@ บัณฑิตมีกตัญญูรู้สนอง เป็นมิตรดีมั่นปองไม่มองเฉยมิตรรับทุกข์ช่วยกิจอยู่ชิดเชย สมควรเอ่ยว่าดีโขในโลกา@ บัณฑิตมีอัชฌาสัยน้ำใจเอื้อ มีใครเกื้อกิจเบาเท่าเส้นหญ้าย่อมรู้สึกพระคุณเป็นบุญมา กล่าววาจาชื่นชอบขอขอบคุณ@ ส่วนพาลมีอัชฌาสัยน้ำใจต่ำ หัวใจดำไม่เอื้อไร้เกื้อหนุนใครละชีพช่วยเหลือเข้าเจือจุน เขายิ่งวุ่นขุ่นใจเป็นไพรี
๑.๑ อโลภัชฌาสัย คือ อัธยาศัยไม่โลภด้วยไม่ได้ไม่อยากมี ไม่อยากเป็นเกินขอบเขต มุ่งแต่จะได้ จะมี จะเป็นในทางที่เหมาะสมพอควร พอใจแสวงหาในขอบเขตแห่งศีลธรรม พยายามสงบใจให้ยินดีในสิ่งที่ตนมี ถือสัมมาอาชีพเป็นเครื่องดำเนินชีวิตโดยชอบสม่ำเสมอ ๑.๒ อโทสัชฌาสัย คืออัธยาศัยไม่โหดร้าย ประกอบด้วย กรุณาโอบอ้อมอารี ไม่ใจดำ ไม่ใจแข็งกระด้าง ไม่ใจลำเอียง หวังดีมีนิสัยสุขุมชุ่มเย็น เป็นดังเทวดาอารักษ์ของบ้านเมือง อยากให้เพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันได้ดีมีสุข แผ่รัศมีศักดิ์ศรีไปคุ้มครอง ให้เขาอยู่สุขเกษมศานต์สราญรมย์ เหมือนเมฆหลั่งฝนอาบแผ่นดิน และหวังช่วยเหลือเพื่อนที่ตกทุกข์ได้ยาก แผ่กรุณาไปถึงงเขาผู้มีทุกข์ และช่วยเขาให้พ้นทุกข์ตามกำลัง@ จงมีเมตตาต่อ ทุพลพวกทมิฬพาลการุณย์แก่หมู่มาร อันมุ่งมาดพิฆาตตน@ จงมีมุทุตา อย่าอิจฉาแก่ฝูงชนเป็นทางบังเกิดผล ประดิพัทธ์สวัสดี @ ขันตีและเมตตา กรุณามโนมีโอบเอื้ออุดมดี ดิเรกซร้อง ณ สันดาน@ เป็นที่สมาคม ชนะชมเกษมศานต์สรรเสริญสำนานปาน ทิพย์สร้อยสุคนธ์ขจร@ เล่ห์เลื่อนชะลอหลั่ง สุขทั้งภวันดรรื่นรมย์ภิรมย์พร กิติทั่ว ณ ราตรี (ธรรมจริยา) ๑.๓ อโมหัชฌาสัย คืออัธยาศัยไม่ลุ่มหลง มีสติสัมปชัญญะเป็นตัวนำ พิจารณาหาเหตุผลให้รู้ผิดชอบชั่วดี หรือบาปบุญคุณโทษได้ ไม่ลุแก่อำนาจ แก่ลุ่มหลงเพลิดเพลิน และมีสัมมาทิฏฐิเข้าสนับสนุนให้เห็นผิดเป็นผิด เห็นชอบเป็นชอบ มีนำให้คิดเห็นบุญคุณของผู้มีบุญคุณเป็นตัวอย่าง
@ จงมีเมตตาต่อ ทุพลพวกทมิฬพาลการุณย์แก่หมู่มาร อันมุ่งมาดพิฆาตตน@ จงมีมุทุตา อย่าอิจฉาแก่ฝูงชนเป็นทางบังเกิดผล ประดิพัทธ์สวัสดี @ ขันตีและเมตตา กรุณามโนมีโอบเอื้ออุดมดี ดิเรกซร้อง ณ สันดาน@ เป็นที่สมาคม ชนะชมเกษมศานต์สรรเสริญสำนานปาน ทิพย์สร้อยสุคนธ์ขจร@ เล่ห์เลื่อนชะลอหลั่ง สุขทั้งภวันดรรื่นรมย์ภิรมย์พร กิติทั่ว ณ ราตรี (ธรรมจริยา)
๒.๑ พูดคำจริง คือพูดคำแน่นอน คำพูดแท้ ไม่มีปลอมแปลงและไม่มีกลายไปเป็นอื่น ความสำคัญของการพูดจริง อยู่ที่พูดตามที่จริง และทำให้จริงตามที่พูด ๒.๒ พูดคำสมานไมตรี คือพูดคำผูกไมตรีและพูดคำประสานสามัคคี พูดแนะนำคนที่ไม่รู้จักกันให้รู้จักกัน พูดชักนำคนที่รู้จักกันให้ชอบพอกัน พูดชักนำคนที่ชอบพอกันให ้สนิทสนมกัน และพูดเชืท่อมคนสนิทสนมกันมให้มั่นเข้า ==>คำพูดผูกไมตรี พูดแนะนำคนที่แตกกันให้ดีกัน พูดส่งเสริมคนที่ดีกันให้สามัคคี ปรองดองกัน และพูดสนับสนุนคนที่สามัคคีกัน ให้ดีสนิทสนมแน่นเข้าดังเดิม ==> คำพูดประสานสามัคคี@ จงร่วมรักร่วมมิตรสนิทมั่น ให้เป็นสายสัมพันธ์ในวันหน้าปลูกเมตตาอารีเกิดปรีดา เหตุนำมาซึ่งสุขสิ้นทุกข์นาน@ ชีวิตอยู่เดียวดีไม่มีไหน ต้องอาศัยใจรักสมัครสมานเชิญผูกมิตรไมตรีดีกว่าพาล ด้วยทำการจุนค้ำยึดน้ำใจ ๒.