|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สาเหตุของการปวดคอ
บ่อยครั้งที่เรามักมีอาการปวดคอโดยไม่รู้สาเหตุ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือผู้ที่ต้องทำงานก้ม ๆ เงย ๆ ทุกวัน...วันนี้เราลองมาดูสาเหตุกันดีกว่าว่ามันเกิดมาจากอะไรบ้างแล้วเราจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร...
สาเหตุของการปวดคอที่พบบ่อย
1. อิริยาบถ หรือ ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น
- การแหงนหน้า หรือ ก้มหน้าทำงานทั้งวัน เช่น ผู้ทำงานเย็บจักร ซักผ้า เขียนหนังสือ ช่างซ่อมรถ
- นอนในท่าที่คอพับ หรือ บิดไปข้างใดข้างหนึ่ง นอนหนุนหมอนที่สูง หรือ แข็งเกินไป
2.ความเครียดทางจิตใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อคอ ทำให้มีอาการปวดต้นคอ ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย ภายหลังจากการทำงาน หรือภายหลังจากมีปัญหาขัดแย้ง
3.อุบัติเหตุ ที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวของคอมาก หรือ รวดเร็วกว่าปกติ ทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นฉีกขาด หรือ กระดูกคอเคลื่อน
4.กระดูกคอเสื่อม ซึ่งพบได้ในผู้ที่สูงอายุทุกคน แต่มีบางคนเท่านั้นที่มีอาการมากจนต้องได้รับการรักษา สำหรับการเอ๊กซเรย์กระดูกคอจะพบว่ามีกระดูกงอกที่บริเวณขอบ ๆ ข้อต่อ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถพบได้ในคนสูงอายุทั่วไปที่ไม่มีอาการเลยก็ได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเอ๊กซเรย์ทุกคน
5.ข้ออักเสบ เช่น ในผู้ป่วยที่เป็นโรค รูมาตอยด์
6.กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จะมีอาการปวดในกล้ามเนื้อ และปวดมากขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อนั้นถูกใช้งาน รู้สึกว่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีบริเวณที่กดเจ็บชัดเจน และอาจจะคลำได้ก้อนพังผืดแข็ง ๆ ในบริเวณที่กดเจ็บ
การรักษาเบื้องต้น
1.พยายามพักผ่อนให้มาก ทางที่ดีควรนอนราบ หนุนหมอน ซึ่งหมอนที่ดี ควรมี
- ความนุ่มและยืดหยุ่นสามารถแนบส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งของก้านคอ
- ความหนาที่พอเหมาะ เมื่อนอนหนุนหมอนแล้วมองด้านข้างคอจะอยู่ในแนวตรง คอไม่แหงน หรือไม่ก้ม
2.ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่น โดยใช้น้ำแข็งทุบใส่ในถุงพลาสติกแล้วห่อด้วยผ้าขนหนู หรือ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น ประคบประมาณ 10 -15 นาที
3.รับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล แอสไพริน ทุก 4 - 6 ชั่วโมง อาจใช้ครีมนวดแก้ปวด ก็ได้แต่ต้องระวังอย่านวดแรงเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฟกช้ำมากขึ้นไปอีก
4.ทำกายภาพบำบัด
- บริหารกล้ามเนื้อคอ
- ใส่ปลอกคอ ซึ่งใช้เฉพาะรายที่จำเป็นเท่านั้น
- ถ่วงน้ำหนักดึงกระดูกคอ
- ประคบบริเวณที่ปวดด้วย ความร้อน ความเย็น หรือ คลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์
อาการปวดมักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แต่ยังไม่หายสนิทให้กินยาแก้ปวดต่อไป และ ฝึกการบริหารเพื่อให้คอเคลื่อนไหวดีขึ้น และ ออกกำลังกล้ามเนื้อคอ ให้แข็งแรงมากขึ้น
่ ถ้าอาการต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์
1. มีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ แขน โดยอาจจะมีอาการชา หรือ กล้ามเนื้อมืออ่อนแรง ร่วมด้วย
2. มีอาการอ่อนแรงของขา เวลาเดินรู้สึกว่าขาจะสั่น ๆ หรือ รู้สึกขา กระตุก ๆ
3. กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้ ทำให้มีอุจจาระ หรือปัสสาวะราด
4. อาการปวดไม่ดีขึ้น หรือปวดเพิ่มมากขึ้น
การป้องกันอาการปวดคอ
1.ระวังอิริยาบถ หรือ ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
-อย่าให้คอต้องก้ม-เงย นานเกินไป หรือ ก้ม-เงย บ่อยเกินไป ควรหยุดพักเพื่อบริหารกล้ามเนื้อคอ หรือเคลื่อนไหวคอสัก 2 - 3 นาทีทุก ๆ ชั่วโมง
