กรณีศึกษา เด็กหนุ่มรร.กีฬา อายุ 17 ปี ปวดเข่า
พอดี ผู้เขียนบล็อกชอบอ่านคอลัมม์ "คุยกับหมอไพศาล" ใน นสพ. เดลินิวส์ ทุกวันเสาร์ หมอคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬา และให้คำปรึกษาพร้อม ๆรักษาอาการบาดเจ็บนักกีฬาทีมชาติไทยมาเป็นเวลานานแล้ว
ครั้งนี้ น่าสนใจมาก จึงตัดมาอ่านมาฝากให้อ่าน เป็นกรณีศึกษากัน
"ผมได้รับอีเมล์จากแฟนๆ เดลินิวส์ที่ติดตามคอลัมน์นี้อยู่เรื่อยๆ ส่วนมากส่งมาปรึกษาเกี่ยวกับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา บางรายปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั่วๆ ไป รวมทั้งเรื่องยา และอาหารเสริม ผมต้องขอขอบคุณที่ส่งคำถามมาให้ผมตอบ และผมต้องขอโทษด้วยสำหรับบางท่านที่ผมไม่มีเวลาตอบกลับไปให้ด้วยตนเอง คำถามจากผู้อ่านวันนี้ ผมขอนำจดหมายที่ส่งมาทางอีเมล์ จากเด็กหนุ่มวัย 17 ปี นักเรียน รร.กีฬาแห่งหนึ่งที่ให้ประวัติว่า “หัว เข่าข้างขวาของผม บิดมาประมาณ 9 รอบ คุณหมอมีเวลาไหมครับ ซึ่งมันทรมานมากครับ แต่ตอนนี้ผมก็ยังปวดอยู่ตลอดหลายครั้ง และครั้งล่าสุดที่เจ็บ คือ วันที่ 7 เมษายน 2553 ตอนที่เข่าผมบิดครั้งแรก ประมาณเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และผมก็เจ็บมาเกือบทุกเดือน รวมกันเป็น 9 ครั้ง และทุกครั้งที่ผมเจ็บ ผมก็ไปหาหมอทุกครั้ง และหมอก็บอกว่า หมอนรองกระดูกเข่าขวาฉีก หรือ เอ็นหัวเข่าขวาอักเสบ และฉีกขาด และหมอให้ยามาทานเป็นตัวยา 4 ชนิด คือ 1. ยาบำรุงไขข้อ 2. ยาแก้อักเสบ 3. ยาคลายกล้ามเนื้อ 4. ยาบำรุงแก้เหน็บชา และหมอก็บอกให้พักประมาณ 2-3 อาทิตย์ และมันไม่ปวดแล้ว ผมก็เลยไปเล่นบอลต่อ และก็เจ็บกลับมาอีก มันทรมานมากเลยครับและจะทำตัวอย่างไร” วิเคราะห์ประวัติการเจ็บป่วย - บาดเจ็บจากการเล่นฟุตบอลครั้งแรก เดือนกรกฎาคม 2552 เข้าใจว่าไปพบแพทย์ แพทย์ให้ยามาทาน และให้พัก 2-3 อาทิตย์ แล้วกลับไปเล่นใหม่
- หลังกลับไปเล่น ก็มีการบาดเจ็บอีก บอกว่ามีการเจ็บทุกเดือน และมีการเข่าบิดมา 9 รอบ (คงหมายถึง 9 ครั้ง) ทุกครั้งที่บาดเจ็บก็ไปพบแพทย์ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นแพทย์สาขาใด แพทย์บอกว่า หมอนรองกระดูกเข่าขวาฉีก และเอ็นหัวเข่าขวาฉีกขาด และมีการอักเสบ แพทย์ให้การรักษาด้วยยา 4 ชนิด และให้พักก่อนที่จะลงไปเล่นอีก
จากประวัติข้างต้น ทางการแพทย์อาจกล่าวได้ว่า “มีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในข้อเข่าอย่างชัดเจน เพราะเมื่อกลับไปเล่นครั้งใด ก็มีอาการบาดเจ็บทุกครั้ง “ซึ่งแสดงว่าภายในข้อเข่าข้างนั้นน่าที่จะสูญเสียความแข็งแรงจากการฉีกขาด ของเอ็นยึดข้อเข่า ซึ่งน่าจะเป็นเอ็นไขว้ หรือที่เรียกว่า ครูซิเอท ลิกกาเมนท์ (Cruciate Ligament) โดยปกติข้อเข่าของคนเราจะมีเอ็นไขว้หน้า (Anterior Cruciate Ligament) และเอ็นไขว้หลัง (Posterior Cruciate Ligament) การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาส่วนใหญ่จะเกิดการฉีกขาดของเอ็นไขว้หน้า นอกจากนี้ในข้อเข่ายังมีหมอน รองกระดูกที่เรียกว่า Meniscus เพื่อเสริมความเคลื่อนไหวของข้อเข่า