Bloggang.com : weblog for you and your gang
Zindagi Rocks
Group Blog
อาหารอินเดีย
เครื่องประกอบในอาหารอินเดีย
ของว่าง-ขนมหวาน
กุมภาพันธ์ 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
25 กุมภาพันธ์ 2553
Rajma แกงถั่วแดง
All Blogs
Plain Parantha กรอบนอก นุ่มใน ใครกินก็รักกัน
Rajma แกงถั่วแดง
Aloo Puri (อาลู ปูรี) แกงมันฝรั่ง VS โรตีทอด
Shahi Paneer อร่อยนุ่ม ละมุนลิ้น
Aloo Parantha โรตียัดไส้มันฝรั่ง
แนะนำเครื่องเทศ ตอนที่ 2
แนะนำเครื่องเทศ ตอนที่ 1
โรตี-แกงไก่อินเดีย แบบบ้าน ๆ
Rajma แกงถั่วแดง
กลับมาแล้วจ้า . หลังจากหายไปนานมากกกกกก ขออภัยบรรดาแฟนอาหารอินเดียที่อาจรอจนน้ำลายยืด แต่วันนี้ พัชก็ได้กลับเอาสูตรอาหารมาลงให้ดูกันแล้วอีกหนึ่งอย่าง ยังไงช่วงนี้ ช่วยกันภาวนา ขออย่าให้พัชขี้เกียจ หรือมีเหตุให้ต้องระหกระเหิน ไปโน่นมานี่บ่อยนัก จะได้มีสูตรอาหารมาลงให้ดูกันได้อย่างต่อเนื่องอีกไงคะ
วันนี้มีแกงถั่วแดงของอินเดียมานำเสนอจ้า.... อันว่าถั่วแดง ในภาษาฮินดีนั้นคือ Rajma (อ่านว่า หราด จ ม้า แบบว่าออกเสียง จ.จาน เบามาก) คนอินเดียใช้ถั่วในการประกอบอาหารเยอะมาก กินถั่วกันเป็นประจำ วนไปเวียนมา อย่างน้อยที่สุดน่าจะอาทิตย์ละครั้ง แบบว่าที่จะไม่ทำเลย อาหารจานถั่วในอินเดียจึงมีมากมาย กินกันได้เป็นเดือน ๆ แบบไม่ซ้ำ
คนอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู โดยเฉพาะผู้หญิงส่วนใหญ่รับประทานอาหารมังสวิรัติ เพื่อบูชาเทพที่ตนเองนับถือ และว่ากันว่า การรับประทานมังสวิรัติตลอดชีวิต จะช่วยเสริมดวงและทำให้อายุของสามียืนยาว ผู้หญิงอินเดียส่วนใหญ่จึงรับประทานมังสวิรัติกัน ทั้งนี้ ไม่เฉพาะคนที่นับถือฮินดูเท่านั้น แต่ยังมีพวกเจ (Jainism) คนที่นับถือพุทธนิกายมหาญาณ และยังมีแขกซิกข์ (โพกหัวสีขาว) ที่เรียกว่านามธารี (Nandhari) กับชาวซิกข์ (แบบ โพกหัวด้วยผ้าสีต่าง ๆ) บางกลุ่มที่ศรัทธาต่อการรับประทานมังสวิรัติตลอดชีวิตด้วย
คนอินเดียจึงขาดถั่วไม่ได้ แม้จะทานไก่กับปลา หรือแพะบ้าง แต่ทุกบ้านทำและกินแกงถั่วแน่นอน แต่แกงถั่วก็ใช่ว่าจะจำเจ เพราะถั่วแต่ละชนิด ก็มีรูปสมบัติ คุณสมบัติ และรสชาติต่างกันไป อย่างเช่น ถั่วแดงนี้ เป็นถั่วที่มีความหอมเฉพาะตัว มีรสชาติมัน เหมาะที่จะกินกับข้าวสวยมาก หากหาซื้อถั่วแดงอินเดียได้ ก็จะยิ่งได้รับรู้รสชาติแกงถั่วแดงที่แท้จริงว่า อร่อยข้น มันถึงใจขนาดไหน
สำหรับถั่วแดงของอินเดียนั้น ไม่เหมือนถั่วแดงที่เมืองไทย ลักษณะเม็ดจะเล็กกว่านิดหน่อย สีออกไปทางน้ำอ่อนมาก ๆ มีลวดลาย อย่างที่เห็นในรูป และที่สำคัญ ถั่วแดงอินเดียต้มเปื่อยง่ายกว่าของไทยหลายเท่า แค่แช่น้าประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วนำมาต้มในหม้อแรงดันไอน้ำอีกแค่ 5-6 เสียงนกหวีดก็นิ่มแล้ว
พัชล้างถั่วสะอาดแล้ว แช่น้ำไว้ตั้งแต่ประมาณ 11 โมงเช้า และมาเริ่มทำประมาณ เกือบห้าโมงเย็น พองประมาณนี้ ในรูปนี้ประมาณ 2 ถ้วยตวงได้ แต่พัชไม่ได้ตวง ใช้มือกำเอา 3-4 กำมือ ขออภัยรูปไม่ชัดจ้า
