’ จะใกล้เคียงกับผมมาก คือผมเป็นเด็กเลี้ยงวัวเลี้ยงควายมาก่อน นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำกลางทุ่ง มันเลยไม่ยาก





ส่วนเรื่องอื่นๆ จะไม่ใช่สรพงษ์ แต่เป็นตัวละครที่สรพงษ์สวมบทบาทอยู่ ซึ่งมันก็มาจากการเลือกบทที่ต้องเหมาะกับตัวเอง อย่างบางบทผมก็ไม่เล่น บทกะเทยงี้ ผมคิดว่าคงไม่เหมาะกับผมหรอก หรือบทตลกก็ไม่น่าจะเหมาะเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ผมเคยเล่นมาแล้ว เช่นเรื่อง ‘แหม่มกะปิ’ แต่ไม่ว่าจะเล่นเป็นตัวอะไรก็ไม่สำคัญ ขอแค่เล่นให้ดูสมจริงก็พอ”





แดดข้างนอกร้านเริ่มเปรี้ยง ขณะที่ในร้านก็เริ่มอึงอล เสียงลูกค้าที่กำลังบ่ายหน้ามาฝากท้องมื้อเที่ยงที่นี่ สรพงษ์แสดงอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด สักพักเขาก็เงียบและบอกเราให้หยุดเครื่องบันทึกเสียง จากนั้นเขาก็ชวนไปชั้นบนของร้านอาหาร ซึ่งเงียบกว่า

“เสียงมันดัง ไม่ค่อยมีสมาธิเลยครับ” เขาเอ่ยสั้นๆ ทำให้เรานึกถึงความเป็นนักแสดงของเขา สมาธิต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะรับบทบาทใด พระเอกนำ หรือตัวประกอบ หากไม่มีสมาธิก็ยากอยู่ที่จะสามารถเค้นอารมณ์ออกมาได้





“เล่นหนังปัญหามันเยอะ โดยเฉพาะเรื่องเสียง ผมว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเจอ ตอนที่ถ่ายสุริโยไท โอ้โห!!! กว่าจะถ่ายกันได้ รอแล้วรออีก เดี๋ยวงานสวดศพ เดี๋ยวเรือยนต์ เดี๋ยวเครื่องบิน สารพัดครับ สมาธิกระเจิงหมด เพราะเมื่อ 400 ปี มันไม่มี ทำไงก็ต้องรอ ให้ทุกอย่างเงียบ เพื่อเรียกสมาธิด้วย และให้หนังสมจริงด้วย”

ความสมจริงนั้นสำหรับสรพงษ์เป็นเรื่องสำคัญ เช่นที่เขาพูดก่อนหน้าไว้ ไม่ว่าจะสวมบทบาทไหน คนดูจะอินได้ นักแสดงต้องสมจริง และความสมจริงของเขาบางครั้งอาจต้องแลกมาด้วยเลือดหรือเดิมพันด้วยชีวิต





“ในเรื่องเสียดายนี่ผมเล่นเองนะ ต้องตกบันไดแขนหัก ไม่มีอะไรเซฟเลย เพราะกล้องตั้งอยู่หน้าบันไดพอดี ต้องกลิ้งลงมาจริงๆ เพราะมันเห็นหน้าเราทั้งซีน ทำออกมาแล้วก็คุ้ม เพราะหนังมันอยู่ได้เป็นร้อยปี แต่แขนเราหักก็ดามใหม่ได้”

สรพงษ์เป็นคนจริงใจ อันนี้เราสัมผัสได้ตลอดที่นั่งสนทนากัน เขาพูดตรงๆ ในสิ่งที่เราอยากรู้ อย่างที่เขาบอกว่าอยู่วงการได้ เพราะ “ผมโชคดีที่เกิดมาโง่”




จะมีนักแสดงคนไหนล่ะจะริหาญกล้าประกาศออกมาโต้งๆ ถึงเรื่องพรรค์นี้ มีแต่พยายามจะแสดงความชาญฉลาดกันทั้งนั้น แต่เขาไม่...ภาพลักษณ์นักแสดงแบบฉาบไว้ด้วยหน้ากากจึงแทบไม่เห็นจากสรพงษ์

“ถือว่าความโง่เป็นครูของผมนะครับ เพราะถ้าผมไม่โง่ป่านนี้อาจไม่มีคนจ้างเล่นหนังแล้ว เมื่อผมถูกเลือกให้เป็นนักแสดง สิ่งหนึ่งที่ผมทำมาโดยตลอดที่อยู่วงการคือ หัวต้องกลวง จะได้รับความรู้ใหม่ๆ จากผู้กำกับ ถ้าหัวมีเรื่องให้คิดเยอะ ก็จะไม่สามารถรับความรู้ใหม่ๆ ได้