ไม่ให้ผิวข้อของกระดูกที่มาประกอบเป็นข้อต่อ ต้องเสียดสีหรือชนกันโดยตรง หมอนรองกระดูกนี้จะมี 2 ชิ้น อยู่ด้านในเรียก Medial Meniscus และอยู่ด้านนอกเรียก Lateral Meniscus ซึ่งในการบาดเจ็บทางการกีฬา ส่วนใหญ่จะเกิดร่วมกันกับเอ็นไขว้ที่ฉีกขาดไปพร้อมๆ กัน แต่ก็มีบางรายที่ฉีกขาดอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ประเด็นสำคัญในการตรวจและวินิจฉัย แพทย์ที่ให้การรักษาได้ให้การวิเคราะห์โรคว่า หมอนรองกระดูก (Meniscus) และเอ็นหัวเข่าฉีกขาด (น่าจะ Cruciate Ligament) โดยการตรวจร่างกายซึ่งผู้ถามมาไม่ได้บอกว่า มีการส่งตรวจทางเอ็กซเรย์หรือไม่ ซึ่คาดเดาว่าคงไม่มีการส่งตรวจทางเอ็กซเรย์ จึงไม่ได้ระบุมาในจดหมาย เพื่อให้ผู้อ่านเดลินิวส์ได้เข้าใจเรื่องการตรวจวินิจฉัยให้ได้ผลค่อนข้างจะ 100% สำหรับเอ็นไขว้และหมอนรองกระดูกฉีกขาด แพทย์จะต้องส่งไปตรวจเอ็กซเรย์ชนิดพิเศษที่เรียกว่า เอ็มอาร์ไอ MRI (Magnetic Resonance Imaging) จึงจะเห็นการฉีกขาดของเนื้อเยื่อและเอ็นภายในและรอบๆ ข้อเข่าได้ การส่งเอ็กซเรย์ธรรมดา (Plains X-Ray) จะเห็นตัวกระดูกได้ชัดเจน ส่วนเนื้อเยื่อและเอ็นตลอดจนหมอนรองกระดูก จะไม่สามารถเห็นได้ ดังนั้นในกรณีที่สงสัยเอ็นไขว้ ฉีกขาด และหรือหมอนรองกระดูกฉีกขาด และต้องการพิสูจน์ทราบให้ชัดเจน แพทย์จะพิจารณาส่งต่อผู้ป่วยไปตรวจข้อเข่าด้วยวิธีการเอ็มอาร์ไอ การที่แพทย์ไม่ส่งผู้ป่วยไปทำเอ็มอาร์ไอข้อเข่าทุกๆ รายเพราะแพทย์พิจารณาแล้วว่าไม่มีความจำเป็นหรืออาจต้องคำนึงถึงเรื่องค่า ใช้จ่ายในการทำเอ็มอาร์ไอ ซึ่งยังค่อนข้างสูงอยู่ (ประมาณ 5,000 – 6,000 บาทขึ้นไป) สำหรับกรณีที่ถามมานี้ ผมคงให้ความเห็นว่า น่าจะต้องไปพบแพทย์ด้านออร์โธปิดิกส์ (กระดูกและข้อ) เพื่อทำการตรวจและพิจารณาส่งไปทำเอ็มอาร์ไอของข้อเข่า เพื่อพิสูจน์ว่ามีส่วนใดภายในข้อเข่าฉีกขาดไปบ้าง โดยนำมาพิจารณาร่วมกับการที่แพทย์ตรวจข้อเข่าไว้ก่อนแล้ว ประเด็นสำคัญในการรักษา เมื่อได้ข้อมูลการบาดเจ็บ การฉีกขาดของเนื้อเยื่อ เอ็นไขว้ หรือหมอนรองกระดูกแล้วว่ามีมากเพียงใด แพทย์ก็จะสรุปผลทั้งหมดให้ผู้ป่วยได้เข้าใจไปพร้อมกัน ในรายของผู้ถามมีอายุ 17-18 ปี อาจต้องมีพ่อแม่หรือผู้ปกครองหรือครูหรือโค้ช/ผู้ฝึกสอน เข้ามาร่วมฟังด้วย เพราะในบางครั้ง อาจต้องมีการตัดสินใจที่จะเลือกวิธีการรักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การรักษาด้วยการเข้าเฝือก รับประทานยา หรือการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบัน แพทย์ออร์โธปิดิกส์ เลือกที่จะทำผ่าตัดผ่านกล้อง ที่เรียกว่า Arthroscopic Surgery ซึ่งในขณะนี้แพทย์ออร์โธปิดิกส์ ที่สามารถทำผ่าตัดผ่านกล้องนี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นการฉีกขาดของเอ็นไขว้หรือ หมอนรองกระดูกฉีกขาด ผมมีความเห็นว่า ในรายของผู้ถามที่อยู่ในวัย 17 ปี และต้องการที่จะมีความแข็งแรงของข้อเข่ากลับคืนมา แพทย์ออร์โธปิดิกส์คงจะเสนอแนะให้ทำการผ่าตัดผ่านกล้อง โดยจะเอาเอ็นส่วนอื่นภายในบริเวณใกล้ๆ ข้อเข่ามาเสริมหรือทดแทน เอ็นไขว้ที่ฉีกขาด (ในกรณีของผู้ถาม