""Whatever will be, will be. The future’s not ours to see.""
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

โรคซึม เศร้า เหงา เซ็ง.....(ฤดู..เศร้า)


แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงสภาพอากาศที่แปรปรวน จากพายุโซนร้อน
ลมตะวันออก และลมตะวันตก รวมถึงมรสุมที่พัดเข้ามาในประเทศไทย
ทำให้ช่วงนี้มีฝนตกอยู่เป็นระยะๆตามภาคต่างๆ

ฝนตกติดต่อกันหลายวัน อากาศเย็นขึ้น สภาพท้องฟ้าที่ขมุกขมัว มืดครื้ม ชวนให้บางคนรู้สึกซึมๆตามสภาพอากาศไปด้วย
หลายคนอาจจะปรับตัวไม่ทันเป็นหวัดไปก็มี

อาการซึมๆที่หลายคนเคยเป็นตามสภาพอากาศ ตามแต่ละฤดู
ทำให้ฉันนึกถึงอาการซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Depression: SAD)ซึ่งไม่ค่อยพบในประเทศไทยเท่าไรนัก เนื่องจากอาการซึมเศร้าตามฤดูกาลมักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูหนาว
และจบลงในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือหน้าร้อน
ซึ่งประเทศไทยมีช่วงฤดูหนาวค่อนข้างสั้น
ไม่ยาวนานเท่ากับฝั่งยุโรป หรือ อเมริกา

อาการซึมเศร้าเช่นนี้ มักจะเกิดขึ้นเวลาเดียวกันในทุกๆปี
ส่วนใหญ่จะเป็นอาการซึมเศร้า ในหน้าหนาว (The winter blues)”
ส่วนอาการซึมเศร้าในหน้าร้อน หรือที่เรียกว่า summer depression
จะพบได้ยากกว่า
ซึ่งจะเริ่มในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ หรือต้นฤดูร้อน และจบลงในฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นในประเทศที่มีภูมิอากาศหนาวเย็น
มักจะพบอาการซึมเศร้าตามฤดูมากกว่าประเทศที่มีภูมิอากาศร้อน
และแม้ว่าจะพบในประเทศไทยได้น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย

ลักษณะอาการไม่แตกต่างจากอาการซึมเศร้า
โดยทั่วไปนัก คือ รู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย
ขาดความสนใจในกิจกรรมปกติ ปลีกตัวออกจากสังคม และ ไม่มีสมาธิ
ส่วนอาการที่พบได้บ่อยคือ หมดเรี่ยวแรงขาดพละกำลัง นอนมากขึ้น
ต้องการคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น อยากอาหาร และน้ำหนักตัวเพิ่ม
ซึ่งตรงข้ามกับซึมเศร้าในหน้าร้อนซึ่งจะมีอาการ คือ น้ำหนักตัวลด
มีปัญหาในการนอน และไม่อยากอาหาร

ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุประมาณ 20 ถึง 40 ปี และสามารถเกิดขึ้นได้กับ
เด็กและวัยรุ่น ส่วนในผู้สูงอายุจะพบได้น้อย พบว่า 3ใน 4 เป็นเพศหญิง

สาเหตุของ SAD ยังไม่แน่ชัดนัก
แต่คาดว่าน่าจะมีอิทธิพลมาจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณของแสงอาทิตย์ ทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า การลดลงของแสงอาทิตย์ในหน้าหนาว
ทำให้ นาฬิกาในร่างกาย หรือ Biological clock
ซึ่งเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์การนอนหลับ และฮอร์โมนในร่างกาย
จะทำงานช้าลง ลดการหลั่งสารเคมีในสมอง เช่น Serotonin
ซึ่งเป็นสารที่มีผลต่ออารมณ์

จึงมีการนำการบำบัดด้วยแสงสีฟ้า
(Light therapy, Phototherapy) มาใช้
นอกจากนี้อาจมีการใช้ยาต้านซึมเศร้าร่วมด้วย