-การนอนควรนอนบนที่นอนแข็งพอสมควร นอนหนุนหมอนที่นุ่มและยืดหยุ่นพอที่จะแนบส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งของก้านคอและมีความหนาพอเหมาะ ที่จะทำให้คออยู่ในแนวตรงเมื่อมองจากด้านข้าง ไม่ทำให้คอแหงนหรือก้มมากเกินไป อย่านอนคว่ำอ่านหนังสือหรือดูทีวี
2.หมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อของคอทุก ๆ วัน ให้บ่อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ( ทำมากได้มาก )
3.พยายามลดความเครียดจากชีวิตประจำวัน โดยการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
การบริหารกล้ามเนื้อคอ
1. ทำให้กล้ามเนื้อคอเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
ก้มและเงยหน้า ก้มหน้าให้คางจรดกับอก แล้วค่อย เงยหน้าให้แหงนไปด้านหลังให้มากที่สุด
ตะแคงซ้ายขวา หน้าอยู่ตรง ๆ ตะแคงซ้าย พยายามให้หูจรดไหล่ซ้าย โดยไม่ยกไหล่ กลับที่เดิมแล้วตะแคงขวาให้หูจรดไหล่ขวาโดยไม่ยกไหล่
หันหน้าซ้ายขวาหมุนศีรษะให้หน้าหันไปด้านซ้าย ให้ปลายคางอยู่ในแนวเดียวกับไหล่ซ้าย แล้วหมุนกลับไปด้านขวาให้ปลายคางอยู่ในแนวไหล่ขวา
2. ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรงขึ้น โดยเกร็งกล้ามเนื้อ-คอ ประมาณ 10 วินาที (นับหนึ่งถึงสิบ) ทำซ้ำ 10 ครั้ง พยายามทำโดยให้คอและหน้าอยู่ในแนวตรง
ก้มคอ ใช้ฝ่ามือดันที่หน้าผากต้านกับความพยายามที่จะก้มศีรษะลง นับหนึ่งถึงสิบ
เงยหน้า ใช้ฝ่ามือประสานกัน ที่บริเวณเหนือท้ายทอยแล้วดันมาข้างหน้า ต้านกับความพยายามที่จะแหงนหน้าไปข้างหลัง นับหนึ่งถึงสิบ
ตะแคงคอ ใช้ฝ่ามือซ้ายดันที่ข้างศีรษะเหนือหูซ้าย ต้านกับความพยายามที่จะตะแคงศีรษะไปด้านซ้าย นับหนึ่งถึงสิบ แล้วสลับกับด้านขวาทำแบบเดียวกัน
หันหน้า ใช้ฝ่ามือซ้ายดันที่ข้างศีรษะหน้าหูซ้ายต้านกับความพยายามที่จะหันหน้าไปด้านซ้าย นับหนึ่งถึงสิบ แล้วสลับกับด้านขวาทำแบบเดียวกัน
ที่มา โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2549 11:47:19 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1705 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เพิ่มเติมครับ (KyBlueSky ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:05:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
"โอ๊ย... ช่วยด้วยหันคอไม่ได้" ...คุณล่ะเคยไหมครับ ที่บางครั้งหลังตื่นนอนไม่สามารถหันคอหรือเอียงคอได้ เพราะคอเคล็ดหรือคอแข็ง อย่างที่เราเรียกว่า "ตกหมอน" นั่นเอง
เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ไว้ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากการตกหมอนมาฝากครับ
1. อย่าพยายามเคลื่อนไหวคอและให้อยู่นิ่งๆ โดยการนอนราบชั่วคราว เพื่อให้กล้ามเนื้อคอได้พัก
2. ประคบร้อน ด้วยกระเป๋าน้ำร้อนหรือผ้าชุบน้ำอุ่นบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอที่เจ็บประมาณ 20-30 นาที และกดนวดบริเวณคอเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น
3. ดัดยืดคอด้วยตนเอง โดยใช้มือช่วยดันศีรษะไปในทิศทางที่เกิดอาการตึงช้าๆ จนรู้สึกตึงเล็กน้อยแต่ไม่เจ็บ ดันค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที แล้วทำซ้ำ 5-10 ครั้ง จนเริ่มรู้สึกทุเลาลง
4. นวดเบาๆ โดยใช้มือบีบลงบนแนวของกล้ามเนื้อที่รู้สึกปวดเมื่อย ให้แรงบีบพอประมาณที่ทำให้รู้สึกแน่นตึงและไม่เจ็บ บีบและคลายเป็นจังหวะ การประคบร้อนก่อนการนวดจะช่วยให้นวดได้ง่ายขึ้น และผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
ข้อควรระวัง ไม่ควรกดบีบหรือยืดกล้ามเนื้อจนรู้สึกเจ็บ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวมากขึ้น และไม่ควรให้ผู้อื่นดัดคอหรือจับเส้นเด็ดขาด เพราะจะทำให้อักเสบและเรื้อรังได้ ถ้ายังไม่หายค่อยๆ ฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อหรือปรึกษานักกายภาพบำบัด
ปกติอาการปวดคอมักจะหายภายใน 1-2 วัน ถ้าอาการรุนแรงขึ้นหรือยังไม่หายสนิท ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาให้ถูกต้องครับ