นำใส่ cooker (อันนี้ได้มาใหม่ เห่อมาก ไม่ค่อยอยากใช้ แต่ต้องใช้ เพราะของเก่าตัวแรงดันมันเสีย) พร้อมกับน้ำที่แช่นั่นแหละ
ปิดฝา ต้มประมาณ 5-6 เสียงนกหวีด
เตรียมเครื่องมะสะล่ากัน คราวนี้พัชว่ามันเผ็ดนิดหน่อย ต้องลดขิงลง และต้องไม่ใส่พริกเขียวดีกว่า แหม...ไม่ได้ทำเสียนาน ลืมไปเลย เผ็ดไปนิด สำหรับลูกสาว แต่คนอื่นชอบกันใหญ่
หอม, กระเทียม, ขิง และพริก จับลงปั่นละเอียดยิบ ๆ เลยนะ
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะก็ได้ ลองกะดู ให้ผัดเครื่องแกงได้แบบไม่แห้งเกินไป ใครมี ghee ใส่โลด หอมฟุ้งแน่ค่ะ พอน้ำมันเริ่มร้อน ให้ใส่ เมล็ดยี่หร่าลงไปประมาณ 1 ช้อนชา
พอเมล็ดยี่หร่าเริ่มเปลี่ยนสี พัชใส่ moti elaichi (กระวานเม็ดใหญ่สีดำ) ลงไป 2 เม็ด, กานพลู 4-5 ก้าน แล้วก็ อบเชยอีก 1 แท่ง เพื่อความหอมขึ้นไปอีก
อย่าทิ้งเวลานาน พอกานพลูกับเครื่องเทศอย่างอื่นเริ่มส่งกลิ่นหอม ให้ใส่เครื่องมะสะล่าที่เราปั่นเตรียมไว้ลงไปผัดได้เลย (ระวังตอนทอดกานพลูนิดนึง น้ำมันอาจกระเด็น)
ผัดพอหอมเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ ก็ให้ใส่ผงขมิ้นประมาณ ½ ช้อนชา ตามด้วยพริกผงของอินเดียอีก 1 ช้อนชา และเกลืออีกนิดหน่อย เพื่อให้น้ำมันแยกตัว
ผัดให้เข้ากันประมาณ 1 นาที จากนั้นให้ใส่มะเขือเทศปั่นละเอียดตามลงไป
ผัดให้เข้ากันประมาณ 3-5 นาที ดูว่า สีค่อนข้างเปลี่ยนไปจากตอนใส่มะเขือเทศใหม่ ๆ จากนั้นเติมผงผักชี หรือ dhaniya ลงไปประมาณ ช้อนชาพูน ๆ
ผัดต่ออีก 1 นาที แล้วพัชก็ใส่ Kitchen King ที่ตอนนี้มาแรงมาก เพราะแทน garam masala ได้เลย แต่ถ้าใครไม่มี ก็ ใส่ garam masala 1 ช้อนชา แล้วตามด้วยเกลืออีกพอประมาณ ในขั้นตอนนี้ ไม่ต้องซีเรียส เรื่องปริมาณเกลือที่ใส่ เพราะใส่ให้น้ำมันแยกตัว ใส่อีกครึ่งช้อนชาก็พอ เดี๋ยวไปปรุงรสในหม้ออีกที
หรี่ไฟ แล้วผัดไปเรื่อย ๆ สำหรับขั้นตอนการผัดมะสะล่านั้น ต้องใจเย็นมาก ๆ ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ผัดไปเรื่อย ๆ คนเป็นระยะ ๆ เพื่อให้มะสะล่าสุก คือ ไม่ฝาด ไม่เปรี้ยว ถ้าใจร้อน มะสะล่าจะไม่สุก และทำให้แกงมีรสชาติปร่า ไม่อร่อย ผัดไปผัดมา จนสีแดงสวย ออกไปทางน้ำตาล ให้กลิ่นหอมลอยเตะจมูกคนทำไปมาเล่น ๆ
หันมาดูถั่วที่ต้มไว้ ก็เริ่มนิ่มแล้ว
ตักมะสะล่าใส่หม้อถั่วได้เลย
ส่วนมะสะล่าที่ติดอยู่ที่ก้นกระทะ อย่าเททิ้งนะจ๊ะ เติมน้ำลงไปอีกประมาณ 1 แก้ว หรือมากกว่านั้นได้นิดหน่อย ต้มให้เดือด แล้วเทตามลงในหม้อถั่ว คนให้เข้ากัน ในขั้นตอนนี้ ให้เพื่อน ๆ ชิมรสดู แล้วปรุงเพิ่มได้เลย ส่วนเรา ในขั้นตอนนี้ไม่ใช้เกลือแล้ว เราใช้คนอร์ซุปเห็ดก้อน ใส่ลงไปเลย กะกันเอาเองนะคะ ว่าจะใส่ 1 ก้อน หรือ มากกว่า หรือ น้อยกว่านั้น เพราะตอนใส่เกลือ เราใส่ไม่เท่ากัน รสชาติความเค็มที่แต่ละบ้านชอบก็ไม่เท่ากัน ฉะนั้น ตามใจท่าน
จากนั้นให้ปิดฝาหม้อแรงดัน ตั้งไฟอ่อนให้ดังอีกประมาณ 1- 2 หวีด เป็นใช้ได้ เมื่อเปิดฝาออกมาแล้วจะพบแกงถั่วที่นิ่ม หอม เข้มข้น ให้เพื่อน ๆ หั่นผักชีจีนมากน้อยตามชอบ โรยลงไป แล้วคนให้ทั่ว ปิดไฟ ยกลง แล้วก็ตักเสิร์ฟ ได้เลย