แต่ฉันว่าการใช้แสงบำบัด ก็คือ การที่เราเองกลับมาอยู่กับธรรมชาติ
ออกมาชื่นชมกับความงามของท้องฟ้า สายลม แสงแดด ต้นไม้ใบหญ้า สิ่งมีชีวิตอื่นบ้าง รับพลังงานชีวิตจากดวงอาทิตย์ จากสิ่งรอบๆตัว
ไม่มัวหมกมุ่นอยู่ปัญหา ภาระหน้าที่การงานจน
ไม่มีเวลาออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน
พยายามใช้ชีวิตให้สมดุล สมดุลของฉันก็คือ
ความพอดี ตามเหตุอันควร หาเวลาพักผ่อนกาย และใจบ้าง
ไม่ปล่อยให้การงาน หรือ แม้แต่สภาพอากาศมาบดบังใจ
จนมองไม่เห็นความงามของสิ่งต่างๆ

ใช้เวลานอกบ้านเพื่อเจอกับแสงแดดบ้าง
รับประทานอาหารให้สมดุลกับความต้องการของร่างกาย
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
พบปะพูดคุยกับเพื่อนฝูง หาเวลานั่งสมาธิ ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายบ้าง

ฉันว่า การอาการซึมๆเศร้าๆตามฤดูกาล ชวนให้ฉันมองเห็นว่า
เราไม่ใช่จุดศูนย์กลางของจักรวาล แต่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
ที่สัมพันธ์และพึ่งพิงธรรมชาติอย่างมากที่สุด
อยู่ที่ว่าเราสัมผัสและรับรู้กับมันแบบใด
แสงแดดที่อบอุ่นในตอนเช้า
อาจเพิ่มพลังในการทำงานในแต่ละวันของเรา หรือทำให้หงุดหงิดใจ
ลมที่พัดมาอ่อนๆช่วยให้เราเย็นกายเย็นใจ หรือรู้สึกรำคาญใจ
เสียงนกร้องชวนให้เรารู้สึกรื่นรมย์ ผ่อนคลาย หรือวุ่นวายใจ
ใบอ่อนของต้นไม้มอบความชุ่มชื่นใจ กิ่งก้านให้ร่มเงายามเหนื่อยอ่อน
หรือเกะกะตาเกะกะใจ

สิ่งรอบตัวล้วนมีผลต่อใจ ไม่แง่มุมใดก็แง่มุมหนึ่ง
จึงไม่น่าแปลกที่สภาพอากาศหรือฤดูกาลที่เปลี่ยนไป
จะส่งผลกระทบต่อใจ...
สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้เราเกิดความเศร้า..ซึมไปบ้าง
ก็พีงน้อมรับว่า ชีวิตของเรามีทุกฤดูกาล สุขทุกข์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ
แม้ว่าจะไหวเอนไปตามสภาพอากาศบ้าง
แต่ใจที่ผ่านการฝึกมาดีแล้ว
ก็สามารถมองเห็นรากเหง้าของความเศร้าซึมของตน
และยืนหยัดอยู่ได้ดั่งต้นหญ้าต้องลม

หากแม้ไม่เคยมองเห็น หรือสำรวจเลยว่า
ตะกอนของความซึมเศร้ามีอยู่ในใจ
ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ความเศร้าในใจก็เกิดขึ้นได้ไม่แตกต่างกัน...
...
...
...
...
ขอขอบคุณ...วรัญญา วชิโรดม




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 17 ตุลาคม 2552 4:40:53 น.
Counter : 1492 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sine_zaa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันเชื่อว่าความรักมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจ…
เราพร้อมจะทุ่มเททุกสิ่งให้กับใครบางคนตรงหน้า
ด้วยเข้าใจว่านั่นคือความรัก
แต่ลองมองอีกครั้ง
เราอาจพบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความหลง
..............

click to create your own
Friends' blogs
[Add sine_zaa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.