ฉีกขาดมานานแล้ว) เพื่อให้ได้ความแข็งแรงกลับคืนมา ส่วนกรณีหมอนรองกระดูกฉีกขาด แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษา เมื่อเห็นว่ามีการฉีกขาดแบบใด อาจเป็นการเย็บซ่อมหรือเย็บเล็มให้เรียบ กรณีฉีกขาดมากๆ มาเป็นเวลานานๆ อาจพิจารณาเอาออก สุดท้ายที่สำคัญมากไม่แพ้กัน คือ ผู้ถามจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะต้องตั้งใจปฏิบัติตามขั้นตอนก่อน และหลังการผ่าตัด ในด้านการฝึกการสร้างกล้ามเนื้อรอบๆ เข่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อต้นขา ผมเดาเอาว่าขณะนี้กล้ามเนื้อต้นขาของผู้ถามคงลีบเล็กลงจากการที่ใช้งานน้อย ลง ดังนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ถามที่จะต้องรู้จักการสร้างกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น โดยปฏิบัติตามแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักกายภาพบำบัดที่จะสอนวิธีการให้ ท่านจะต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่มีเครื่องมือหรือวิธีการใดๆ ที่จะทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น และแข็งแรงขึ้น โดยตัวท่านไม่ได้ออกแรงบริหารเอง ซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่จะได้กล้ามเนื้อที่แข็งแรงกลับคืนมา สวัสดีครับ "
ผู้เขียน: นอ.(พิเศษ) นพ.ไพศาลจันทรพิทักษ์
เสริมนิดหนึ่ง จากผู้เขียนบล็อก
เคยมีน้องคนหนึ่งที่กำลังเรียนโรงเรียนกีฬาจังหวัด มารักษากับหมอออร์โธปิดิก ของเราคนเดียวกันเอง เป็นน้องผู้หญิงอายุ 15 ปี นักกีฬาเซปักตะกร้อ มีประวัติเจ็บหัวเข่ามาหลายเดือน หมอก็ได้รักษาเบื้องต้น ติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง แต่น้องคนนี้คล้ายกับเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี เจ็บมากแล้วมาหาหมอทุกครั้งที่เจ็บ (คนละอย่างกับ "ปวด" ) สุดท้ายหมอก็แนะให้ผ่าส่องกล้อง จะได้รู้ว่าเป็นอะไร แล้วก็จะได้รักษาไปพร้อม ๆ กัน เมื่อมีข้อบ่งชี้แน่นอน เพราะมีประวัติอย่างชัดเจนว่า เคยมีอุบัติเหตุ เข่าบิด กระแทกอย่างรุนแรง มีอาการบ่งชี้ีความผิดปกติกับเส้นเอ็น หรือหมอนรองกระดูกเข่า
ถ้าท่านผู้อ่านมีประวัติเกิดอุบัติเหตุและเล่าอาการได้อย่างชัดเจน จะทำให้การวินิจฉัยได้ง่ายขึ้น เพราะโรงพยาบาลบางแห่ง ไม่มีเครื่อง MRI ตรวจให้ และราคาสูงอยู่ 8,000 บาท ต่อครั้ง บัตรทอง ประกันสังคม ไม่สามารถเบิกได้ ถ้าผู้อ่านแน่ใจว่า มีอะไรผิดปกติในข้อเข่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุ มาได้เกิน 3 เดือนขึ้นไป ควรแจ้งหมอให้ทราบ เพื่อตรวจละเอียดเพิ่มเติม ด้วยวิธี Manual จะสามารถตรวจได้ว่า มีเส้นเอ็นขาดหรือไม่ ?
ลืมวาง Link เพื่อไปต่อยอดความรู้เพิ่มเติม
บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
..... เส้นเอ็น เข่า ฉีกขาด .... knee ligament sprain / injury
หมอนรองกระดูกเข่าฉีกขาด Meniscus
ปวดเข่า
ผ่าส่องกล้องเข่า Knee Arthroscopic
Create Date : 08 กันยายน 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 8 กันยายน 2553 13:17:24 น. |
Counter : 4640 Pageviews. |
|
|
|