๓ พูดคำไพเราะ คือพูดคำดูดดื่มและคำอ่อนหวานถ้อยคำอกกมาจากน้ำใจใสสะอาดของผู้พูด ให้ผู้ฟังทำตามได้ไม่มีโทษ และเป็นคำพูดถูกใมีคติ เร้าใจผู้ฟังให้เห็นควรถือเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ==>คำพูดดูดดื่มคำพูดหวานหูออกมาจากน้ำใสใจสะอาดของผู้พูด บำรุงกำลังใจผู้ฟังให้ชื่นบาน ดุจน้ำหวานชูกำลังใจขอผู้ดื่ม ==> คำอ่อนหวาน@ เชิญตั้งจิตยืดหยุ่นอย่าผลุนผลัน ควรแบ่งปันสิ่งของใจผ่องใสพูดไพเราะเหมาะกรรณผูกพันใจ ช่วยทำให้สมถวิลคนยินดี@ ควรวางตนให้เสมออย่าเย่อหยิ่ง ประพฤติจริงดีนักเป็นศักดิ์ศรีคนทุกเหล่าเข้าได้เป็นไมตรี นี่ความดีเกาะเกี่ยวเหนี่ยวใจกัน ๒.๔ พูดคำดีมีประโยชน์ คือพูดคำมีเหตุผล และพูดคำสมควร ถ้อยคำที่อ้างเหตุอ้างผล พูดอิงธรรมอิงวินัย พูดมีหลักฐานยืนยัน วิญญูชนคัดค้านไม่ได้ ==> คำพูดมีเหตุผลถ้อยคำปรารภเรื่องที่มีจริงเป็นจริง ถูกกาลเวลา เป็นคำมีเนื้อ มีกำหนด ประกอบก้วยประโยชน์ เหมาะกับภูมิธรรมของบุคคล สมควรแก่กาลเทศะ และบุคคล ==> คำพูดสมควรพึงตระหนักในคติของบัณฑิตว่า "เสียงที่เราคุยกันด้วยเรื่องความดี อันจะให้คุณประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ ไพเราะเพราะพริ้งยิ่งกว่าเสียงดนตรี"
@ จงร่วมรักร่วมมิตรสนิทมั่น ให้เป็นสายสัมพันธ์ในวันหน้าปลูกเมตตาอารีเกิดปรีดา เหตุนำมาซึ่งสุขสิ้นทุกข์นาน@ ชีวิตอยู่เดียวดีไม่มีไหน ต้องอาศัยใจรักสมัครสมานเชิญผูกมิตรไมตรีดีกว่าพาล ด้วยทำการจุนค้ำยึดน้ำใจ
@ เชิญตั้งจิตยืดหยุ่นอย่าผลุนผลัน ควรแบ่งปันสิ่งของใจผ่องใสพูดไพเราะเหมาะกรรณผูกพันใจ ช่วยทำให้สมถวิลคนยินดี@ ควรวางตนให้เสมออย่าเย่อหยิ่ง ประพฤติจริงดีนักเป็นศักดิ์ศรีคนทุกเหล่าเข้าได้เป็นไมตรี นี่ความดีเกาะเกี่ยวเหนี่ยวใจกัน
๓.๑ เว้นการฆ่ากัน ด้วยมีเมตตาต่อกัน แผ่เมตตาไปถึงกันเสมอ และมีกรุณาหวังช่วยเหลือกัน แผ่กรุณาไปถึงกันเสมอ ๓.๒ เว้นการลักฉ้อของกัน ด้วยมีสัมมาอาชีวะ หาเลี้ยงในทางที่ชอบ ไม่ใช้อุบายในทางที่ผิด คือฉกลัก กรรโชก จี้ปล้น ตู่ ฉ้อโกง หลอกลวง ตระบัด ยักยอก เบียดบัง สับเปลี่ยน ลักลอบ ค้าของเถื่อน ปลอมแปลงสินค้า ซึ่งเป็นกโลบายทำลายกันทั้งสิ้น ๓.๓ ดว้นการทำผิดประเวณีต่อกัน นิสัยบัณฑิตไม่ลุอำนาจแก่ความใคร่ ถ้าเป็นชายเห็นภรรยาผู้อื่นเหมือแม่ของตน ถ้าเป็นหญิงเห็นสามีผู้อื่นเหมือนพ่อของตน ถือคติ "การกิน การนอน ความกลัว และการสืบพันธุ์ มีเสมอกันทั้งแก่คนและสัตว์ แต่คนพิเศษต่างจากสัตว์ตรงที่ ความบริสุทธิ์ ไม่นอกใจกันไปทำชู้กับคู่ครองของคนอื่น"
๑ อุปสังกมนะ การไปมาหาสู่๒ ปยิรุปาสนะ การเข้าตีสนิทชิดชอบ๓ สัมปิยะ ความจงรัก คือรักใคร่กันจริง๔ ภัตติ ความภักดี คือนับถือเลื่อมใสซื่อตรงต่อกัน๕ สันทิฏฐะ เป็นเพื่อนร่วมคิดร่วมเห็นด้วยกัน๖ สัมภัตตะ เป็นเพื่อนร่วมกินร่วมอยู่ด้วยดัน๗ ทิฏฐานุคติ ดำเนินตามอย่าง