|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ขอไว้อาลัยให้แด่โทรเลข 2 นาที
4 เมษายน 2551
ขอไว้อาลัยให้แด่โทรเลข 2 นาที เรื่องดีๆที่อยากเล่า โดย ภูตะวัน เวลา 22:40 น.
เด็กไทยที่เกิดหลังวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 จะไม่ได้สัมผัสคุณค่าของโทรเลขอีกต่อไป จะเป็นเพียงลายเส้นเล็ก ๆ ในประวัติการสื่อสารของไทยเท่านั้น โปรดอย่ารอคอย แต่จงเปิดอ่านด้วยหัวใจอันอาดูรของคุณ...
เครื่องโทรพิมพ์ที่ใช้ส่งโทรเลข
จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ใช้บริการโทรเลข คือ ก่อนวันรับปริญญาหนึ่งอาทิตย์ ที่โทรเลขกลับบ้านเพื่อบอกแม่ให้ลงมางานรับปริญญา นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อ
แต่หลังจากวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นไปโทรเลขของประเทศไทยก็จะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ เหลือทิ้งไว้เป็นประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานได้ศึกษาค้นคว้าตามห้องสมุดต่อ
ต่อแต่นี้คำนิยมยอดฮิตอย่าง "ส่งเงินด่วน เงินหมดแล้ว" "กลับบ้านด่วนแม่ป่วยหนัก" ส่วนคำหวานอย่างผมรักคุณ คิดถึงมาก รักมาก ที่ส่งผ่านเสียงแทปๆๆๆ แทบ จะไม่มีอีกแล้วตามที่ทำการไปรษณีย์ ไหนก็จะจากกันแล้วมาลองย้อนประวัติศาสตร์ของโทรเลขไทยดูว่ามีความเป็นมาเป็นไปเช่นไร้
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2412 รัฐบาลสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้อนุมัติให้ชาวอังกฤษ 2 นาย จัดตั้งบริษัทก่อสร้างและบำรุงรักษาทางโทรเลขภายในราชอาณาจักรตามคำเสนอขอแต่การดำเนินงานของบุคคลทั้งสองล้มเหลว ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2418 รัฐบาลไทยจึงได้ดำเนินการเอง โดยมอบหมายให้กรมกลาโหม สร้างทางสายโทรเลขสายแรก จากกรุงเทพฯ ไปปากน้ำ (จังหวัดสมุทรปราการ) และวางสายเคเบิลโทรเลขได้น้ำต่อออกไปถึงกระโจมไฟ นอกสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา รวมระยะทางยาว 45 กิโลเมตรเพื่อทางราชการใช้ส่งข่าวเกี่ยวกับการผ่านเข้าออกของเรือกลไฟ พ.ศ. 2421 กรมกลาโหมได้สร้างทางสายโทรเลขสายที่สอง จากกรุงเทพฯ ถึงพระราชวังบางปะอิน และภายหลังได้ขยายทางสายออกไปถึงกรุงเก่า (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) เพื่อใช้ประโยชน์ในทางราชการเช่นกัน ในปี พ.ศ. 2426 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรมโทรเลขขึ้นรับช่วงงานโทรเลขจากกรมกลาโหมมาทำต่อไป ได้เริ่มสร้างทางสายใช้ลวดเหล็กอาบสังกะสีเป็นสายแรกจากกรุงเทพฯ ผ่านปราจีนบุรี กบินทร์บุรี อรัญประเทศ ศรีโสภณ ไปถึงคลองกำปงปลัก ในจังหวัดพระตะบอง (สมัยนั้นยังเป็นของไทย) และเชื่อมต่อกับสายโทรเลขอินโดจีนไปถึงเมืองไซ่ง่อน เป็นสายโทรเลขสายแรกที่ติดต่อกับต่างประเทศ ได้เปิดให้สาธารณะใช้เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2426 ในปีเดียวกันนั้นก็ได้มีประกาศเป็นทางการให้สาธารณชนทั่วไปใช้โทรเลขสาย กรุงเทพฯ-สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ-อยุธยา ได้ด้วย พ.ศ. 2440 กรมโทรเลขได้สร้างทางสายกรุงเทพฯ ไปแม่สอด จังหวัดตาก ไปต่อกับทางสายโทรเลขของอังกฤษไปเมืองมะละแหม่ง และย่างกุ้ง
ทางภาคใต้ได้สร้างทางสายโทรเลขจากกรุงเทพฯ ผ่าน เพชรบุรี ชุมพร ทุ่งสง ไปหาดใหญ่ และสงขลา ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ได้สร้างทางสาย่อจากสงขลาออกไปถึงไทรบุรี (เดิมเป็นของเมืองไทย ปัจจุบันเป็นรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย) และกัวลามุดา เชื่อมต่อกับสายโทรเลขของอังกฤษ ไปปีนังและสิงคโปร์ ข้อดีของโทรเลข คือ- สามารถส่งข่าวสารและข้อมูลไปได้ระยะทางไกลๆ- ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะสามารถใช้บริการโทรเลขได้ในราคาถูก ข้อเสียของโทรเลข คือ - ต้องแปลรหัสโทรเลขทั้งขณะส่งและขณะรับ ทำให้เสียเวลา- หากแปลรหัสผิดอาจทำให้ข่าวสารและข้อมูลนั้นๆ มีใจความเปลี่ยนไป การบริการสารนิเทศด้วยบริการโทรเลขในปัจจุบัน การสื่อสารแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาการรับส่งโทรเลขด้วยการใช้เครื่องโทรพิมพ์สมัยใหม่ที่ควบคุมด้วยระบบไมโครคอมพิวเตอร์และสามารถติดต่อรับส่งได้ด้วยความเร็วสูงถึง 240 คำต่อนาที มาใช้อุปกรณ์รับส่งโทรเลข นอกจากนี้ยังมีการติดต่อชุมสายโทรเลขอัตโนมัติ ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์มากกว่า 20 ปีแล้ว ช่วงเวลารุ่งเรืองที่สุดของกิจการโทรเลขจะมีการส่ง-รับถึงวันละกว่า 40,000 ฉบับ
จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภานุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช อธิบดีกรมไปรษณีย์และกรมโทรเลขคนแรก จะเห็นได้ว่า โทรเลขก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ แต่อาจเป็นเพราะโลกในยุคปัจจุบันก้าวหน้า จึงได้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆที่สะดวกรวดเร็วขึ้น จึงไม่นิยมและสนใจมากนัก อีกทั้งยังเสียเวลาในการจะไปส่งด้วย(ที่มาผู้จัดการออนไลน์)
ณ ที่นี้ขอให้ทุกคนโปรดสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแด่ระบบโทรเลขของชาติ 2 นาที
ขอบคุณครับ
//www.arip.co.th/2006/blog.php?blogger=Mountainman
Create Date : 03 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2551 15:22:28 น. |
|
0 comments
|
Counter : 370 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|