และความโง่นี่ละทำให้เกิดการลองผิดลองถูก ผมมองว่ามันคือข้อดีของการเป็นนักแสดงที่พร้อมจะถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครตามบทบาทที่ได้รับ อย่างใน ‘คนเลี้ยงช้าง’ ผมเล่นเป็นคนขี้เมา ท่านมุ้ยก็บอกว่าเตรียมตัวได้แล้ว มึงต้องอาเจียน ท่านมุ้ยก็มีวิธีของท่าน ให้ผมกินเหล้า กินโจ๊ก กินไข่ดิบๆ เดี๋ยวเดียวเท่านั้นละครับ อ้วกแตกเลย หรือฉากที่ต้องยืนฉี่ ท่านมุ้ยก็สั่งให้ผมกินน้ำเยอะๆ แล้วมันก็ปวดฉี่ สำหรับนี่คือการลองผิดลองถูก จากความโง่ แต่ผลลัพธ์มันดีตรงที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ คืนมา ซึ่งถ้าไม่ทำแบบนี้ผมก็คงแสดงไม่ได้”

ความสำเร็จของสรพงษ์ทุกคนประจักษ์แจ้ง ทุกบทบาทนั้นล้วนแต่สะท้อนถึงตัวตนของการเป็นนักแสดงที่ดี ทำไม?...คนวัยอย่างเขาถึงยังมีงานเข้าตลอด เทียบกับบางคนอาจรามือไป เพราะสังขารไม่อำนวย หรือกระทั่งถูกหมางเมินจากนายทุน แต่สรพงษ์จะเป็นเช่นนั้น





นี่จึงเป็นความเหมาะสมแล้วที่เขาจะได้รับเกียรติให้ครองรางวัลอันทรงคุณค่า “ศิลปินแห่งชาติ” (สาขานักแสดง) ประจำปี 2551 ถัดจากปูชนียบุคคลชั้นครูทั้งที่ล่วงลับและยังมีชีวิต อาทิ “ส.อาสนจินดา” (2533) “ล้อต๊อกสวง ทรัพย์สำรวย” (2538) “สมควร กระจ่างศาสตร์” (2539) “จุรี โอศิริ” (2541) “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” (2542) รวมถึงผู้กำกับที่เขาเปรียบเป็นครู “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” (2544)






“รางวัลคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมมากนัก อาจจะดีในแง่คุณค่าที่คนจะหันมามองเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่กับตัวเราเองด้วย ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าศิลปินแห่งชาติยิ่งใหญ่ ไม่งั้นคณะกรรมการคงไม่เลือกเราหรอก เพราะผมก็ไม่เคยคิดว่าจากเด็กกลางทุ่งกลางนาจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แค่คิดว่าการเป็นนักแสดงคงจะยาก ยิ่งเป็นนักแสดงที่มีคนชื่นชอบยิ่งยาก สมัยก่อนหลักสูตรการแสดงยังไม่มี หนังสือเราก็ไม่ได้เรียน ถ้าไม่เจอครูอย่างท่านมุ้ย ก็คงไม่มีผมในวันนี้ เด็กมหาวิทยาลัยเรียน 4 ปีจบ แต่ผมเรียนกับท่านมุ้ยมาตั้งแต่อายุ 19 ตอนนี้ 59 ยังสอนกันไม่หมดเลย เพราะผมเป็นคนที่สมองไม่เคยเต็ม ครูสอนอะไรใหม่ๆ ก็รับได้ตลอด”

เวลาล่วงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราเหลือบดูนาฬิกาที่ผนังร้าน มันบอกว่าอีกไม่ถึง 10 นาทีจะเที่ยงครึ่ง เสียงช้อนกระทบจานดังเป็นระยะ
แต่เพราะติดนัดสัมภาษณ์ต่อ เราจึงต้องกล่าวคำขอบคุณในความปรารถนาดีที่พระเอกฝีมือเก๋าแถวหน้าฟากฟ้าเมืองไทยมีให้ก่อนลาจาก




ที่มา

วุฒิชัย สาสุข:





































Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2552 0:03:15 น. 4 comments
Counter : 8653 Pageviews.

 
เมื่อหลายวันก่อนดูเรื่อง "คนึงนิจ"จากในเน็ต
สรพงษ์ คู่ จารุณี แล้วก็มี ลลนา แต่ละคนยังดูหนุ่มสาวอยู่เลย
หนังสมัยก่อนก็ทำดีนะ ยิ่งหนังย้อนยุคเสื้อผ้าทำสวยๆ ในส่วนของฉากบ้านไม้ของเศรษฐีสมัยก่อนสวยมากเลย
วันต่อมาได้ดู สรพงษ์ กับ จารุณี อีกทีใน ปืนใหญ่ โจรสลัด
ดูทางเน็ตอีกนั่นล่ะจ้ะ ยังสวยหล่อทั้งคู่เพียงแต่วันเวลาผ่านไป
หนังเรื่องนี้ดูแล้วอลังการดีจัง ฝีมือคนไทยไม่ด้อยเลยโดยเฉพาะคุณ นนทรี
เสียดายตรงที่ฉายผิดเวลา เห็นว่าไม่ค่อยทำเงินครั้งต่อไปขอให้ทะลุ 300 ล้านเลยจ้า


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:05:29 น.  