เวลาเสิร์ฟ ให้ เสิร์ฟสลัดด้วย โดยหั่นหอมแขก เป็นแว่น ๆ มะเขือเทศ แตงกวา ถ้าชอบหัวไชเท้า ให้หั่นใส่ลงไปด้วย โรยด้วยเกลือดำ (black salt) พริกไทยดำป่น แล้วบีบมะนาว คลุกให้เข้ากัน วางไว้กินเคียง ตักข้าวสวยร้อน ๆ ราดด้วยแกงถั่วแดง กินกับสลัดผักกรอบ ๆ อุ๊ย....พูดแล้วน้ำลายไหล
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 มีนาคม 2553 21:08:03 น.
7 comments
Counter : 9519 Pageviews.
Share
Tweet
ถั่วแดงแบบนี้สวิสก้อมีด้วยแหล่ะ จะต้องลองทำทานบ้างฮ่ะ คุณพัชรา (พัดชรา) ฮ่าๆๆๆ คิดถึงแกว่ะขอบคุณสำหรับสูตรน่ากิน อิอิ
โดย: หะโหน่ง (
swissmama
) วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:22:04:37 น.
ฉันอยากจะเชื่อแกจริง ๆ ว่ะโหน่ง.... ถ้าทำเองได้ก็ทำเถอะ แต่ถ้าขี้เกียจ ก็รอบินมาเมืองไทยนะ ฉันจะทำให้แกกินเอง อยากกินอะไรบอก เดี๋ยวเพื่อนจัดให้
เอ๊ะ...หรือเราจะไปกินฝีมือแขกของแท้ที่อินเดียด้วยกันดีวะ
โดย:
พ็อบเบิ้ล
วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:23:01:55 น.
แวะมาชิมค่ะ น่าทานจังเลย เห็นแล้วหิว
โดย:
Complicatedgirl
วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:0:38:58 น.
หายไปนานจริงๆค่ะ ดูวิธีทำน่าสนใจ เอ้าเซฟฟฟฟฟ
โดย: โปแป้ง (
popang
) วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:6:34:41 น.
คุณ Complicatedgirl คะ แกงถั่วแดงนี่ มันเป็นแกงที่ทำไม่อร่อยยากนะคะ กลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติก็มัน อร่อยมากเลยอ่ะค่ะ
คุณ popang จ๊ะ ขออำภัยอย่างมาก ๆๆๆๆ คือ ผีขี้เกียจมันสิงนานไปหน่อยค่ะ แหะ แหะ ไม่เป็นไรน้า มาแล้ว จะรีบทำงาน เขียน ๆ ๆ ๆ ไว้เยอะ ๆ แล้วกะจะหายไปอีกซักปีนึง ดีไหม อ่ะอ่ะ พูดเล่น ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมกันนะคะ เซฟสูตรแล้ว อย่าลืมเอาไปทำล่ะ
โดย:
พ็อบเบิ้ล
วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:19:06:22 น.
น่ากินมากกกกก
โดย:
Jolly Joey
วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:9:21:37 น.
เพิ่งได้เข้ามาดูค่ะ เห็นแล้วหิวเลยยยยยย อยากทานแกงถั่วกะโรตีจัง
โดย:
Avocado girl
วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:15:38:54 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พ็อบเบิ้ล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [
?
]
มีหลายอย่างที่อยากแบ่งปัน
เพราะเคยได้รับจากใครมากมาย
ประสบการณ์ท่องเที่ยว ความคิด
สูตรอาหาร ปันกันไป ใครใคร่ชม
เก็บไว้ ไม่ว่ากัน
Got My Cursor @ 123Cursors.com
More
www.chirkutonorkut.com
Friends' blogs
ตาอ้วนชวนคุย
Jolly Joey
ceacar salad
ดอกการะเวก
Moti
thaispicy
vanillaorchid
น้องหมาบีเกิ้ล
noo-uan
Webmaster - BlogGang
[Add พ็อบเบิ้ล's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.