 

cm safari

พี่เอกก็เป็นหนึ่งในดาราในดวงใจของผมครับ


โดย: scimovie วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:54:49 น.  

 
เพชรรามา เพชรเอ็มไพร์ สามย่าน คิงส์ ควีนส์ แกรนด์

ศาลาเฉลิมไทย ศาลาเฉลิมเขตร์

อูว์ โรงหนังที่เด็กแว้น และเด็กเกรียนสมัยนี้ ไม่มีทางนึกภาพออก

ว่ามันตั้งอยู่ตรงไหน? มันตั้งอยู่ตรงนั้นได้ยังไง?

คิดให้ตาย ก็คิดไม่ออก

เป็น งง กว่าข้อสอบคณิตศาสตร์อีก

สำหรับผม ผมชอบสรพงศ์ในหนังเรื่องหนึ่ง

หนังที่มีเพลง แสนแสบ ในเรื่อง แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้

จะใช่แผลเก่าก็ไม่รู้ได้

ตอนนั้นผมน้ำตารื้น อายชะมัด

โอ้โห อ่านถึงบันทัดนี้

"หนังมันอยู่ได้เป็นร้อยปี แต่แขนเราหักก็ดามใหม่ได้'

โอ้โห โอ้โห

หมายเหตุ : ศิลปินแห่งชาติ มีคุณสมพงษ์ พงษ์มิตร (2540)

นางมารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา (2542) อีกด้วย


โดย: yyswim วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:00:01 น.  

 
คุณน่ารักคนที่ ๑ ครับ หนังไทยที่คุณดูคือเรื่อง นิจ ครับ หนังดีจริงๆครับ ผมดูสมัยตอนเรียนมัธยมที่โรงหนังโอลิมปิค ก่อนฉายมีคอนเสิร์ตแกรนเอ๊กซ์ด้วยครับ ได้ของที่ระลึกเป็นผ้าพันคอนิจ มีลายเซ็นต์คุณจารุณีด้วยครับ


โดย: ประวิทย์ IP: 110.168.114.47 วันที่: 6 เมษายน 2556 เวลา:14:32:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นอกลู่นอกทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








ภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยา
ภาพสดๆจากที่ต่างๆทั่วมุมโลก
Ban Na Song BKK, Thailand
Karon Beach , Phuket , Thailand
Federal Highway, Angkasapuri ,Pantai Valley , Malaysia
Delta Estate , Singapore
Malate ,Manila , Philippines
Bandar Seri Begawan , Brunei
Guangxi Guilin, China
달빛무지개분수(Banpo Bridge Fountain )Sin’gilsa-dong , Seoul , South Korea
Hong Kong skyline from Admiralty, China
Shiomidai , Kanagawa , Japan
Cable Beach, Broome, Western Australia, Australia
Keahua Hawaii , USA
Sacramento California, USA
Washington D.C., USA
Manhattan , New York , USA
McCulloch Kelowna, Canada
Niagara Falls , Ontario , Canada
Panama Canal , Bella Vista , Panama
Santiago de Chile , Región Metropolitana , Chile
Fairbanks, Alaska Forecast Arctic
Mar del Plata Buenos Aires , Argentina
Tasiilaq , Østgrønland , Greenland
London Skyline from the Sheraton Park Tower , Knightsbridge , United Kingdom
Trafalgar Square , London , United Kingdom
Eiffel Tower Paris, France
Harstad Nordland , Norway
Halsum , Svalbarð , Iceland
Amsterdam , Netherlands
Vatican City State, Saint Peter's Basilica Borgo , Italy
Berlin, Germany
Чебоксарский залив, Yakimovo, Chuvashia , Russia
Udaipur Lake Pichola , Rājasthān , India
Mount Everest , Junbesi , Sagarmāthā , Nepal
Cape Town Sanddrift, South Africa
Orpen , Richmond , South Africa
Abū Hayl Dubai , United Arab Emirates
Kairo, Egypt
Medhufushi, Maldives
Mawson station Antarctica

Profile Visitor Map - Click to view visits
หนังทุกเรื่องหรือเพลงทุกเพลงในบล็อกนี้ เป็นเจ้าของ ของลิขสิทธินั้นๆตามเจ้าของเดิม นำมาเพื่อแบ่งปันชมกันในหมู่เพื่อนพ้อง ชาวบล็อกแก้งค์เท่านั้นครับ....
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 หากผู้ใดคิดจะ ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปเผยแพร่ ให้นำไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต จขบ. แต่ต้องคัดลอกแจกจ่ายให้ครบ 50 ก็อปปี้ ไม่เช่นนั้น จะมีอันเป็นไป ต่างๆนานา ถึงขั้นชีวิตตกอับ อิอิ หากแต่ว่า..นำชื่อ จขบ. ไปใช้ในทางเสียหายหรือประจาน จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด นะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add นอกลู่นอกทาง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.